ชายมะกันเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับ แค่ไม่กี่เดือนป่วยมะเร็ง ก่อนเสียชีวิตในที่สุด หมอเชื่อต้นตาจากผู้บริจาคอวัยวะ
ผู้ป่วยในสหรัฐฯ เข้ารับการปลูกถ่ายอวัยวะ แต่เพียง 4 เดือนหลังการผ่าตัด พบก้อนผิดปกติในตับ และถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งในอีก 6 สัปดาห์ถัดมา แม้จะทำเคมีบำบัดหลายเดือน แต่มะเร็งกลับลุกลามทั่วร่างกายจนเสียชีวิตในที่สุด แพทย์พบภายหลังว่ามะเร็งของเขามาจากผู้บริจาคอวัยวะ ซึ่งก่อนเสียชีวิต ผู้บริจาคมีมะเร็งที่ยังไม่ได้รับการวินิจฉัย
Sonbal et al
ตามรายงานของ The Sun ชายวัย 69 ปี ในรัฐแอริโซนา เสียชีวิตหลังติดเชื้อมะเร็งจากการปลูกถ่ายอวัยวะ ผู้ป่วยรายนี้เข้ารับการปลูกถ่ายตับเนื่องจากโรคตับแข็งจากแอลกอฮอล์ ซึ่งเกิดจากการดื่มสุราเรื้อรังจนทำให้เนื้อเยื่อตับเป็นพังผืด
รายงานระบุว่า ก่อนการผ่าตัด แพทย์ไม่พบสัญญาณของมะเร็งในส่วนอื่นของร่างกายผู้ป่วย แต่ 4 เดือนหลังผ่าตัด ในการตรวจอัลตราซาวนด์ตามปกติ แพทย์กลับพบก้อนเนื้อสองก้อนในตับ ซึ่งขณะนั้นถูกวินิจฉัยว่าเป็นความผิดปกติที่ยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัด
6 สัปดาห์หลังการตรวจ แพทย์พบก้อนเนื้องอกใหม่เกิดขึ้นหลายจุดจนไม่สามารถนับได้ และวินิจฉัยว่าเป็น “มะเร็งปอดชนิดแพร่กระจาย” ที่มีความรุนแรงสูง โดยมะเร็งชนิดนี้หมายถึงเซลล์มะเร็งที่ลุกลามจากจุดเริ่มต้นไปยังส่วนอื่นของร่างกาย
แพทย์ระบุว่า การตรวจ PCR ยืนยันว่ามะเร็งแพร่กระจายในตับที่พบใหม่นั้นมาจากผู้บริจาคตับ ไม่ใช่ตัวผู้ป่วยเอง เนื่องจากมีลักษณะทางพันธุกรรมที่แตกต่างอย่างชัดเจน