หมอลำ เสียงอิสาน ไม่มีวันตาย แม่นกน้อย อุไรพร กู้ศักดิ์ศรีชาวคณะ เปิดตัวผู้บริหารเจนใหม่ เฮียหน่อย เสริมทัพอลังการ ทุ่มงบกว่า 10 ล้าน
ฟ้าหลังฝนของคณะหมอลำชื่อดังของไทย วงเสียงอิสาน ผ่านมรสุมวิกฤตโควิด แม่นกน้อย อุไรพร หัวเรือใหญ่กอบกู้ศักดิ์ศรีชาวคณะกลับมาผงาดได้อีกครั้ง พร้อมเปิดตัวผู้บริหารเจนใหม่ เฮียหน่อย สุชาติ อินทร์พรหม นักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรง ผู้ชื่นชอบและหลงใหลในวัฒนธรรมอีสาน เปิดใจถึงการเข้ามาร่วมบริหาร เสริมทัพความอลังการ ทุ่มงบกว่า 10 ล้านบาท ปรับโฉมเสียงอิสานมิติใหม่ รุกทำคอนเทนต์ทุกแพลตฟอร์มทั้งออนไลน์และออฟไลน์อย่างเต็มรูปแบบ
โดย แม่นกน้อย อุไรพร ควง เฮียหน่อย มาเปิดใจแบบหมดเปลือกกับ ข่าวสดบันเทิงออนไลน์ ถึงการเสริมทัพให้กับเสียงอิสานในครั้งนี้ เรียกได้ว่าเสียงอิสานไม่มีวันตาย ยังเป็นตำนานคณะหมอลำของไทยที่กลับมาผงาดอย่างสง่างามได้อีกครั้ง
แม่นกน้อย กล่าวว่า “แม่รู้สึกดีใจและภาคภูมิใจมาก เป็นการกู้เกียรติศักดิ์ศรีของแม่นกน้อยและเสียง อิสาน คนอีสานพร้อมแล้วได้คืนกลับมายืนสง่างาม อยากบอกว่ากระแสของเสียงอิสานยุคใหม่ ยุคนิวเจน เปลี่ยนถ่ายเป็นดีเอ็นเอของแม่นกน้อย อุไรพร ที่เป็นข้อต่อที่เฮียหน่อยได้เข้ามาต่อยอดร่วมบริหาร กระแสดีมากค่ะ มีความมั่นใจในองค์กร พอได้มาเปลี่ยนถ่ายและสร้างผลงาน เจ้าภาพมั่นใจโทรมาหาแม่ตลอดว่า หลังจากเห็นแม่นกน้อยที่มีช่วงหนึ่งดราม่ามากเลยว่าจะยุบวง แต่ตอนนี้เป็นภาพใหม่ ในความอลังการที่ต่อยอดสร้างงาน กระแสดีมาก เจ้าภาพโทรจองสำหรับงานที่เลื่อนมาจากช่วงโควิดรอบหนึ่งจนถึงรอบสาม ตอนนี้โทรมายืนยันแล้วที่เคยเมตตาแม่นกน้อยและลูกๆ ในครอบครัวเสียงอิสาน”
ด้าน เฮียหน่อย เปิดใจถึงเหตุผลที่เลือกมาทำวงเสียงอิสานว่า “ผมเพิ่งเข้ามารู้จักพูดคุยคลุกคลีกับคุณแม่ได้ 4 เดือนกว่าแล้ว ด้วยคุณแม่ทำวงเสียงอิสานมาเป็นเวลา 46 ปีแล้ว เราสัมผัสได้ว่าแม่เริ่มเหนื่อยและแม่ไม่มีลูกหลาน ผมเองชอบวัฒนธรรมของอีสาน พอมาคุยกับแม่ยิ่งประทับใจเพราะว่าได้ดูโชว์แม่หลายๆ โชว์แล้วมันสะกดผมมาก ผมก็เลยมีการพูดคุุยกับคุณแม่ว่าถ้าอย่างนี้ เราหันมาปรับในทางออนไลน์กัน แม่เป็นผู้ใหญ่ที่ให้โอกาสและเปิดใจรับเรื่องใหม่ๆ ตลอด ก็เลยได้มีโอกาสลองมาทำออนไลน์กับคุณแม่ แล้วพอทำเกิดไอเดียต่อยอดไปเรื่อยๆ สรุปแม่ลูกคู่นี้สนุกกับการทำคอนเทนต์ไปเรื่อยๆ ก็เลยทำต่อมาจนถึงทุกวันนี้ครับ
คุณแม่เป็นผู้ใหญ่ที่เปิดโอกาสรับฟังเด็กรุ่นใหม่มาก เรามีเป้าหมายทางเดียวกันที่จะสืบสานวัฒนธรรมของอีสานและหมอลำให้ทันกับยุคกับสมัยนี้ เราก็ปรับมาทางออนไลน์และทั้งออฟไลน์ควบคู่กันไปแบบนี้ครับ และยังเป็นเสียงอิสานเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ข้อดีของเสียงอิสานยังคงอยู่เหมือนเดิม เราปรับปรุงเพิ่มเติมสิ่งใหม่ๆ เข้ามา
สำหรับตัวผมเองทำธุรกิจอยู่ที่กรุงเทพฯ ทำการ์เม้นต์ครับ รับผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปของสตรีส่งออกและขายทั่วประเทศ พอมีออนไลน์เข้ามาก็มีแบรนด์ในไอจีหรือแบรนด์ออนไลน์มาสั่งให้รับผลิต และผมมีทีมที่ทำสื่อออนไลน์เกี่ยวกับธุรกิจเสื้อผ้าเป็นหลักครับ ก็เลยนำมาปรับประยุกต์ออนไลน์ของหมอลำ และทำบริษัท Voice studio ครับ”
เสียงอิสานไม่มีวันตาย แม่นก กล่าวว่า “แม่มั่นใจ เพราะว่าหากจะกลับมามองมุมของเฮียหน่อย ที่หลายคนอยากรู้ว่าเฮียหน่อยเป็นใคร เข้ามาเสียงอิสานยังไง ในเรื่องศาสตร์ศิลป์รักวัฒนธรรมของคนอีสาน ซึ่งตอนนี้มีกระแสเรื่องเหยียดคนอีสาน แต่เฮียหน่อยมีใจรักในความเป็นคนอีสาน รักวัฒนธรรมอีสาน แม่นกน้อยและครอบครัวเสียงอิสานก็มั่นใจมากว่าเราต้องไปให้สุด เราต้องปังมากกว่านี้”
หลังมีการเปลี่ยนถ่ายผู้บริหาร บทบาทของแม่นกน้อย ภายในวงเป็นอย่างไร เฮียหน่อย กล่าวว่า “ทุกโชว์จะต้องมีโชว์แม่นกที่ต้องอลังการ เพราะว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของเสียงอิสาน เสียงอิสานก็ต้องมีนกน้อย อุไรพร ที่สำคัญที่สุดในเรื่องของการโชว์ แต่ในภาคการบริหารแม่นกจะเป็นครูให้ผม เป็นที่ปรึกษา ทุกอย่างที่จะทำต้องปรึกษาแม่ว่าขนบธรรมเนียมหรือว่าดีเอ็นเอของเสียงอิสานเป็นแบบไหน เราต้องปรึกษาคุณแม่ก่อนเพราะคุณแม่ทำมาตั้ง 46 ปีแล้ว ทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าเสียง อิสานคือนกน้อย อุไรพร ส่วนเรื่องงานที่ต้องลงพื้นที่บริหารผมจะไปจัดการแล้วมาปรึกษาคุณแม่ เพราะว่าไม่อยากให้คุณแม่ต้องเหนื่อยเหมือนเดิม อยากให้คุณแม่เป็นที่ปรึกษาและช่วยดูแลวงเหมือนเดิมครับ และเป็นเจ้าของวงเหมือนเดิมครับ”
แม่นก กล่าวเสริมว่า “ก่อนหน้านั้นแม่นกทำทุกอย่าง ทุกอย่างจะมารวมอยู่กับแม่หมด แต่ตอนนี้ได้มีเฮียหน่อยอยู่ข้างๆ เป็นที่ปรึกษา ในความรู้สึกของแม่ก็เป็นห่วงมาก ห่วงเฮียหน่อย เพราะแม่มองว่า 46 ปี กับชีวิตแม่นกน้อยอยู่ในวงเสียงอิสานอยู่กับลูกๆ ในวงก็บริหารแบบครอบครัว เฮียหน่อยเพิ่งได้เข้ามาคลุกคลีในวงการมายา วงการหมอลำ ด้วยความห่วงก็ให้คำปรึกษาอยู่ตลอดว่า เราควรเซฟตัวเองแบบนี้ เราจะต้องเดินไปทิศทางไหน แล้วสิ่งที่แม่นกน้อยอยากพูดคือ ต้องขอโอกาสจากแฟนเพลง เอฟซีเหมือนกัน ให้เวลาแม่นกน้อย ให้เวลาเฮียหน่อย ให้เวลาครอบครัวเสียงอิสานที่จะปรับจูนให้ถูกใจแฟนเพลงเอฟซี ด้วยจิตวิญญาณของแม่นกน้อย ก็ขอสัญญาว่า ตราบเท่าชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่ปิดตำนานอย่างแน่นอน แต่ต้องมีเฮียหน่อยมาอยู่ข้างๆ เช่นเดียวกัน แฟนเพลงเอฟซีก็ต้องอยู่ข้างๆ ช่วยประคับประคองเราไป เสียงอิสานถึงจะอยู่ได้ เสียงอิสานถึงจะไม่มีวันตายค่ะ”
ก้าวเข้ามาในวงการหมอลำเต็มตัว ทุ่มงบรีแบรนด์วงเสียงอิสาน 10 หลัก? เฮียหน่อย เผยว่า “ผมลงทุนไป 10 กว่าล้าน เพราะมีในส่วนของการทำสตูดิโอด้วยครับ และเราวางพื้นฐานเพื่อที่จะต่อยอดในการทำออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ และเราทำสตูดิโอเพื่อจะทำคอนเทนต์ออกมาหลายรูปแบบ เพื่อที่จะเสิร์ฟให้กับแฟนคลับของเรา และเราโฟกัสกับการออกวงด้วย ซึ่งแม่ใช้รถเวทีมาตลอดแล้วแฟนคลับอยากให้มีเป็นนั่งร้าน ก็ต้องลงทุนตรงนี้เพิ่มไม่ว่าจะเป็นจอ LED เพราะด้วยแม่ใช้รถเวทีมา 10 กว่าปีแล้ว เราก็มาเสริมเพิ่มเข้ามากลายเป็นสิ่งที่เจ้าภาพสามารถเลือกไซซ์ได้ ไซซ์เล็ก กลาง ใหญ่ เจ้าภาพสามารถบอกได้เลยว่าอยากได้งานขนาดไหน เราสามารถจัดเป็นแพ็กเกจตามงบที่เจ้าภาพมีเลยครับ ถ้าเป็นสิ่งใหม่คือเวทีไซซ์เล็กที่เป็นขนาดรถคันหนึ่งแล้วกางออกมาเป็นเวทีเลยแล้วมีจอคือเป็นสิ่งใหม่ของเสียงอิสาน เป็นไซซ์เล็กเป็นลำซิ่งที่ใช้แดนเซอร์สี่คน
แม่นกน้อย เสริมขึ้นว่า “หากจะบอกว่าใหม่มันเคยมีแล้ว แต่ในสิ่งที่เฮียหน่อยพูดถึง คือแฟนเพลงอยากให้เป็นแบบนั้น อยากได้นั่งร้านเราก็จัดให้ มีหลายรูปแบบให้เลือกรับชม และเสียงอิสานที่เป็นตำนานแม่นกน้อย อุไรพร หมอลำเรื่องต่อกลอนก็ยังคงมีอยู่”
เฮียหน่อย กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในส่วนที่เข้ามาเสริมสิ่งใหม่ คือผมมองว่าหมอลำก็คือส้มตำจานหนึ่งที่คุณแม่เป็นคนปรุงได้อร่อยมาก แต่ทีนี้ผมก็แค่มาเสริมเพิ่มว่า แม่ครับอยากได้เมนูส้มตำแซลมอน เมนูส้มตำหมูยอ ส้มตำกุ้ง ผมก็จะเอาพวกนี้มาผสมเสิร์ฟเข้าไปเช่น ซิตคอม ละครเวที และลำซิ่ง มีลูกทุ่งเข้ามาเสริม เพื่้อเสิร์ฟให้กับแฟนคลับสลับสับเปลี่ยนการแสดงหลักของเราที่มีอยู่แล้ว”
เมื่อถามถึงเรื่องเซ็นสัญญา แม่นกน้อย เผยว่า “แม่ว่าสัญญาก็คงไม่มีความหมายเท่ากับความรักความผูกพันที่เราจะดูใจกันแม่ว่าสำคัญมากกว่า ที่สำคัญมากที่สุดก็คือ แม่นกน้อยห่วงเฮียหน่อยมาก จึงขอโอกาสจากแฟนเพลงเอฟซีและเจ้าภาพ คือเราขออะไรเฮียหน่อยจัดให้หมด นั่นหมายความว่าเป็นเม็ดเงินการลงทุน ดังนั้นจึงขอให้เวลากับเรานานๆ ที่จะได้ปรับตัวเองเดินไปด้วยกัน ฝ่าวิกฤตไปด้วยกันค่ะ”
เรื่องปัญหาหนี้สินของวงที่ผ่านมา คลี่คลายลงบ้างหรือยัง แม่นกชี้แจงว่า “ตอนนี้จะบอกว่าสถานการณ์ดีขึ้นแล้ว คลี่คลายไม่กดดัน ทางเจ้าหนี้ก็เข้าใจในสถานการณ์ของโควิด มันเป็นรอบที่สองที่สามแล้ว ก็สามารถที่จะคุยและปรับโครงสร้างให้เราได้ทำมาหากิน ให้เราได้หายใจเรียกว่าได้ต่อลมให้แม่ได้มีทางเดินทางเลือก มองเห็นแสงสว่าง”
การทำวงหมอลำในสถานการณ์โควิด วางแผน ปรับตัว รับมืออย่างไร เฮียหน่อย เผยว่า “จากสถานการณ์โควิด ทางเราพยายามจะปรับรูปแบบทางออนไลน์ จะเห็นได้ว่าปัจจุบันเรามีช่องทางติดต่อหมอลำเสียงอิสานหลายช่องทางมาก ทั้ง เฟซบุ๊ก ติ๊กต็อก ไลน์แอดและยูทูบ ล่าสุดทางทวิตเตอร์ และจะทำทุกช่องทางที่เกี่ยวกับสื่อออนไลน์ทั้งหมด และอีกอย่างตอนนี้ที่เราโฟกัสคือการทำสตูดิโอขึ้นมาเพื่อผลิตคอนเทนต์ เสิร์ฟให้กับแฟนคลับของเราที่อยู่ทุกมุมโลกได้เสพผลงานศิลปินของเรา หลากหลายวาไรตี้ที่เราจะทำ ซิตคอม ลำเรื่อง ลูกทุ่ง หมอลำหลักของเรา ลำซิ่ง
ณ ตอนนี้ด้วยสถานการณ์โควิดที่เปลี่ยนไปแล้ว เริ่มมีการปลดล็อก เราก็มุ่งที่จะออกวงด้วยควบคู่กันไป เรามีการลงทุนเตรียมพร้อม ตั้งแต่เวที จอ บุคลากรทุกภาคส่วนเหล่านี้พร้อมหมดแล้วครับ รอเพียงแค่ให้ทางรัฐอนุญาตให้เราแสดงได้ เราก็จะออกได้เหมือนเดิม ส่วนหมอลำออนไลน์ที่ทำมาแล้ว ตั้งแต่คอนเสิร์ต 8.8, 9.9, 10.10 และคอนเสิร์ตงานบุญกฐินออนไลน์ที่เราทำไป ผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจมากครับ
ดังนั้นเลยอยากจะฝากบอกกับท่านเจ้าภาพทุกคน เราสามารถทำสื่อออนไลน์ให้ได้หมดเลย ทางวัดสนใจอยากจะให้เราทำการแสดงที่สตูฯแล้วช่วยโปรโมตที่วัดก็ไม่มีปัญหา อย่างบุญกฐินล่าสุดเราทำให้คนร่วมบุญโดยการโอนเงินทุกบาททุกสตางค์เข้าไปในบัญชีวัดโดยตรงเลยครับ เป็นกฐินออนไลน์ ซึ่งเราจะทำควบคู่กันไปทั้งออนไลน์และออฟไลน์ครับ”
แม่นกน้อย เสริมขึ้นว่า “การไลฟ์สดแสดงไม่ว่าจะเป็นผ้าป่าออนไลน์ กฐินออนไลน์ บุญงานประเพณี ลอยกระทง เราก็สามารถไลฟ์สดที่สตูฯโดยที่ไม่ต้องไปที่บ้านเจ้าภาพก็ได้ แต่เป็นงานเจ้าภาพซึ่งสามารถที่จะลิงก์ผ่านเพจของท่าน ทางวงของเรา เพจเสียงอิสาน แม่นกน้อย อุไรพร ก็สามารถทำได้ค่ะ”
ด้าน เฮียหน่อย เชิญชวนให้มาดูเสียงอิสานมิติใหม่ “ถ้าไม่เคยดู ไม่เคยเห็นเสียงอิสานมิติใหม่ อยากให้ลองจริงๆ ครับ บางคนที่เข้าใจว่าเสียงอิสานยุบวงแล้วหรือว่าไม่ได้ทำต่อแล้ว อยากบอกว่าเสียงอิสานปรับโฉมใหม่ เป็นเสียงอิสานมิติใหม่ คนที่เคยรักก็ฝากติดตาม คนที่ชื่นชอบหมอลำอยู่แล้วอยากให้ลองเปิดใจกับเสียงอิสานสักครั้งหนึ่งครับ”
แม่นกน้อยเผยเฮียหน่อยได้ใจแฟนเพลงไปเต็มๆ “ชีวิตของแม่นกน้อย 46 ปี กับการสร้างตำนานจะต้องมีเฮียหน่อยวันนี้และเฮียหน่อยวันนั้นวันต่อไป แฟนเพลงทักมาหาคือเฮียหน่อยได้ใจแฟนเพลงมากกว่าแม่อีก ณ ชั่วโมงยุคโควิดแม่นกน้อยยังคิดเลยว่าเฮียหน่อยบ้าหรือเปล่า ทำไมมาลงทุนมากขนาดนี้”
เฮียหน่อย บอกแบบติดตลกว่า “ผมโดนมนต์แม่สะกดครับ (หัวเราะ)”
แม่นกน้อย บอกต่ออีกว่า “เอฟซีของเสียงอิสานจะต้องรักแม่นกน้อย รักเฮียหน่อย รักเสียงอิสานช่วยกันยกเสียงอิสานขึ้นมา กู้ศักดิ์ศรีของคนอีสานของเราให้กลับมายืนสง่างาม ลบคำสบประมาทของคนอื่นให้ได้”
ภูมิใจที่เป็นคนอีสาน? แม่นกน้อย เผยว่า “แม่เกิดเป็นคนอีสาน และภูมิใจที่ได้เกิดเป็นคนอีสาน อยากให้ลูกหลานทุกคนช่วยกันรักษา สืบสานวัฒนธรรมประเพณีอีสานต่อไป ตั้งความหวังไว้กับลูกๆ ทุกคน แม่นกน้อยคนเดียวก็คงไม่ได้ และมีเฮียหน่อย มีครอบครัวทีมงานเสียงอิสาน ฝากทุกคนให้ช่วยกันรักษาวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมของคนอีสานบ้านเราไว้ด้วยค่ะ”
เฮียหน่อย กล่าวทิ้งท้ายว่า “จุดยืนของเสียงอิสาน คุณแม่เป็นบรมครูทางด้านนี้ แก่นหลักของเราต้องการสืบสานวัฒนธรรมนี้ไว้ไปจนถึงตราบชั่วลูกชั่วหลาน และเข้าถึงเด็กรุ่นใหม่ จิตวิญญาณแม่กับวัฒนธรรมนี้ขนาดไหน ผมตอบแทนได้เลยครับ ผมว่าแม่ยอมตายไปกับสิ่งนี้เลยครับ แม่ไม่มีทางเปลี่ยนเป็นอื่นได้ เพราะมันอยู่ในเส้นเลือด สายเลือดของแม่ในการสืบสานวัฒนธรรมอีสานและความเป็นหมอลำของคุณแม่ครับ”