หมอมาแนะนำเอง 10 ผักที่ไม่อร่อย แต่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ! ที่ไทยมีครบทุกอย่าง หาซื้อกินได้ง่ายมาก
มีผักที่ไม่อยากกินบ้างไหม? นายแพทย์หลี่ ถังเยว่ แพทย์จากคลินิกลดน้ำหนักและแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว ได้แชร์ “10 ผักที่ไม่ค่อยอร่อยแต่ดีต่อสุขภาพ” พร้อมยอมรับตรงๆ ว่า “อันสุดท้ายผมว่าไม่อร่อยเลย!””
นายแพทย์หลี่ ถังเยว่ ได้กล่าวในช่อง YouTube 《初日醫學 – 宋晏仁醫師 x Cofit》 ว่าด้วย “10 ผักที่ไม่อร่อยแต่ดีต่อสุขภาพ”
1. มะระ: อุดมไปด้วยวิตามินซีและไฟเบอร์ ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด แต่รสขมมาก
นักโภชนาการเกา มินมิน กล่าวว่า มะระมีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก โดยมีวิตามินซีในปริมาณมากจนได้รับฉายาว่า “ราชาของวิตามินซีในบรรดาผัก” ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดและหัวใจ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และบำรุงผิวพรรณ ไฟเบอร์ในมะระช่วยปรับสมดุลระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด ยังมีสารคิวเคอร์บิทาซิน ที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความแก่และอ่อนล้า และช่วยในการย่อยอาหาร
2. กระเจี๊ยบเขียว: เป็นอาหารที่มีไฟเบอร์สูง ช่วยบำรุงสุขภาพระบบทางเดินอาหาร แต่มีเนื้อสัมผัสเหนียวหนืด ซึ่งบางคนอาจไม่ชอบ
นักโภชนาการ หนี ม่านติง อธิบายว่า เมือกในกระเจี๊ยบเขียวมีเพคติน ซึ่งช่วยซ่อมแซมเยื่อบุลำไส้และมีประโยชน์ในการปกป้องระบบทางเดินอาหาร เธอแนะนำว่าเมื่อปรุงกระเจี๊ยบเขียว ควรหลีกเลี่ยงการหั่นเป็นชิ้นๆ และควรเก็บรักษา “รูปแบบดั้งเดิมของอาหาร” ไว้ เพราะจะทำให้ได้รับสารอาหารทั้งหมด
นอกจากนี้ กระเจี๊ยบเขียวยังไม่เหมาะสำหรับทุกคนที่จะรับประทาน เธอเตือนว่า เนื่องจากกระเจี๊ยบเขียวทุกๆ 100 กรัมมีโพแทสเซียม 203 มก. จึงไม่แนะนำให้ผู้ที่เป็นโรคไตและมีโพแทสเซียมในเลือดผิดปกติให้รับประทานเป็นประจำหรือมากเกินไป
3. กุยช่าย: อุดมไปด้วยวิตามินเคและกรดโฟลิก ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด
นักโภชนาการ หลี่ หวานผิง กล่าวว่า กุยช่ายไม่เพียงแต่มีเบต้า-แคโรทีนและวิตามินบี 2 สูง แต่ยังช่วยขจัดความเย็นและทำให้ร่างกายอบอุ่น ช่วยส่งเสริมการไหลเวียนโลหิต และทำให้ร่างกายอบอุ่น
4. ขึ้นฉ่าย: อุดมไปด้วยน้ำและเส้นใยอาหาร ซึ่งมีประโยชน์ในการลดน้ำหนัก แม้รสชาติจะมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ขึ้นฉ่ายมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ขึ้นชื่อว่า “ยาจากครัว” นักโภชนาการ หลิ่ว เจียอิน กล่าวว่า ขึ้นฉ่ายมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ลดความดันโลหิต และกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ อุดมไปด้วยวิตามิน A, C, เบต้าแคโรทีน แคลเซียม และโพแทสเซียม รวมถึงไฟเบอร์ที่ช่วยขับถ่าย
นอกจากนี้ การวิจัยยังพบว่าคื่นฉ่ายมีสารอพิเจนิน ซึ่งช่วยกำจัดอนุมูลอิสระในร่างกาย ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน และต่อสู้กับมะเร็งได้
5. แครอท: อุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน ช่วยบำรุงสุขภาพดวงตา แต่เด็กๆ มักไม่ชอบมัน
นักโภชนาการ ซู เจียชิง อธิบายว่า แครอทมีปริมาณน้ำสูงถึง 90% และอุดมไปด้วยวิตามิน B, C, เบต้าแคโรทีน และแร่ธาตุต่างๆ เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก โพแทสเซียม และโซเดียม ช่วยป้องกันการเสื่อมของจอประสาทตาและปรับปรุงการมองเห็น เบต้าแคโรทีนยังช่วยรักษาสุขภาพเหงือกและฟัน และป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดได้อีกด้วย
6. พริกหวาน: อุดมไปด้วยวิตามิน C สูงมาก
นักโภชนาการ หลี่ ว่านผิง กล่าวว่า พริกหวานเป็นผักที่มีวิตามิน C สูงกว่าผลไม้บางชนิด เช่น ส้มและมะนาว เมื่อทำเป็นสลัดผักจะได้วิตามิน C เต็มเปี่ยม ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
นอกจากนี้ ยังมีสารชาโพลีฟีนอล ที่มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อ และช่วยปกป้องจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้ เพิ่มความสามารถในการต้านทานของลำไส้ แต่เนื่องจากพริกหวานมีโอลิโกแซ็กคาไรด์ บางคนอาจมีอาการท้องอืดเมื่อdbนมากเกินไป ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
7. ถั่วลันเตา: อุดมไปด้วยโปรตีนและไฟเบอร์ แต่มีเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างแห้ง
8. ผักเคล: มีวิตามิน K และอินโดลสูง แต่เนื้อค่อนข้างแข็ง และบางครั้งอาจมีรสขมเล็กน้อย
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคไต หง หย่งเซียง กล่าวว่า ผักเคลมีแคลเซียมสูง ซึ่งสำคัญสำหรับผู้ที่ขาดแคลเซียม โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคไต นอกจากนี้ ยังมีธาตุเหล็กสูง ช่วยสร้างฮีโมโกลบินและป้องกันโรคเบาหวาน
ผักเคลยังอุดมไปด้วยโพแทสเซียม ที่ช่วยขับน้ำและเกลือส่วนเกินในร่างกาย จึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการลดอาการบวม และปรับปรุงความดันโลหิตสูงสำหรับผู้ที่มีการทำงานของไตเป็นปกติ แต่สำหรับผู้ที่มีภาวะไตวายเรื้อรังควรลวกก่อนรับประทานอาหาร
9. ผักชี: อุดมไปด้วยวิตามิน A, C, K และสารต้านอนุมูลอิสระ บางคนชื่นชอบมาก แต่บางคนก็ไม่ชอบเลย
นักโภชนาการ ซง หมิงฮวา อธิบายว่า ผักชีมีวิตามิน C มากกว่ามะเขือเทศถึง 3 เท่า และยังสูงกว่าพีช ลูกแพร์ และแอปเปิ้ล วิตามิน C ที่พบในผักและผลไม้จะถูกทำลายเมื่อสัมผัสกับความร้อน แต่เนื่องจากผักชีมักจะถูกใส่เป็นส่วนท้าย หรือในสลัดผัก จึงช่วยรักษาวิตามิน C ไว้ได้ครบถ้วน
นอกจากนี้ ยังมีเบต้าแคโรทีนสูงกว่ามะเขือเทศ ถั่วแขก และแตงกวาถึง 10 เท่า และยังอุดมไปด้วยวิตามิน B1, B2 และแร่ธาตุต่างๆ เช่น แคลเซียม เหล็ก ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม และโพแทสเซียม
หมอหลัว ซางเจีย เคยกล่าวไว้ในหนังสือไม่เป็นโรคตามวิธีการแพทย์ทิเบต ว่า เพื่อให้ผักชีมีคุณค่าทางการรักษาสูงสุด การกินแค่ใบเล็กๆ 1-2 ใบที่ใช้ตกแต่งจาน ไม่เพียงพอ ควรกินผักชีสด 1-2 ก้านต่อครั้ง หรือใช้ผักชีเป็นส่วนประกอบหลักในการทำอาหาร
เมื่อกินผักชีเป็นระยะเวลาหนึ่ง จะช่วยขจัดสารพิษหนักในหัวใจ ตับ ปอด ไต และทางเดินอาหาร จึงถูกเรียกว่า “ยาล้างพิษที่ดีที่สุด” นอกจากนี้ ยังช่วยปรับสมดุลน้ำตาลในเลือด กระตุ้นความอยากอาหาร ต้านแบคทีเรีย และช่วยแก้ปัญหาสมองฝ่อได้ จึงเป็นข่าวดีสำหรับผู้ที่มีปัญหาความจำสั้น
10. มะเขือม่วง: อุดมไปด้วยไฟเบอร์ และวิตามิน B1, B6
เว็บไซต์สุขภาพทางการแพทย์ Hello醫師 ระบุว่า มะเขือม่วงมีสารต้านอนุมูลอิสระจำนวนมาก ช่วยต่อต้านการทำลายจากอนุมูลอิสระ ชะลอวัยและลดความเสี่ยงจากโรคต่างๆ เปลือกมะเขือยาวอุดมไปด้วยสารแอนโธไซยานิน
ซึ่งสารโซลานินที่ให้สีม่วงสดใสแก่ผิวมะเขือม่วง มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ ช่วยปกป้องเซลล์สมอง และป้องกันการสูญเสียความทรงจำหรือความเสื่อมของการรับรู้ที่เกิดจากวัยชรา การรับประทานมะเขือม่วงพร้อมเปลือกจะช่วยให้ได้รับแอนโธไซยานินอย่างเต็มที่