ชาวบ้านขวัญผวา หม่อมหลวงหัวร้อน เพื่อนบ้านบ่นเมาเสียงดัง แถมต่อยสู้ไม่ได้ ไล่ยิ่งดับกลางถนน แล้วยิงตัวตายตาม
หนุ่มใหญ่อ้างเป็นหม่อมวัย 59 ปี กินเหล้าแล้วชอบเสียงดังรบกวนชาวบ้าน ถูกเพื่อนบ้านโพสต์ต่อว่า ไม่พอใจสะสมมาหลายปี ผ่านหน้าบ้านไปมาร้องด่าเสียๆ หายๆ ทนไม่ไหวถึงขนาดท้าตีท้าต่อย ลงมือจริงสู้รุ่นน้องวัย 46 ไม่ได้ วิ่งกลับเข้าบ้านคว้า .38 มม. ไล่ยิงเข้าเบ้าตากลางถนน แล้วยืนคุมเชิงห้ามไม่ให้ใครช่วย สุดท้ายเห็นรถตำรวจเลี้ยวเข้าซอยมา ตัดสินใจใช้ปืนกระบอกเดียวกันลั่นไกใส่ขมับขวาตัวเองตายตามไปหนีความผิด
เมื่อเวลา16.30 น. วันที่ 8 ส.ค.2567 ร.ต.อรัฐพล เดชนรสิงห์ รองสว.(สอบสวน) สภ.เมืองกาฬ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันตายกลางถนนหมู่บ้านแห่งหนึ่งใน อ.เมืองบึงกาฬ จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนเดินทางไปยังที่เกิดเหตุพร้อมได้ชุดสืบสวน และตำรวจพิสูจน์หลักฐานบึงกาฬ เมื่อเจ้าหน้าที่ขับรถเลี้ยวเข้าในซอยหมู่บ้าน เห็นบุคคลคว้าอาวุธปืนสั้นจ่อยิงขมับตัวเองตายต่อหน้าต่อตา และพบอีกศพหนึ่งห่างไปประมาณ 25 เมตรมีชาวบ้านยืนมองดูอยู่
ต่อมา ทราบชื่อชายที่ยิงตัวตายคือ ม.ล.วันชัย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 59 ปี ใส่เสื้อยืดสีแดงคอกลมแขนสั้น กางยีนส์ขายาวสีนำเงิน ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .38 มม. เข้าขมับขวากระสุนฝังใน นอนเสียชีวิตอยู่บนถนนคอนกรีตตรงข้ามบ้านของตัวเอง
ส่วนศพแรกที่ถูก ม.ล.วันชัย ยิงเสียชีวิตไปก่อนนั้น สภาพศพนอนหงาย ไม่สวมเสื้อ สวมกางเกงยีนส์ขายาว ถูกยิงด้วยกระสุนขนาด .38 มม. เข้าเบ้าตาขวากระสุนทะลุท้ายทอย ทราบชื่อต่อมาว่า นายอุทัย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 46 ปี อาศัยอยู่บ้านห่างออกไปประมาณ 90 เมตร
จากการให้สัมภาษณ์ของภรรยานายอุทัย เล่าว่า ปกติแล้วผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นหม่อมหลวงนั้น จะเป็นคนชอบดื่มสุราเสียงดังในหมู่บ้านเป็นประจำ ใครก็ไม่กล้าตักเตือน โดยตนเองและสามีเป็นคนที่ทนเห็นการกระทำไม่ไหว จึงได้โพสต์ลงในเฟซบุ๊กต่อว่าไปนานหลายปีแล้ว ในเมื่อตัวเองเป็นถึงหม่อมหลวงแล้วการจะกินเหล้าเมายาก็อย่าให้รบกวนชาวบ้านมากนัก ใครก็กินเหล้ากันได้แต่ว่ากินแล้วให้มีมารยาทหน่อย อย่าเสียงดังรบกวนชาวบ้านมาก ทำให้หม่อมวันชัยผู้เป็นมือปืนไม่พอใจ ต่อว่าในเฟสเข้ามาเช่นกัน เวลาที่พวกตนเดินผ่านหรือขับรถผ่านสี่แยกบ้านหม่อมวันชัยทีไร ก็จะถูกต่อว่าหรือตะโกนด่าทุกครั้งให้เสียๆ หายๆ แต่พวกตนก็อดทนไม่แยแสด้วยทุกครั้ง
กระทั่งวันนี้ก่อนเกิดเหตุสามีตนก็เดินผ่านหน้าบ้านนั้นอีกครั้ง จึงเกิดท้าตีท้าต่อยกัน สามีซึ่งอายุน้อยกว่าได้ลงมือชกต่อยกันจริง แต่หม่อมสู้ไม่ไหวจึงวิ่งเข้าไปเอาปืนพกสั้นในบ้านเข้ามาไล่ยิงสามีตน จังหวะที่สามีกำลังจะเดินกลับใกล้ถึงบ้านแล้ว ถูกหม่อมวิ่งเอาปืนไปข่มขู่จะฆ่าให้ตาย จนสามีตนก็ยกมือไหว้ว่ายอมแล้ว ไม่ขอเอาเรื่องด้วยแล้ว แต่กระนั้นหม่อมหัวร้อนก็ยังไม่ลดละชักปืนออกมายิงเข้าเบ้าตาจนล้มลงดับอนาถดังกล่าว แล้วยังยืนเฝ้าสามีที่นอนหายใจรวยริน คุมเชิงห้ามใครเข้าใกล้หรือมาช่วยเหลือเด็ดขาด ไม่งั้นจะโดนยิงตายไปด้วย ระหว่างนั้นมีคนโทรไปแจ้งตำรวจ เมื่อเห็นรถตำรวจเลี้ยวเข้าซอยที่เกิดเหตุหม่อมถึงยกปืนกระบอกเดียวกันยิงขมับตัวเองตายตามไปเพื่อหนีความผิด
ภรรยานายอุทัย ยังกล่าวด้วยว่า ถึงแม้หม่อมจะฆ่าตัวตายไปแล้ว แต่ตัวเองในฐานะภรรยาก็จะเอาผิดด้วยเช่นกัน เพราะว่าฆ่ากันได้อย่างโหดเหี้ยมเหลือเกิน ทั้งที่ยอมยกมือไหว้แล้วว่าจะไม่ต่อว่าต่อขานกันอีก ขณะที่ทางด้านชาวบ้านในละแวกเดียวกัน ต่างก็พูดเสียงเดียวกันว่านายอุทัยคือผู้กล้าหาญ ต่อว่าและต่อสู้กับนายหม่อมหลวงวันชัยที่เปรียบเสมือนขาใหญ่ในหมู่บ้าน
ทั้งนี้ ศพบุคคลทั้งสองหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและพิสูจน์หลักฐานชันสูตรแล้ว จะเก็บศพไว้ที่โรงพยาบาลบึงกาฬ และพรุ่งนี้เช้าจะส่งไปตรวจหาเอาหัวกระสุนออกที่สถาบันนิติเวชขอนแก่นต่อไป ส่วนสาเหตุการยิงกันตายในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะได้สอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้งหนึ่ง