หมีเนย Butterbear ฟีเวอร์! เผยโฉมเจ้าของแบรนด์สาวสวย อดีตนักร้องทายาทร้านดัง

Home » หมีเนย Butterbear ฟีเวอร์! เผยโฉมเจ้าของแบรนด์สาวสวย อดีตนักร้องทายาทร้านดัง

กระแส หมีเนย Butterbear ฟีเวอร์! เผยโฉมเจ้าของแบรนด์ อดีตนักร้องสาวสวยเก่ง ทายาทร้านขนมดัง

ไอดอลสาวที่มาแรงที่สุดในตอนนี้ เรียกว่าสร้างปรากฏการณ์ตำนานบทใหม่สุด เพราะเธอไม่ใช่คน แต่เป็นมาสคอตหมีที่ชื่อว่า “น้องเนย” หรือ หมีเนย จากร้านขนม Butterbear ตั้งอยู่ที่ Emsphere ห้างเปิดใหม่ใจกลางสุขุมวิท

แม้จะเป็นร้านเปิดใหม่ แต่เจ้าของนั้นถือว่าคร่ำหวอดในวงการร้านขนมมาอย่างยาวนานตลอดทั้งชีวิต เธอคือ บูม-ธนวรรณ วงศ์เจริญรัตน์ ทายาทของ ดาว-ณัฐธยาน์ ปางพุฒิพงศ์ เจ้าของร้านอาหารดัง คอฟฟี่ บีนส์ บาย ดาว (Coffee Beans by Dao) ที่มีชื่อเสียงทั้งอาหารและขนม ซึ่งนอกจากช่วยคุณแม่ดูแลธุรกิจร้านอาหาร บูม ธนวรรณ ยังมีแบรนด์เบเกอรี่เพื่อสุขภาพของตัวเองในชื่อ สกินนี่ลิเชียส (Skinnylicious) ก่อนจะแตกไลน์รวมพลังกับน้องสาว เบลล์-ธนาภา ปางพุฒิพงศ์ มาเปิดร้าน Butterbear ทั้งคิดสูตรขนมและปั้นแบรนด์ ลงแรงกายแรงสมองร่วมกับทีมงาน จนในที่สุด Butterbear ก็เป็นที่รู้จัก โด่งดังไกลไปถึงประเทศจีน

บูม ธนวรรณ อดีตนักร้องสู่นักธุรกิจขนม

บูม ธนวรรณ เกิดวันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2538 ปัจจุบันอายุ 28 ปี   เป็นลูกสาวคนกลางของ คุณพ่อ อัมพรพิมล วงศ์สงวน กับ คุณแม่ ณัฐธยาน์ ปางพุฒิพงศ์ จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนนานาชาติฮาร์โรว์ และระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยทัฟส์ในบอสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ปัจจุบัน บูม ธนวรรณ แต่งงานแล้วกับ วัน-วิธี วงศ์เจริญรัตน์

ในปี 2555 บูม ธนวรรณ ชนะเลิศการประกวดเต้นในกิจกรรม Shake you be 3.2.1 จึงมาแคสติ้งเป็นศิลปินในค่ายกามิกาเซ่ ซึ่งก่อนหน้านี้เธอได้มีผลงานถ่ายมิวสิควิดีโอให้กับนักร้องร่วมค่ายมาบ้างแล้ว คือ ไม่ต้องให้คนทั้งโลกรักเรา ของวงทรีทูวัน และ ไม่ได้อกหัก ของวงเอ็กซ์ไอเอส

บูม ธนวรรณ ถูกเปิดตัวในฐานะศิลปินคู่กับ เอพริล นภัสรดา ภายใต้ชื่อวง เอบี ควีน พร้อมซิงเกิ้ล “งี่เง่า เข้าใจยาก เรื่องมาก (แล้วรักมั้ย?)” 

ต้นกำเนิดหมีเนย

บูม ธนวรรณ วงศ์เจริญรัตน์ รักการทำขนมเป็นชีวิตจิตใจ และเมื่อคิดจะทำธุรกิจ เธอก็เลือกที่จะไม่ทำภายใต้แบรนด์ของคุณแม่ โดยลงมือทำทุกอย่างด้วยตัวเองตั้งแต่ศูนย์ เพื่อทำให้ได้เรียนรู้และสัมผัสกับการทำธุรกิจจริง ๆ

แนวคิดการสร้าง หมีเนย เป็นการสร้างภาพจำและสะท้อนบุคลิกของแบรนด์ วางคาแรกเตอร์น้องหมีให้เหมือนเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่มีอารมณ์ ความรู้สึก เข้าถึงง่ายและจับต้องได้ ก่อนที่น้องเนยจะมาเป็นไอดอลสาวห้างแตกอย่างทุกวันนี้  ก็เคยเป็นมาสคอตเหงาๆ เดินไปเดินมาอยู่หน้าร้าน ก่อนจะเริ่มเป็นไวรัลจากคลิปเต้นงานวันเด็ก พอจับทางได้ว่าคนชอบอะไร หมีเนยจึงได้โชว์ทักษะการเต้นทั้ง T-POP และ K-POP ท่าเป๊ะน่ารักน่าเอ็นดู จนได้ใจกลุ่มแฟนคลับไอดอลทั้งไทยและอินเตอร์

หมีเนย มีคิวโชว์ตัวทุกวันเสาร์-อาทิตย์ (และวันศุกร์ในบางสัปดาห์) ที่หน้าร้านสาขา Emsphere เพื่อให้แฟน ๆ ได้ถ่ายภาพคู่ และกระทบไหล่น้องอย่างใกล้ชิดแบบฟรีๆ แม้จะไม่ได้ซื้อสินค้าในร้านก็ตาม ซึ่งการพบปะแฟนคลับนอกจากการเต้นโชว์แล้ว บุคลิกท่าทางของน้องเนยที่เหมือนเด็กร่าเริงสดใส สนุกสนาน บางทีก็เปิ่น ๆ โก๊ะ ๆ ขี้อ้อน ก็เป็นเสน่ห์ที่ทำให้หลายคนยิ่งตกหลุมรักมาสคอตหมีตัวนี้ ซึ่งน้องเนยดังในหมู่นักท่องเที่ยวจีน ก่อนจะเป็นไวรัลในไทยด้วยซ้ำ ดังถึงขนาดที่โดนก๊อปไปทั้งตัว แตกต่างแค่ตัวปลอมหุ่นเพรียวไม่น่ากอดเหมือนต้นฉบับ อีกทั้งแฟน ๆ ยังลงความเห็นว่า จริตจะก้านของแม่สาวนักก็อป เทียบกับความน่ารักตะมุตะมิของน้องเนยไม่ได้เลยสักนิด

หมีเนย ไอดอลสาวห้างแตก

จากมาสคอตร้านขนม ปัจจุบันน้องเนยเดบิวต์ เข้าสู่วงการ T-POP เดินหน้าขยายฐานแฟนคลับ หลังปล่อยผลงานเพลงออกมาถึง 2 ซิงเกิล ประเดิมด้วยเพลงเดบิวต์แสนสดใสอย่าง It’s Butterbear! และอีกเพลงที่กำลังฮิตติดหูสุดๆ อย่างเพลง น่ารักมั้ยไม่รู้ (Narak Mhai Mai Roo) 

ความฮอตของหมีเนย เริ่มกระจายตัวไปทุกพื้นที่โซเชียล โดยเฉพาะ X และ TikTok แพลตฟอร์มที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนแบรนด์ธุรกิจปัจจุบัน พูดง่ายๆ คือ คลิปหมีเนยเต็มหน้าฟีด นอกจากออกสเต็ปเต้นได้ทุกเพลงแล้ว ยังเป็นไวรัลจากการเดินไปทักทายร้านขนมข้างๆ อย่างแบรนด์ SOURI ของ วิน เมธวิน และยังไปเป็นแขกรับเชิญในคอนเสิร์ตของ มาย ภาคภูมิ ซึ่งก็ได้เอ็นเกจเมนต์ในโซเชียลไปแบบฉ่ำๆ เลยทีเดียว

ความเฟมัส (Famous) ของไอดอลสาวทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ ทีมงานที่เรียกว่า พี่เลี้ยงน้องเนย ยังขยันสร้างสรรค์คอนเทนต์ เช่น การส่งการบ้าน รายงานกิจวัตรประจำวัน ให้ได้ติดตามอย่างต่อเนื่อง สร้างตัวตนเสมือนโลกของน้องเนยมีอยู่จริงทั้งที่บ้านและโรงเรียน เติมความมีชีวิตชีวาให้กับแฟนคลับทุกเพศทุกวัย  สุดท้ายทั้งคนที่มาเจอตัวเป็น ๆ และคนที่ดูคลิปผ่านทางโซเชียลก็ต่างโดนน้องเนยตกไปตาม ๆ กัน เกินต้านจริง ๆ

จนตอนนี้ มาสคอตน้องเนย กลายเป็นไอดอลสาวห้างแตก ที่มีคนมาต่อคิวรอถ่ายรูป พบปะทักทาย ซึ่งหลายคนก็หอบหิ้วขนมนมเนยของฝากมาให้ราวกับเป็นศิลปินคนหนึ่ง ไม่ใช่เพียงมาสคอตธรรมดาๆ อีกต่อไป

ใครอยู่ในมาสคอตหมีเนย

คำถามนี้น่าจะเป็นสิ่งที่หลายคนอยากรู้ และก็เป็นคำถามต้องห้ามในด้อมน้องเนยเช่นกัน เพราะคนที่ถามจะได้คำตอบว่า “น้องเป็นหมีจริงๆ ข้างในก็คือหมี” ซึ่งเป็นผลมาจากแนวคิดการวางคาแรกเตอร์น้องหมีให้เหมือนเป็นมนุษย์คนหนึ่ง ซึ่ง(คนที่อยู่ภายใน)น้องเนยก็ทำออกมาได้ดี ทั้งบุคลิกท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู ไหว้สวยมารยาทงาม มีปฏิสัมพันธ์กับทุกคนรอบข้าง ทักทายพี่ รปภ.หน้าห้าง หรือหยอกล้อแกล้งกับทีมพี่เลี้ยง และสเต็ปการเต้นที่ต้องฝึกฝนมาไม่ใช่น้อย

สิ่งที่น่าทึ่งของน้องเนยก็คือ มาสคอตมีเพียงหน้าเดียว ไม่มีการแสดงสีหน้า แต่น้องเนยสามารถสื่ออารมณ์ความรู้สึกผ่านท่าทางการเคลื่อนไหว จนสามารถสื่อสารได้โดยไม่ต้องพูดแม้แต่คำเดียว ซึ่งความน่ารักสดใสของน้องเนย ทำให้ทุกคนเต็มใจที่จะเข้าไปอยู่ในโลกจินตนาการ โดยไม่ทักถามตามหาว่าแท้จริงแล้วหมีเนยคือใคร ปล่อยให้เป็นความลับนางฟ้าต่อไป

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ