สงขลา ท้าทายอำนาจรัฐ กลุ่มคนร้าย ทุบป้อมเมืองเก่า สมัยกรุงศรี ไม่สามารถดำเนินดีผู้ก่อเหตุบุกรุกทำลายได้สักครั้ง แนะควรลงทุนป้องกันสมบัติล้ำค่าชาติ แซะฝ่ายการเมืองไร้นโยบายดูแล

26 เม.ย. 66 – จากกรณีเกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่ม ก่อเหตุทุบทำลาย ป้อมหมายเลข 6 ซึ่งเป็นหนึ่งใน 15 ป้อมเมืองสงขลาเก่า สมัยกรุงศรีอยุธยา ตั้งอยู่บนยอดเขาแดง ตำบลหัวเขา อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่ายทั้งสำนักศิลปากรที่ 11 สงขลา ฝ่ายปกครองและตำรวจภูธร ได้เข้าตรวจสอบพบว่า ความเสียหายที่แนวกำแพงป้อม 8 จุด

ซึ่งประเมินเป็นมูลค่าความเสียไม่ได้ เนื่องจากเป็นสมบัติของแผ่นดิน มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ซึ่งส่วนราชการยังไม่ชัดเจนในเรื่องมูลเหตุจูงใจ ซึ่งพบว่า เหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความเสียหายให้กับโบราณสถานมากที่สุด จากหลายครั้งที่เกิดเหตุในหลายป้อมเมือง ซึ่งน่าจะไม่ใช่ฝีมือของกลุ่มวัยรุ่นคึกคะนอง หรือ คนสติไม่ดี แต่น่าจะมีมูลเหตุจูงใจมากกว่านั้น

นายบรรจง นะแส ตัวแทนเครือข่ายกลุ่มคัดค้านการบุกรุกโบราณสถานมองว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่า กลุ่มก่อเหตุไม่ได้สนใจ กฎหมาย อำนาจรัฐ หรือบทลงโทษใดๆ เป็นการท้ายทายอำนาจรัฐที่หย่อนยาน ที่ผ่านมายังไม่เคยมีการดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดกับกลุ่มที่บุกรุกโบราณสถาน

แม้จะมีการจับกุมดำเนินคดี กลุ่มก่อเหตุบุกรุกโบราณสถานเมื่อปี 2565 แต่ขณะนี้คดีก็ยังไม่ขึ้นสู่ศาล ยังสามารถ ลาก ยื้อ คดีมาได้จนถึงทุกวันนี้ ดังนั้นกรมศิลปากร จึงควรที่จะลงทุน ในการวางมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุเช่นนี้

ตำรวจ จังหวัดสงขลา อำนาจรัฐทุกส่วน จึงควรที่จะจริงจังต่อการอนุรักษ์โบราณสถานที่มีมูลค่ามหาศาล เอาไว้ และหากไม่สามารถดำเนินการ ก็ควรที่จะพิจารณาตัวเองเสียที

นายบรรจง กล่าวอีกว่า ไร้ความหวังในการให้การเมืองเข้ามาช่วงดูแล ปกป้องโบราณสถาน รวมถึงการพัฒนาต่อยอดทางเศรษฐกิจ เพราะพรรคการเมืองแต่ละพรรค ไม่มีแม้แต่พรรคเดียว ที่พูดถึงแหล่งโบราณสถาน ว่ามีนโยบายอย่างไร ต่อเมืองสงขลาเก่า

การไปสู่เมืองมรดกโลก ยังห่างไกล ที่จะฝากความหวังไว้กับพรรคการเมือง และนักการเมืองได้ ทั้งในระดับชาติ และระดับพื้นที่ ยังไม่เคยมีนักการเมืองพรรคไหน ที่ออกมาพูดถึงแหล่งโบราณสถาน ไม่มีนโยบายการอนุรักษ์ ฟื้นฟู ต่อยอดไปพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนอย่างไร

มีแต่ประชานิยม ไม่มีพรรคไหนกล้าพูดเรื่องการบุกรุกที่ผ่านมา แสดงถึงว่า มีอำนาจ อิทธิพล อยู่จริง ที่คุมนักการเมือง และข้าราชการประจำได้ ทำให้คดีบุกรุกโบราณสถานไปไม่ถึงไหน จับได้เฉพาะคนเล็กคนน้อยเท่านั้น ความหวังในการอนุรักษ์รวมถึงต่อยอดจึงเป็นไปได้ยาก