สาวร้องซื้อคอนโดฯโครงการหรู เจอผนังรั่วน้ำซึม ราดำขึ้นทำป่วยเพิ่ม แจ้งโครงการซ่อมหลายครั้งจนหมดสัญญารับประกันยังเหมือนเดิม หมอเตือนถ้ายังอยากมีชีวิตต้องย้ายหนี แต่สุดปัญญา โอดหาเงินซื้อยังเป็นหนี้ผ่อนนับล้าน
วันที่ 16 มี.ค.2566 น.ส.กัญศจี อายุ 42 ปีพนักงานบริษัทเอกชน เปิดเผยเรื่องราวจากกรณีเพจดัง โพสต์เรื่องราวผู้บริโภค ตัดสินใจซื้อห้องพักของคอนโดในราคา 2.78 ล้านบาท โดยเซลล์ฝ่ายขายยืนยันห้องพักมีสภาพพร้อมเข้าพักอาศัยได้ทันที แต่ปรากฎว่าหลังทำสัญญาเช่าซื้อและเข้าพักอาศัยได้เพียงไม่นานก็พบกับปัญหามากมาย ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ
น.ส.กัญศจี ระบุเรื่องที่เกิดขึ้นว่า ตัดสินใจทำสัญญาซื้อห้องพักคอนโดในราคา 2.78 ล้านบาท ย้ายเข้าไปอยู่อาศัยเพียง 10 วันก็พบปัญหามากมาย ผนังกำแพงด้านนอกแตกร้าวทำให้ความชื้นซึมผ่านมาเข้ามาเกิดเชื้อราดำขนาดใหญ่ในวอลเปเปอร์ ได้แจ้งให้เจ้าของโครงการรับทราบเพื่อปรับปรุงซ่อมแซม ก็ส่งช่างมาทาสีทับรอยปริแตกพร้อมเปลี่ยนวอลเปเปอร์ใหม่ แต่ไม่ได้กำจัดเชื้อราดำที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพออกไป
“ทำให้ยังคงเกิดเชื้อราดำขึ้นตามผนังกำแพงและจุดต่างๆภายในห้อง ส่งผลต่อสุขภาพร่างกายของเรา แล้วบริษัทก็เงียบหายไปจนกระทั่งวันที่ 17 ก.พ.64 จึงได้ติดต่อผ่านเข้าไปที่เฟซบุ๊กของบริษัทแจ้งให้ทราบว่า เรากำลังรวบรวมหลักฐานไปฟ้องกับสคบ. บริษัทจึงส่งช่างมาแก้ไขด้วยวิธีเดิมๆอีก ซึ่งก็ยังคงมีน้ำรั่วซึมเข้ามาอยู่เรื่อยๆจนถึงปี 65 ”
น.ส.กัญศจี กล่าวอีกว่า ต่อมาตัดสินใจร้องเรียนสภาองค์กรคุ้มครองผู้บริโภค หรือ TCC จนกระทั่งอีก 7 เดือนต่อมาทางสภาสามารถนัดไกล่เกลี่ยกันได้ แต่กลับถูกบริษัทบอกปัดโดยอ้างว่าสัญญาห้องพักที่ซื้อไว้ตั้งแต่ปี 63 หมดสัญญาประกันไปแล้วให้หาช่างมาซ่อมแซมเอง นับตั้งแต่ตัดสินใจซื้อห้องพักแห่งนี้มาในช่วงที่เป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องจากหลอดเลือดแดงใหญ่ตีบ และเพิ่งรักษาด้วยการเจาะปอดออกมา กลับต้องมาเจอสภาพสิ่งแวดล้อมของห้องพักที่มีราดำขึ้นแบบนี้
ทำให้ไอ เป็นไข้ มีเลือดไหลทางจมูก ปวดศีรษะรุนแรง บางครั้งเหมือนหายใจไม่ออกต้องเข้ารพ.รักษาตัวอีก 4-5 ครั้ง ครั้งล่าสุดวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา หมอระบุภูมิแพ้ขึ้นตา หลีกเลี่ยงห้องที่มีเชื้อรา ส่วนหมอที่ผ่าตัดรักษาตรวจสอบประวัติโรคย้อนหลัง บอกว่าเรากำลังจะป่วยเป็นโรคใหม่คือ โรคทางเดินหายใจ เป็นผลมาจากการพักอาศัยอยู่ในห้องที่มีเชื้อรา เตือนหากยังอยากมีสุขภาพที่แข็งแรง มีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ป่วยอีก ให้ย้ายออกจากห้องพัก แต่ห้องนี้เป็นเงินที่มาจากน้ำพักน้ำแรงทำงานเก็บเงินมาตั้งนานจนต้องเป็นหนี้สินกับธนาคารเป็นล้าน
“เครียดมากพยายามต่อสู้เรียกร้องมาโดยตลอด ถึงตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อ ถ้าต้องต่อสู้คดีก็ต้องมีค่าใช้จ่ายอีก ไหนจะค่าผ่อนห้อง ค่ารักษาตัว ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันอีก ไม่คิดว่าชีวิตจะต้องมาเจออะไรแบบนี้ บริษัทควรไปพิจารณาดูว่าสภาพห้องพักแบบนี้ควรขายให้อยู่ไหม จะขายให้ใครอยู่ก็ไม่ดีต่อสุขภาพเขาทั้งนั้น”
ด้านนายภัทรกร ทีปบุญรัตน์ หัวหน้าศูนย์สภาองค์กรของผู้บริโภค ระบุ ก่อนหน้านั้นทางสภานัดหมายให้เจรจากันแล้ว แต่บริษัททำหนังสือตอบกลับมาเมื่อวันที่ 7 มี.ค.66ให้เหตุผลว่าห้องพักหมดระยะเวลาในสัญญารับประกันไปแล้ว
ทำให้สภาองค์กรของผู้บริโภคต้องนำเรื่องนี้เข้าประชุมหารือ พิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ร้องเรียนรายนี้ในด้านของการจัดหาทนายความมาช่วยเหลือ คาดว่าใช้เวลาภายใน 60 วันในการอนุมัติทนาย