แม้แต่หมอยังถามเคล็ดลับ ชายชาวจีนวัย 80 ปี มีตับที่แข็งแรงกว่าชายหนุ่มวัย 28 ปี เผยมักทานอาหาร “เมนูปลา” มาตั้งแต่วัยเยาว์
นิสัยการกินเพื่อสุขภาพ และรูปแบบการดำเนินชีวิต สามารถช่วยปกป้องการทำงานของตับได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ในขณะที่อายุมากขึ้นแล้วก็ตาม ดังเช่นกรณีของชายวัย 80 ปีในประเทศจีน ถือเป็นตัวอย่างที่น่าชื่นชมอย่างแท้จริง
ดร.เฉียน เจิ้งหง ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและรักษาโรคตับและท่อน้ำดี โรงพยาบาลฉางกัง (Chang Gung Memorial Hospital) ในไต้หวัน เล่าถึงผู้ป่วย 2 รายที่เขาเคยตรวจ
รายแรกเป็นชายอายุ 80 ปี มาตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลเป็นประจำ ผลการตรวจพบว่ามีสุขภาพตับแข็งแรง ไม่มีอาการผิดปกติ และไม่มีโรคประจำตัว เช่น ไขมันพอกตับ หรือโรคตับแข็ง
คุณหมอกล่าวเพิ่มเติมว่า “ผมประทับใจชายชราคนนี้มาก เพราะถึงแม้เขาจะแก่แล้ว แต่เขาก็ยังปราดเปรียวและกระฉับกระเฉง เขามาหาหมอคนเดียวโดยไม่ต้องรับความช่วยเหลือจากลูกหรือญาติเลย”
ส่วนรายที่ 2 เป็นชายอายุ 28 ปี ตรวจแล้วพบว่ามีไขมันพอกตับ “นี่เป็นสองเคสที่ขัดแย้งกัน ตามทฤษฎีแล้ว เมื่ออายุเพิ่มขึ้นและการทำงานของร่างกายค่อยๆ เสื่อมลง ผู้ชายที่มีอายุมากกว่าจะมีความเสี่ยงต่อปัญหาตับมากกว่าชายหนุ่ม อย่างไรก็ตาม ผลการตรวจซ้ำพบว่าชายอายุ 80 ปี มีการทำงานของตับดีกว่าชายอายุ 28 ปีจริงๆ”
คำถามคือ ทำไมคนวัย 80 ถึงมีตับที่แข็งแรงขนาดนี้?
เมื่อสำรวจวิถีชีวิตของชายวัย 80 ปีรายนี้อย่างใกล้ชิดมากขึ้น คุณหมอจึงพบว่าเขารับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เนื่องจากปู่ของเขาทำงานเป็นชาวประมง ดังนั้นตั้งแต่เขาจึงมีนิสัยชอบทาน “ปลา” มาตั้งแต่ยังเด็ก นับว่าเป็นอาหารหลักเลยทีเดียวนอกจากนี้ ชายชรายังมีวิถีชีวิตที่ดีต่อสุขภาพ เข้านอนเร็วและตื่นเช้าอยู่เสมอ
คุณหมออธิบายเพิ่มเติมว่า ปลาเป็นอาหารที่คุ้นเคยกันดีในทุกครัวเรือน หาได้ง่าย และยังอุดมไปด้วยแหล่งโปรตีน มีไขมันอิ่มตัวต่ำ ในทางตรงกันข้าม ปลามีกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพมากมาย การศึกษาพบว่ากรดไขมันโอเมก้า 3 มีความสามารถในการลดการอักเสบ ลดไขมันที่ไม่ดีในเลือด และปรับปรุงความไวของอินซูลิน ซึ่งช่วยจำกัดความเสี่ยงของไขมันสะสมในตับ ที่ทำให้เกิดไขมันเกาะตับ และปกป้องการทำงานของตับได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนิสัยการกินแล้ว นิสัยนอนเร็วตื่นเช้า ยังช่วยให้ชายวัย 80 ปี ปกป้องการทำงานของตับได้อย่างมีประสิทธิภาพเข่นเดียวกัน การศึกษาหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่าการนอนดึกจะเปลี่ยนนาฬิกาชีวภาพ เพิ่มปฏิกิริยาออกซิเดชัน ทำให้ตับสามารถล้างพิษได้ยาก
ทั้งนี้ ไขมันสะสมในตับ เป็นโรคตับเรื้อรังที่ส่งผลต่อสุขภาพของมนุษย์ เกิดจากปัจจัยบางประการ เช่น อาหารที่มีไขมันสูงและแคลอรี่ส่วนเกิน วิถีชีวิตที่ไม่ดีต่อสุขภาพ (การสูบบุหรี่ การนอนดึก การใช้แอลกอฮอล์ในทางที่ผิด…) ความผิดปกติของระบบเผาผลาญ โรคเบาหวาน และอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดไขมันสะสมในตับ ซึ่งโรคไขมันพอกตับหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจลุกลามไปสู่โรคตับอักเสบ หรือโรคตับแข็งได้
“การศึกษาในสิงคโปร์พบว่า 34% ของผู้ป่วยที่มีไขมันสะสมในตับ จะเป็นโรคตับแข็ง ดังนั้นการป้องกันไขมันสะสมในตับและการปกป้องการทำงานของตับ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง”
4 นิสัยช่วยปกป้องการทำงานของตับได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1. ทานอาหารเพื่อสุขภาพ ด้วยอาหารที่หลากหลายซึ่งอุดมไปด้วยสารอาหาร ให้ความสำคัญกับการเลือกรับประทานอาหารที่มีเส้นใยสูง เช่น ผักและผลไม้สด ธัญพืชไม่ขัดสี ปลาที่มีโอเมก้า 3 นมไขมันต่ำ และน้ำมันพืชที่ดีต่อสุขภาพ ในขณะเดียวกันก็ต้องจำกัดการบริโภคอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง ไขมันทรานส์ และจำกัดการดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคอ้วนด้วย
2. ปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับ เนื่องจากคุณภาพการนอนหลับมีบทบาทสำคัญในการปกป้องสุขภาพโดยรวม และแน่นอนว่าสำหรับสุขภาพตับก็สำคัญมากเช่นกัน
3. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 30 นาที และอย่างน้อยสัปดาห์ละ 4 ครั้ง โดยสามารถเลือกกีฬาที่ชอบ หรือออกกำลังกายง่ายๆ เช่น เดิน ว่ายน้ำ หรือทำสวนก็ได้ ทั้งหมดนี้นำมาซึ่งประโยชน์ต่อสุขภาพโดยรวม ช่วยปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับ ซึ่งช่วยให้ตับทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงของโรคตับ แต่ย้ำว่า!!! ควรเลือกวิธีการออกกำลังกายให้เหมาะสมกับสภาวะสุขภาพของตนเอง
4. ตรวจสุขภาพสม่ำเสมอ เนื่องจากการตรวจสุขภาพเป็นประจำสามารถช่วยให้เราติดตามสถานะสุขภาพของตนเอง และตรวจพบโรคได้อย่างทันท่วงที
- แพทย์อเมริกัน แนะนำเครื่องดื่ม 3 ชนิด ที่ตับและระบบย่อยอาหาร “ชอบ” ทุกอย่างมีขายในไทย!
- แห่แชร์ หมอญี่ปุ่นเผย “มื้อเช้า” แค่กินผัก 2 อย่างนี้ น้ำหนักไม่ขึ้น 20 ปี ที่ไทยหาซื้อง่าย!