หมอยงโพสต์เฟซบุ๊ก ข้อแตกต่างฝีดาษลิงกับสุกใส ย้ำไม่ยุติธรรมกับวานร เหตุคนอาจติดจากสัตว์จำพวกหนูได้ เผยลักษณะตุ่ม แย้มมีการพัฒนาวัคซีนในเด็กแล้ว
วันที่ 23 พ.ค.2565 ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงฝีดาษวานร ว่าโรคนี้วินิจฉัยครั้งแรกพบในลิง จึงเรียกว่าฝีดาษลิง (Monkeypox) ผู้ป่วยในมนุษย์
ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดไม่ได้ติดจากลิง เคยมีหลักฐานการติดต่อจากสัตว์ตระกูลฟันแทะ จำพวกหนู กระรอก เช่น หนูแกมเบีย (Giant Gambian rat) ที่นำเข้าไปในอเมริกา และมีการติดต่อไปสู่หนูแพรีด็อก และคนติดมาอีกทีหนึ่ง การเรียกฝีดาษลิง จึงไม่ยุติธรรมสำหรับลิง เพราะคนเราจะรังเกียจลิง ลิงที่อยู่ตามวัด ในบ้านเรามีมาก จะขาดแคลนอาหาร เป็นที่เดือดร้อนของชาวลิงอย่างแน่นอน
โรคในตระกูลฝีดาษหรือไข้ทรพิษ สมัยก่อนมีฝีดาษวัว ที่ข้ามมายังมนุษย์ได้และนำมาใช้ทำวัคซีนป้องกันไข้ทรพิษทำให้โรคนี้หมดไป เพราะการติดฝีดาษวัว จะเป็นตุ่มหนองเฉพาะตรงที่สัมผัสเท่านั้น หรือเรียกว่าขึ้นเฉพาะที่ ส่วนฝีดาษนกหรือไก่ยังไม่มีหลักฐานการข้ามมายังมนุษย์
ลักษณะตุ่มฝีดาษหรือไข้ทรพิษ หรือในตระกูลฝีดาษ ตุ่มหนองจะเริ่มจากรอยแดงแล้วเป็นน้ำใสและเปลี่ยนเป็นน้ำขุ่นข้น สีขาวเหลือง ตรงกลางจะมีรอยบุ๋ม ซึ่งต่างกับ โรคสุกใสที่เกิดจากไวรัสควรละกลุ่มจะเป็นน้ำใส ข้อแตกต่างที่ชัดเจนกับโรคสุกใส ที่สมัยผมเป็นนักเรียนต้องท่องได้ มี “ตุ่มของฝีดาษ” จะขึ้นพร้อมกันระยะเดียวเหมือนกัน
โดยเริ่มจากแดงเป็นตุ่มน้ำและตกสะเก็ดพร้อมๆกัน แต่ของสุกใสจะมีหลายระยะเช่นบางตุ่มเป็นแค่ตุ่มแดงบางตุ่มเป็นน้ำใสแล้ว การกักตัวผู้ป่วยจึงต้องกักตัวให้แผลทุกแผลตกสะเก็ดหมด จึงจะพ้นระยะติดต่อ สำหรับผู้สัมผัสโรคจะต้องกักตัวดูอาการ 21 วันตามระยะพักตัวที่มากที่สุด
ส่วนบริเวณที่ขึ้นตุ่มของสุกใสจะขึ้นบริเวณลำตัวมากกว่า ส่วนของฝีดาษจะขึ้นมากที่แขนขาแล้วค่อยไปลำตัว ลักษณะของตุ่มฝีดาษจะบุ๋มตรงกลางที่เรียกว่า umbilicated vesicle ส่วนของสุกใสจะเป็นตุ่มน้ำใสหลายระยะ เป็นที่น่าสังเกตว่า ฝีดาษลิงที่กำลังระบาดและพบอยู่ขณะนี้ พบในเพศชายเกือบทั้งหมด ทั้งนี้ ฝีดาษวัวป้องกันฝีดาษหรือไข้ทรพิษ โดยหลักการแล้วก็น่าจะข้ามมาป้องกันฝีดาษลิงได้ แต่ขณะนี้ก็มีการพัฒนาวัคซีนฝีดาษเด็กโดยตรงแว