หมอนิติเวช เผยมีศพเข้าคิวชันสูตรล้นโรงพยาบาล ต้องสั่งตู้คอนเทนเนอร์เก็บศพเพิ่ม ยันคนตายแพร่โควิดได้น้อยกว่าคนเป็น
เมื่อเวลา 14.30 น. (13 ก.ค.64) จากกรณีที่มีข่าวโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ได้มีผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เข้ามารักษาตัวเป็นจำนวนมาก ทั้งโรงพยาบาลสนามของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ ก็รับผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มารักษาจนขณะนี้เตียงเต็มแล้ว
นพ.ทศนัย พิพัฒน์โชติธรรม แพทย์นิติเวชโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ที่ห้องผ่าชันสูตรพลิกศพของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ มีศพเป็นจำนวนมาก ซึ่งกระบวนการตรวจศพก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 วัน เป็นอย่างน้อย จำนวนเคสจึงมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เราจึงต้องมีการเตรียมการเอาไว้ ถามว่าขณะนี้มีศพเยอะไหม ตอบเลยว่าเยอะ ซึ่งห้องเก็บรักษาศพก็เก็บศพไม่ได้เยอะอยู่แล้ว ทำให้ต้องสั่งตู้คอนเทนเนอร์ไว้เก็บรักษาศพ
ซึ่งตู้ที่เราเตรียมไว้ก็จะเหมือนห้องเย็นที่เอาไว้เป็นรักษาของแช่แข็งทั่วไป เช่น ภัยพิบัติสึนามิ ที่เอาไว้เก็บรักษาศพซึ่งเมื่อผู้เสียชีวิตจากการป่วยเป็นโควิด ทางญาติเขาก็ต้องมีการกักตัว และไม่มีไครมารับศพไปประกอบพิธีได้ทางนิติเวชก็ต้องเก็บรักษาศพเอาไว้ ขณะนี้เราเตรียมไว้ประมาณ 2 ตู้คอนเทนเนอร์ ตู้ละ 20 ฟุต ซึ่งทางผู้บริหารโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ก็ให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งแต่ละตู้สามารถบรรจุได้ทั้งหมด 12 ศพ
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เก็บผู้เสียชีวิตได้ทั้งหมด 10 ศพ และเราก็ต้องเผื่อเอาไว้เก็บชิ้นส่วนของเนื้อเยื้อต่างๆ ที่จะได้นำไปตรวจพิสูจน์ด้วย ซึ่งศพที่มาตรวจกับนิติเวชนั้นมีทั้งเสียชีวิตด้วยโควิด เสียชีวิตแบบธรรมดา เสียชีวิตแบบผิดธรรมชาติ ศพที่เสียชีวิตในโรงพยาบาลธรรมศาสตร์มีตัวเลขเพิ่มขึ้นทุกวัน และยังมีเสียชีวิตมาจากที่อื่นเพื่อทำการชันสูตร ในส่วนของตู้ทางเราก็ต้องซื้อขาดเลย เพราะตู้คอนเทนเนอร์นี้ เมื่อนำมาทำการเก็บรักษาศพแล้วก็จะนำไปขายต่อที่ไหนไม่ได้ มีราคาประมาณ 2-3 แสนบาท ต่อ 1 ตู้ และจะนำมาวางไว้ที่ลานจอดรถหน้านิติเวชโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ
ส่วนผู้เสียชีวิตที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้น เราทำการชันสูตรเบื้องต้นและทำการสวอปทุกรายเพื่อคัดกรองจะไม่ได้ผ่าพลิกศพเพราะจะเป็นการแพร่กระจายของเชื้อโรค ในกระบวนการจัดการของผู้เสียชีวิตจากโรคไวรัสโควิด-19 นั้นจะต้องใส่ถุงซิปสองชั้น เมื่อมีการทำความสะอาดแล้วมีความปลอดภัยสูง และสามารถใช้มือเปล่าจับได้ แต่โดยทางการแพทย์ก็คงจะใส่ถุงมือจับ ซึ่งเมื่อญาติรับไปประกอบพิธีเรามีเงื่อนไขเพียง 1 ข้อ คืออย่าเปิดถุงเด็ดขาดซึ่งประเทศไทยเป็นเมืองร้อนก็ไม่สามารถเก็บศพไว้ได้นานๆ จึงต้องนำไปที่ห้องเย็นตามวัดที่ใช้เก็บรักษาศพ แต่ผู้เสียชีวิตมีโอกาสแพร่เชื้อน้อยกว่าคนเป็นมากๆ ในการจัดการศพตรงนี้ไม่เป็นปัญหา
เมื่อศพนำไปเผาแล้วเชื้อไวรัสตายได้ง่าย และสามารถนำไปฝังได้ตามศาสนานั้นๆ จึงอยากฝากว่าศพผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 มีการทำความสะอาดแล้วสามารถนำไปฝังหรือไปเผาได้ตามปกติ การเคลื่อนย้ายก็เซฟไว้เป็นอย่างดี ทุกวันนี้ถ้าศพพวกนี้ไม่เซฟ คนที่จะติดเชื้อก่อนก็คือหมอนิติเวช แต่การจะติดเชื้อได้นั้นมาจากการแพร่ละอองฝอย ศพไม่ไอไม่จามก็มีความปลอดภัยมาก