หมอระวี เล่นใหญ่! ชักดาบ-ทุบหม้อข้าว หน้าพระเจ้าตาก ฟุ้ง 4 แสนเสียง เรื่องหมูๆ

Home » หมอระวี เล่นใหญ่! ชักดาบ-ทุบหม้อข้าว หน้าพระเจ้าตาก ฟุ้ง 4 แสนเสียง เรื่องหมูๆ



หมอระวี เล่นใหญ่ ชักดาบ-ทุบหม้อข้าว หน้าพระเจ้าตาก ปลุกใจสู้ศึกเลือกตั้ง ลั่น พร้อมเป็นนายกฯ ฟุ้ง 4 แสนเสียง เรื่องหมูๆ กั๊กอยู่ฝั่ง “ตู่-ป้อม”

เมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2566 พรรคพลังธรรมใหม่ นำโดย นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรค พร้อมด้วยแกนนำ และสมาชิกพรรค จัดกิจกรรมเปิดตัวพรรค พร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง 2566 โดยใช้ยุทธการทุบหม้อข้าวหม้อแกง มีการตั้งขบวนรถแห่เป็นกลุ่มรถจักรยานยนต์ ประมาณ 30 คัน ติดป้ายประกาศนโยบายที่จะใช้หาเสียง แห่รอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ก่อนเดินทางไปยังอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช วงเวียนใหญ่

โดยทันทีที่ขบวนถึงอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ตัวแทนพรรคพลังธรรมใหม่ จุดธูปบูชาสมเด็จพระเจ้าตากสิน พร้อมกับให้คำปฏิญาณว่าจะทำงานเพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน ยึดมั่นในคุณธรรม จริยธรรม และประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม จากนั้น นพ.ระวี ชักดาบและใช้ไม้คมแฝกทุบหม้อดิน ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์เดียวกับสมเด็จพระเจ้าตากสิน และตะโกนว่า “ผู้ชนะ” 3 ครั้ง

นพ.ระวี กล่าวว่า ตนพร้อมจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของประเทศไทย ในนามพรรคพลังธรรมใหม่ เราขออาสามาแก้วิกฤตของชาติให้หมดสิ้นไป พรรคพร้อมนำความสุข ความอยู่ดีกินดี และความเป็นธรรมสู่ประชาชนทั่วประเทศ ส่วนที่ใช้ยุทธศาสตร์ทุบหม้อข้าวหม้อแกง เพราะเห็นว่ายุทธศาสตร์ในอดีตมีความจำเป็นต้องทุ่มเท เพื่อรบให้ชนะ หากแพ้ก็จะตาย เช่นเดียวกับพรรคพลังธรรมใหม่ที่แพ้ก็ตาย เราประกาศตัวสู้เต็มรูปแบบ หากแพ้การเลือกตั้ง พรรคพลังธรรมใหม่ก็คงจะจบ แต่ตนมั่นใจในชัยชนะที่จะเกิดขึ้น จึงตีหม้อเพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้สมาชิกทั่วประเทศ ทุ่มเทในการหาเสียง

นพ.ระวี กล่าวว่า สำหรับเป้าหมายครั้งนี้ พรรคขอประกาศนโยบาย เพื่อนำไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน โดยไม่ใช่นโยบายประชานิยม ที่สำคัญคือพรรคจะไม่ดีแต่พูด หากได้เข้าสภาจะยื่นญัตติและกฎหมายที่เกี่ยวกับนโยบายพรรคทันที มองว่าภายใน 1 ปี จะทำนโยบายที่หาเสียงสำเร็จ ตนขอฝากถึงประชาชนว่า พรรคเล็กพรรคหนึ่งกล้าที่จะประกาศสู้เลือกตั้ง หากตนได้เป็นนายกฯ เชื่อว่าเวลานั้นจะเป็นนาทีทองของประเทศไทย

เมื่อถามว่า กฎหมายใหม่ไม่เอื้อต่อพรรคเล็ก พรรคพลังธรรมใหม่ มั่นใจมากน้อยแค่ไหน นพ.ระวี กล่าวว่า ในฐานะนักกีฬา เรายินดีรับกติกานี้ ที่จะลงไปสู้ในสนาม เราไม่ย่อท้อและท้อถอย เชื่อมั่นว่า 4 แสนเสียงเป็นเรื่องหมูๆ เราจะเน้นกลยุทธ์การหาเสียงแบบปากต่อปาก เพราะเราไม่มีเงินมาก

เมื่อถามว่า จุดยืนเรื่องจะร่วมรัฐบาลกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม หรือพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ นพ.ระวี กล่าวว่า ตนจะรอคะแนนเสียงจากประชาชนว่าพรรคใดได้คะแนนเท่าไหร่ พรรคพลังธรรมใหม่ได้คะแนนเท่าไหร่ จุดยืนพรรคพลังธรรมใหม่ไม่ได้จะอยู่กับพรรคลุงไหน

“เราถือจุดยืนอยู่ข้างประชาชน และหากเราร่วมรัฐบาลไหน รัฐบาลตอบรับนโยบายของเราในการดำเนินการและเกิดผลดีได้หรือไม่ เราไม่อยู่กับลุงก็ได้ อยู่กับใครก็ได้ แต่ขอให้คนนั้นตัดสินใจรับนโยบายพรรคพลังธรรมใหม่ที่มาจากประชาชน” น.พ.ระวีกล่าว

เมื่อถามว่า การตอบลักษณะดังกล่าว เป็นการอยู่ฝ่ายที่ชนะหรือไม่ นพ.ระวี กล่าวว่า ไม่ พรรคพลังธรรมใหม่ ไม่ได้สนใจว่าจะต้องเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือเป็นฝ่ายค้าน เพราะเรามีจุดมุ่งหมาย คือต้องเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร และเป็นส.ส.น้ำดีทั้งพรรค เราจะพิทักษ์ประโยชน์ของประชาชน มองว่าเป็นฝ่ายค้านดีเสียอีก มีสิทธิ์จะพูด แต่เป็นรัฐบาลมา 4 ปี เราพูดไม่ได้ พูดมากไปก็กระทบพรรคร่วมรัฐบาล เจอบางอย่างที่ไม่เหมาะสมเล็กๆ น้อยๆ ก็ต้องปล่อยผ่าน

“เราไม่ได้ไปเอากล้วย เราไม่ชอบเอาเงินทอน แต่สิ่งสำคัญคือถ้าได้อยู่พรรคร่วมรัฐบาล เราจะประกาศชัดเจนว่า จะเป็นฝ่ายค้านในรัฐบาลเหมือนเดิม ถ้ารัฐบาลทำดีเราจะยกมือให้” นพ.ระวีกล่าว

นพ.ระวี ยืนยันว่า การสู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคพลังธรรมใหม่ต่อสู้ตามแนวทางของพรรค โดยไม่ได้จับมือกับพรรคอื่น เพราะตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา มีการเจรจากับพรรคเล็กเกือบ 20 พรรค พบว่าแต่ละพรรคมีความเป็นตัวของตัวเอง จนถึงวันนี้ก็มีหลายพรรคที่มาร่วมกับพลังธรรมใหม่ แต่มาในนามส่วนตัว ไม่ได้มาในนามพรรค

“โดยกลยุทธ์ของพรรค จะไม่ส่งผู้สมัครครบทุกเขต แต่อาจจะส่ง ส.ส.เขต เพียงภาคละ 1 คนเท่านั้น เพราะมองว่าสังคมการเมืองปัจจุบัน หากไม่มีเงินเป็นถุงเป็นถัง ไม่มีทางชนะ ส.ส.เขต พรรคจึงเน้นการหาคะแนนพรรค เพื่อมุ่งเป้าให้ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยจะมีแกนนำพรรคที่ออกหาเสียงให้พรรคเกือบ 400 เขตทั่วประเทศ โดยเป้าหมายในการเลือกตั้ง ตั้งเป้าไว้ว่าจะได้ประมาณ 1.5 ล้านเสียง” นพ.ระวี กล่าว

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ