หมอเรียกญาติสั่งเสีย ลูกชายโป๊งเหน่ง เชิญยิ้ม เผยอาการพ่อ หยุดหายใจได้ตลอด

Home » หมอเรียกญาติสั่งเสีย ลูกชายโป๊งเหน่ง เชิญยิ้ม เผยอาการพ่อ หยุดหายใจได้ตลอด


หมอเรียกญาติสั่งเสีย ลูกชายโป๊งเหน่ง เชิญยิ้ม เผยอาการพ่อ หยุดหายใจได้ตลอด

หมอเรียกญาติสั่งเสีย ลูกชายโป๊งเหน่ง เชิญยิ้ม เผยอาการพ่อล่าสุด หยุดหายใจได้ตลอดเวลา หลายโรครุมเร้า พ่อห่วงแม่-ลูกๆ จะอยู่ยังไง

นักแสดงตลก เฮงเฮง เชิญยิ้ม ลูกชายของดาราตลกชื่อดัง โป๊งเหน่ง เชิญยิ้ม เผยอาการล่าสุดของคุณพ่อ หลังทรุดหนัก ครอบครัวรีบนำส่งโรงพยาบาลด่วนเมื่อวานนี้(9ก.ค.) หมอบอกให้ญาติทำใจ

ล่าสุดวันที่ 10 ก.ค. 65 เฮงเฮง เชิญยิ้ม เปิดเผยกับ ข่าวสดบันเทิงออนไลน์ ว่า “คุณพ่อมีอาการทรุดหนักช่วงเช้าเมื่อวาน(9ก.ค.) หายใจไม่ค่อยออก ตาลอยๆ ตอนแรกดูอาการถามเขาว่าไหวมั้ยๆ เขาบอกยังไหวอยู่ แต่พอเราดูเขาเริ่มอาการหนักขึ้น เราก็เลยรีบโทรแจ้งรถพยาบาลให้มารับตัวคุณพ่อไป พอไปถึงโรงพยาบาลเข้าห้องฉุกเฉิน หมอเจาะเลือดดูแล้ว เขาบอกเบื้องต้นมีน้ำตาลต่ำ ก็ฉีดน้ำตาลเข้าไปในร่างกายก่อน ประวัติการรักษาคนไข้เป็นหลายโรคมาก ทั้งเส้นเลือดหัวใจตีบ ความดัน เบาหวาน โรคไต ฟอกไตอยู่ด้วย มันหลายอย่างเชื่อมกันไปหมด คนไข้มีเลือดเสียอยู่ในร่างกายเยอะ

หมอก็พูดว่า ญาติทำใจไว้บ้างก็ดีนะ หมอบอกแบบนี้ แจ้งให้ทราบทุกคน อยากมาเจอมาคุยไว้เลย เพราะว่าคนไข้สามารถหยุดหายใจได้ตลอดเวลา เพราะว่าโรคเขาเยอะมาก

ตอนนี้ล่าสุดช่วงเช้า(10ก.ค.)ประมาณตีห้า น้องชายที่นอนเฝ้าพ่ออัพเดตอาการ ตอนนี้คุณพ่อรู้สึกตัวแล้ว ลืมตา พยักหน้าได้ หูฟังเข้าใจ ตอบก็ใช้การพยักหน้า แต่ยังพูดไม่ได้ ไม่มีแรง ใช้เครื่องออกซิเจนช่วยหายใจเพื่อให้หายใจได้คล่องขึ้น ซึ่งอาการดีกว่าเมื่อวานที่เป็นหนักมาก

หลังจากที่ได้ฟังหมอบอกให้ญาติทำใจ จากเบื้องต้นที่มันเกิดขึ้น เราก็พอรับทราบรับรู้มาบ้างแล้ว เพราะคุณพ่อเป็นหลายโรคมาก รักษากันมาอาการมันก็ทรุด อาการหนักอยู่เราก็เข้าใจ คุณหมอก็พูดเป็นนัยๆ ไว้บ้างแล้วครับ ช่วงก่อนหน้านี้ว่าคนไข้เป็นหลายโรคมาก รักษายากมาก ถ้ารักษาตรงนี้จะไปกระทบตรงโน้น ถ้าจะผ่าตัดตรงนี้ก่อนก็จะกระทบตรงนี้ เขาก็บอกว่าร่างกายคนไข้ไม่พร้อมที่จะผ่าตัดมาก คุณหมอก็แจ้งมาว่าต้องเข้าใจตรงนี้ด้วยนะ

บ้านผมไม่ได้มีเวลาไปอัพเดตให้พี่ๆ นักข่าว หรือน้าๆ ในวงการบันเทิง หรือพี่ตลก เพื่อนๆ พ่อสักเท่าไหร่ ฝากบอกตรงนี้ด้วยว่าเราเข้าใจในมุมของทุกคนเหมือนเราปิดกั้นหรือบางทีเราไม่ให้ความร่วมมือไม่บอกเลยว่าพ่อเป็นยังไงบ้าง คือด้วยความที่เรามัวแต่สนใจเรื่องพ่อว่าพ่อเราหนัก คุณแม่ก็เป็นห่วง เพราะแม่กับพ่อเขารักกันมาก พอพ่อมาเป็นอย่างนี้แม่ก็ซึมเศร้า ข้าวไม่ค่อยกิน นอนไม่หลับ เสียใจร้องไห้ตลอด มันเลยไม่มีเวลาที่จะไปโทรบอกน้าๆ วงการบันเทิง แต่พอได้สติ ตอนนี้ก็โทรแจ้งบ้างแล้ว เช่น น้านุ้ย เชิญยิ้ม ลุงเป็ด เชิญยิ้ม น้าๆ ทุกคนก็พยายามฝากบอกต่อกันไป ก็ต้องขอประทานอภัยตรงนี้ด้วย

หลักๆ ตามความประสงค์ของพ่อตั้งแต่ตอนแรกๆ ที่เขาป่วย เขาบอกว่าไม่อยากให้เพื่อนหรือใครต้องมาเดือดร้อนเพราะเขา ให้ครอบครัวเราไหวเท่าไหนทำเท่าที่เราทำได้ นี่คือสิ่งที่เขาต้องการ เขาบอกไว้

ส่วนเรื่องค่ารักษาตอนที่พ่อป่วยก่อนหน้านี้ที่ไปหาหมอ ท่านฤาษีเณร ท่านพุทธคุณที่พ่อผมเขามาอยู่ด้วยที่อยุธยา เขาก็คอยดูแลซัพพอร์ตอะไรขาดเหลือเขาก็ช่วยอยู่ตลอด พยายามจะสู้ด้วยตัวเอง และให้คนใกล้ตัวอย่างอาจารย์เณรช่วยไปก่อน ถ้ามันหนักหรือมันแย่มากกว่านี้เกิดอะไรขึ้น ค่อยว่ากันอีกที เพราะความประสงค์ของพ่อแบบนั้นไม่อยากให้ใครเดือดร้อน แต่ไม่ได้ว่าปิดกั้นไม่บอกไม่แจ้งพวกพี่ๆ วงการ

ถามว่าพ่อห่วงกังวลอะไรมั้ย เฮงเฮง เผยว่า จากที่รักษาพ่อเขาก็รับรู้อาการจากที่หมอบอก ผมว่าเขารู้นะรู้ว่าตัวเองจะกลับมาหาย มาเป็นตลกเหมือนเดิมยาก ถามว่าเขาอยากกลับมาเป็นเหมือนเดิมไหม อยากครับ เขาดูทีวีตลอด พวกรายการต่างๆ ทุกช่อง ถ้าพ่อหายอยากไปรายการนี้ ตอนที่เขายังดีอยู่คงได้ไปรายการนี้ คงได้ไปแจมกับเพื่อนคนโน้น คิดถึงเพื่อนคนโน้นจังเลย เขาก็ดูและพูดอยู่ตลอด แต่ว่าเขาก็รู้แหละว่าเขากลับมาไม่ได้ ที่เขาพูดคือจะห่วงเรื่องว่า ถ้าพ่อไม่อยู่จริงๆ แล้ว พ่อเขาเป็นผู้นำครอบครัว ตอนนี้คนที่โตสุดของบ้านต้องเป็นผม จริงๆ บ้านเรามีลูก 6 คน ผมเป็นลูกคนที่ 3 แต่พี่สองคนเขามีครอบครัวมีบ้านแยกออกไปใช้ชีวิตส่วนตัวกันแล้ว ตอนนี้คนที่โตสุดที่ดูแลอยู่กับแม่ โตสุดก็คือผม เขาจะห่วงผม เพราะว่าตอนนี้ผมเป็นนักแสดงด้วย เป็นตลกด้วย แต่ว่ายังไม่ค่อยได้โอกาสหรือมีช่องทางไหนที่คนจะจ้างงาน เขาก็กลัวว่าถ้าไม่มีพ่อแล้ว แม่กับลูก ๆ น้องๆ จะอยู่กันยังไง เพราะตอนเขาอยู่แข็งแรงเขาดูแลลูกกับเมียดีที่สุด อยู่กินกันอย่างมีความสุขตลอด เขาก็คงห่วงเรื่องนี้ สิ่งที่เขาพูดอย่างเดียว ส่วนเรื่องการรักษา ถ้าถามจริงๆ ตัวเขาไม่ได้กลัวว่าตัวเองจะเป็นอะไรสักเท่าไหร่ ก็ยอมรับสภาพในสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่

พ่อมีอาการทรุดมาเรื่อยๆ ครับ เพราะโรคพวกนี้มันต่อเนื่องกันไปหมด พอร่างกายระบบข้างในมันเสียปุ๊บ ไตไม่ได้ มันไปตับ มันเชื่อมถึงกัน เบาหวาน ความดัน มันหลายอย่างรวมกันจนถึงอาการหนักเมื่อเช้าวานนี้ ถึงจะดีขึ้นลืมตาพยักหน้าได้ แต่หมอก็ย้ำคำเดิมว่า ทำใจกันไว้บ้างก็ดี เพราะไม่รู้ว่าคนไข้จะอะไรยังไงเมื่อไหร่

ขอบคุณภาพจาก เฟซบุ๊ก โป๊งเหน่ง เชิญยิ้ม

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ