ควรรับประทานทุกวัน! หมอไต้หวันแนะนำ “ผักต้านมะเร็งสุดแกร่ง” ซ่อนอยู่ในครัว ป้องกันมะเร็ง 7 ชนิด
บรอกโคลีและผักตระกูลกะหล่ำขึ้นชื่อว่าเป็น “ผักต้านมะเร็ง” แต่คุณรู้หรือไม่? ผักในครัวอย่างหัวหอม กุยช่าย กระเทียม และต้นหอม ก็มีประสิทธิภาพต้านมะเร็งไม่แพ้กัน
แพทย์ฉุกเฉิน ดร.จาง ซื่อเหิง เผยว่า ผักเหล่านี้อุดมไปด้วยสารกำมะถันอินทรีย์และไฟโตเคมิคอล ที่ช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็ง ไม่เพียงเพิ่มกลิ่นหอมให้อาหาร แต่ยังมีพลังต้านมะเร็งที่น่าทึ่งอีกด้วย
ดร.จาง ซื่อเหิง ได้แชร์ผ่านช่อง YouTube ของเขาภายใต้หัวข้อ “ผักชนิดนี้คืออาวุธลับต้านมะเร็งที่ทรงพลังที่สุด มีชื่อว่ากลุ่มหินลิ้นมังกรหรือพืชตระกูลหัวหอม” เมื่อหอมหัวใหญ่ถูกหั่น จะปล่อยก๊าซกำมะถัน (SPSO) ออกมา ซึ่งเมื่อสัมผัสกับชั้นน้ำตาบนผิวดวงตา จะเกิดกรดกำมะถันในปริมาณเล็กน้อย ทำให้ดวงตาหลั่งน้ำตาออกมาเพื่อชะล้าง ส่วนต้นหอมก็มีผลคล้ายกัน แต่เนื่องจากมีสารดังกล่าวน้อยกว่า จึงเกิดปฏิกิริยาเบากว่า
หัวหอม, ต้นหอม, กระเทียม และกุยช่าย ซึ่งมีกลิ่นแรงโดดเด่น มีจุดเด่นร่วมกันคืออุดมไปด้วยสารประกอบกำมะถันอินทรีย์ สารเหล่านี้ไม่เพียงเป็นแหล่งของกลิ่นหอมเฉพาะตัว แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญในการเพิ่มรสชาติ แต่อย่ารับประทานมากเกินไป เพราะอาจทำให้มีกลิ่นปากได้
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผักตระกูลหอมได้รับความสนใจอย่างมากในฐานะผักต้านมะเร็ง เนื่องจากอุดมไปด้วยสารกำมะถันต้านมะเร็งและไฟโตนิวเทรียนต์ เช่น เควอซิทิน (Quercetin) และฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ซึ่งมีศักยภาพในการยับยั้งเซลล์มะเร็ง
ดร.จาง ซื่อเหิง ชี้ว่า จากงานวิจัยทางระบาดวิทยาขนาดใหญ่พบว่า ผู้ที่รับประทานผักตระกูลหอมในปริมาณมากทุกวัน มีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งศีรษะและลำคอ มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งปอด มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งเต้านม ลดลงอย่างชัดเจน
กินสดหรือปรุงสุก ต่างกันอย่างไร
สารสำคัญในหัวหอมแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ สารกำมะถันอินทรีย์ที่ไวต่อความร้อน และโพลีฟีนอลต้านอนุมูลอิสระ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า:
- กินสด: ช่วยเสริมประสิทธิภาพการต้านมะเร็งสูงสุด ควรสับหัวหอมแล้วพักไว้ 10 นาทีก่อนรับประทาน
- ปรุงสุก: ใช้น้ำมันผัดด้วยไฟอ่อน (ประมาณ 160 องศา) นาน 4-8 นาที จะช่วยปลดปล่อยสารต้านอนุมูลอิสระได้มากขึ้น
- วิธีที่ดีที่สุด: สลับรับประทานทั้งแบบสดและปรุงสุก เพื่อให้ได้คุณค่าทางโภชนาการสูงสุด
นอกจากนี้ กระเทียมดำเกิดจากการนำกระเทียมสดมาหมักในสภาพแวดล้อมที่อุณหภูมิ 60 องศาและความชื้นประมาณ 80% เป็นเวลาหลายสัปดาห์ งานวิจัยพบว่า กระเทียมดำมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระที่ดีกว่า ขณะที่กระเทียมสดมีประสิทธิภาพในการต้านการอักเสบได้ดียิ่งกว่า
- “กระเทียมดำ” กับ 10 สรรพคุณเลอค่าที่ต่างชาติยังยอมรับ
ดร.จาง ซื่อเหิง เตือนเป็นพิเศษว่า ผักตระกูลหอมมีพิษต่อสัตว์เลี้ยง เนื่องจากมีสารกำมะถัน DPDS ซึ่งอาจทำให้สัตว์เลี้ยงเป็นโรคโลหิตจาง และในกรณีรุนแรงอาจเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวหรือการหายใจล้มเหลวได้ เจ้าของสัตว์เลี้ยงควรหลีกเลี่ยงการให้อาหาร และระมัดระวังไม่ให้สัตว์เลี้ยงเข้าใกล้ขณะหั่นผัก