ไวรัสโควิด 19 สายพันธุ์โอไมครอนกำลังแพร่กระจายอย่างรวดเร็วในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ดังนั้น สถานการณ์ในปัจจุบันจึงมีความเสี่ยงต่อเยาวชน
เดอะซันรายงาน เด็กไม่เสี่ยงติดโรคโควิดขั้นรุนแรง แต่เนื่องจากเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีหลายคนยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนจึงไร้การป้องกันเชื้อไวรัส ซึ่งเยาวชนมีแนวโน้มเป็นพาหะของไวรัสส่งต่อไปยังพี่น้อง พ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ และเจ้าหน้าที่ที่โรงเรียน
มีรายงานก่อนหน้านี้จากประเทศแอฟริกาใต้ว่าเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีอาจมีความเสี่ยงที่จะเจ็บป่วยจากโอไมครอนรุนแรงกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อเด็กเล็กมากกว่าตัวแปรอื่น ๆ
อีกทั้งรายงานก่อนหน้านี้ยังอ้างว่าอาการของโอไมครอนอาจแตกต่างกันเมื่อเทียบกับสายพันธุ์ก่อนหน้า แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ ทว่าระบบสาธารณสุขประจำประเทศอังกฤษ (National Health Service: NHS) ระบุอาการหลักของโควิดในเด็กและผู้ใหญ่ ดังนี้
- อุณหภูมิสูง
- การไอต่อเนื่องครั้งใหม่ หมายถึง การไอมากเกิน 1 ชั่วโมง หรือไอ 3 ครั้งขึ้นไปใน 24 ชั่วโมง
- สูญเสียหรือเปลี่ยนประสาทสัมผัสในการรับกลิ่นหรือรส
- เมื่อยล้า
- คัดจมูก น้ำมูกไหล
- ปวดหัว
- เจ็บคอ
- เบื่ออาหาร
- ปวดเมื่อยตามร่างกาย
ดร.แองเจลิค โคเอทซี ประธานสมาคมการแพทย์แห่งแอฟริกาใต้กล่าวว่าอาการหลักของโอมิครอนที่เธอพบในชายหนุ่มคือ ความเหนื่อยล้า ปวดศีรษะ และปวดเมื่อยตามร่างกาย ซึ่งดร.แองเจลิคบรรยายถึงกรณีของเด็กหญิงอายุ 6 ขวบที่มีอุณหภูมิและอัตราชีพจรสูงมาก “อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณที่ต้องระวังในบุตรหลานของคุณ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงกรณีเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ซึ่งทางเราไม่ได้รับรายงานผู้ป่วยสูญเสียรสชาติและกลิ่น”
ทางด้านดร.เดวิด ลอยด์ แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของลอนดอนให้สัมภาษณ์ว่า เด็กทั้งหมดที่เขาได้รับการรักษานั้นยืนยันว่า อาการของไวรัสโควิดแตกต่างกับโอไมครอนประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์
“เราเคยมีผู้ป่วยกลุ่มเล็ก ๆ ที่ป่วยด้วยโรคโควิด-19 ซึ่งมีอาการผื่นขึ้นเล็กน้อย แต่เด็กที่ติดโอไมครอนถึง 15 เปอร์เซ็นต์มีอาการผื่นขึ้นอย่างผิดปกติ พวกเขายังประสบกับความเหนื่อยล้า ปวดหัว และเบื่ออาหาร ซึ่งคล้ายกับอาการต่าง ๆ ที่พบได้บ่อยที่สุดในผู้ใหญ่”
อย่างไรก็ตาม เดอะซันรายงานว่า ระบบสาธารณสุขกำลังพัฒนาและเตรียมที่จะฉีดวัคซีนเด็กอายุระหว่าง 5 – 11 ปีในฤดูใบไม้ผลิหน้า
ขอบคุณที่มาจาก The Sun Chroniclelive