หน้าตั้ง – ก้นโด่ง : อาวุธลับคนตัวเล็กที่เร็วจี๊ดและบังบอลดีของ "ราฮีม สเตอร์ลิ่ง"

Home » หน้าตั้ง – ก้นโด่ง : อาวุธลับคนตัวเล็กที่เร็วจี๊ดและบังบอลดีของ "ราฮีม สเตอร์ลิ่ง"
หน้าตั้ง – ก้นโด่ง : อาวุธลับคนตัวเล็กที่เร็วจี๊ดและบังบอลดีของ "ราฮีม สเตอร์ลิ่ง"

แม้จะเริ่มต้นด้วยเสียงก่นด่า แต่เมื่อการแข่งขันผ่านไป ทุกคนต้องยอมรับว่า ราฮีม สเตอร์ลิ่ง คือ 1 ในนักเตะที่มีผลงานดีที่สุดใน ยูโร 2020 ครั้งนี้

ปีกตัวจี๊ดทีมชาติอังกฤษ ยิง 3 ประตู เลี้ยงบอลได้ดีแทบทุกครั้งที่มีบอลอยู่กับเท้า แถมยังเรียกฟาวล์ให้กับทีมได้หลาย ๆ ครั้ง จนในที่สุดประตูและอิทธิพลของเขาก็ทำให้เสียงก่นด่าจากแฟนบอลชาติเดียวกันเริ่มเบาบางลง

Main Stand จะเปิดเผยความลับท่าไม้ตายของ สเตอร์ลิ่ง ให้คุณได้รู้ และนี่คือเรื่องราวของ “ก้นมหัศจรรย์” ของเขา

เบื้องหลังเลี้ยงจัง (วะ)

ใครคือนักเตะที่เลี้ยงบอลเยอะจนแฟนบอลจำเป็นภาพติดตาได้ดีที่สุดใน ยูโร 2020?.. คำถามดังกล่าวไม่ยากเลยแม้แต่น้อย หากคุณได้ดูการแข่งขันตั้งแต่นัดแรก เชื่อว่าคำตอบของคุณจะมีชื่อของ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ติดเข้ามาในท็อป 5 อย่างแน่นอน 

1คุณไม่ได้รู้สึกไปเองอย่างแน่นอน เพราะสถิติการเลี้ยงบอลของ สเตอร์ลิ่ง ในยูโรครั้งนี้นำโด่งมาเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยสถิติการเลี้ยงทั้งหมด 29 ครั้ง และมีอัตราการเลี้ยงผ่านคู่แข่งเฉลี่ยอยู่ที่ 3 ครั้ง ต่อ 1 แมตช์  

อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ทุกคนคิดว่า สเตอร์ลิ่ง เลี้ยงบอลมากที่สุด ต่อให้ไม่มีตัวเลขเหล่านี้มายืนยัน นั่นอาจจะเป็นเพราะท่าเลี้ยงบอลของ สเตอร์ลิ่ง ถือว่าแปลกกว่านักเตะคนอื่น ๆ ในรายการนี้อย่างเห็นได้ชัด 

ในขณะที่นักเตะคนอื่นก้มหน้าเลี้ยงบอล สเตอร์ลิ่ง กลับเลี้ยงบอลแบบอกผายไหล่ผึ่ง และส่วนสำคัญที่สุดจนเป็นซิกเนเจอร์ของเขา นั่นคือการเลี้ยงบอลแบบ “ก้นโด่ง” ทั้งหมดคือภาพจำที่เราคุ้นเคยกับนักเตะหมายเลข 10 ของทีมชาติอังกฤษมายาวนาน ซึ่งด้วยท่าเลี้ยงบอลแปลก ๆ นี้เองที่ทำให้เขาโดนแซวมาตลอด นับตั้งแต่เดบิวต์ในระดับพรีเมียร์ลีกสมัยเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล

สเตอร์ลิ่ง เคยเปิดเผยว่า เขาเป็นคนที่เชื่อมั่นในการเลี้ยงบอลของตัวเองมาก การเลี้ยงบอลของเขาจะมีลักษณะกับเป้าหมายที่แตกต่างและชัดเจน นั่นคือการเอาบอลไปข้างหน้า เขาไม่ชอบครองบอลไว้กับตัวนาน แต่ชอบใช้การระเบิดฝีเท้าจากการสปีดต้น หรือเปลี่ยนความเร็วในทันที นอกจากนี้เขายังขยายความว่าการเลี้ยงแบบก้นโด่งและวิ่งหน้าตั้ง มันมีเหตุผลที่ต้องทำแบบนั้น 

2“อย่าปล่อยให้การครอบครองบอลทำให้คุณช้าลง ได้บอลแล้วต้องเร่งให้เร็ว” สเตอร์ลิ่ง กล่าวกับ FourFourTwo

“การเงยหน้ามองข้างหน้า คือสิ่งสำคัญที่สุดเมื่อผมมีบอลอยู่กับเท้า ผมเงยหน้ามองกองหลังคู่แข่งตลอดว่ากำลังจะมีใครเข้ามาหาผม และเมื่อผมเอาชนะเขาได้ การเงยหน้ามองข้างหน้าจะทำให้ผมเห็นทางเลือกว่าผมสามารถสร้างโอกาสแบบไหนได้บ้าง … เพราะการเลี้ยงลูกไม่ได้แปลว่าการเก็บบอลไว้กับตัว แต่มันเกี่ยวกับการเอาบอลเข้าไปยังพื้นที่อันตรายได้ต่างหาก” 

นี่คือวิธีและแนวคิดเมื่อบอลอยู่กับเท้าของ สเตอร์ลิ่ง ในการเอาชนะการดวล 1-1 และสร้างโอกาสคือสิ่งสำคัญที่อยู่เบื้องหลัง “การบ้าเลี้ยง” ของเขา แม้ว่าที่สุดแล้ว หลาย ๆ ครั้งจังหวะสุดท้ายของเขาอาจจะดูน่าผิดหวังไปบ้าง แต่คุณก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า น้อยคนนักที่จะสามารถสร้างโอกาสให้ทีมผ่านการเลี้ยงบอลเมื่ออยู่ในสนามได้อย่างเขา 

นอกจากประโยชน์ของการเลี้ยงบอลแบบ “หน้าตั้ง – ก้นโด่ง” ที่ทำให้เขารวดเร็วแล้ว สิ่งหนึ่งที่ สเตอร์ลิ่ง ได้จากการมี “ก้น” ที่ “กลมกลึง” ซึ่งคำ ๆ นี้ ไคล์ วอล์คเกอร์ เป็นคนให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์สายฮาอย่าง LADbible จากคำถามที่ว่า เวลานักบอลตบก้นกันตอนยิงประตูได้ เพื่อนร่วมทีมของเขาคนไหนมีก้นที่เด้งสู้มือมากที่สุด และนั่นมันช่วยให้เขามีสมดุลร่างกายที่ดีมากเวลาที่เขาได้ครองบอล 

เป็นเรื่องธรรมดามากสำหรับนักเตะตัวเล็กในเวลาที่ได้บอลและหันหลังให้ประตู พวกเขาจะต้องถูกกองหลังยักษ์ใหญ่ฝั่งตรงข้ามปรี่เข้ามาปะทะด้วยพละกำลังที่เหนือกว่า ซึ่งจุดนี้เองเป็นสิ่งที่ก้นของ สเตอร์ลิ่ง มีความสำคัญขึ้นมา สำหรับสไตล์การเล่นแบบเขา การบังบอลให้อยู่ แม้จะต้องแลกมากับการโดนเตะ แต่ทีมก็ยังได้ฟรีคิกจากลูกฟาวล์นั้น และนั่นถือเป็นการสร้างโอกาสให้ทีมอีกรูปแบบหนึ่งที่ก้นของเขานำพามาให้ 

“การเล่นกับพวกกองหลังตัวโต ๆ นั้นโหดหิน มันท้าทายและแตกต่างในการดวลกับนักเตะประเภทนี้ อย่างแรกเลย คือผมจะพยายามพลิกบอลให้ได้เร็วที่สุด ถ้าคุณคิดช้าพวกเขาจะอัดคุณทันที ไม่ให้โอกาสคุณได้คิดเป็นหนที่ 2 ซึ่งบางครั้งมันก็จวนตัวเกินกว่าจะพลิกบอลได้ สิ่งที่ผมทำได้ก็แค่การถูกเตะ ล้มลง และลุกขึ้นมาพยายามใหม่อีกครั้ง ที่เหลือขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้ตัดสิน … ทำหน้าที่ของคุณไป อยู่ในเกมที่ทำให้ทีมของคุณได้เปรียบที่สุด” สเตอร์ลิ่ง กล่าวประโยคนี้ไว้นานแล้ว และใน ยูโร 2020 นี้ เขากำลังแสดงให้เห็นว่านี่คือเรื่องจริง 

3จังหวะในเกมรอบตัดเชือกนัดพบกับ เดนมาร์ก ที่ สเตอร์ลิ่ง เลี้ยงบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษนั้น จากภาพช้า ก้นของเขาโดนสะโพกของ มาเธียส เยนเซ่น ชน 1 จังหวะ แม้จะดูไม่รุนแรง แต่ สเตอร์ลิ่ง ก็ล้มลงและทำในสิ่งที่เขาเคยกล่าวไว้ นั่นคือ “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกรรมการ” ซึ่งจากการล้มครั้งนั้น อังกฤษก็ได้จุดโทษ ที่แม้ แฮร์รี่ เคน จะยิงไปติดเซฟในจังหวะแรก แต่ก็ตามซ้ำเข้าไปเป็นประตูชัย พาทัพทรีไลอ้อนส์เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ … เรียกได้ว่าก้นของ สเตอร์ลิ่ง ได้สร้างโอกาสให้กับทีมชาติอังกฤษอย่างแท้จริง

ศาสตร์ของก้นในโลกฟุตบอล 

เรื่องประโยชน์ของการมีก้นเด้งโด่งในโลกของฟุตบอล ไม่ได้มีแค่ สเตอร์ลิ่ง คนเดียวเท่านั้น เอเด็น อาซาร์ กัปตันทีมชาติเบลเยียม จากสโมสร เรอัล มาดริด ก็เป็นนักเตะตัวเล็กอีกคนหนึ่งที่มีทักษะการเลี้ยงบอลที่สุดยอด และมีท่าเลี้ยงบอลที่ก้นโด่งไม่แพ้กัน 

4เรื่องนี้ โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ กุนซือของ เบลเยียม ก็เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “เท่าที่ผมเห็นความแตกต่างในการเลี้ยงบอลของ อาซาร์ ก็เป็นเพราะศูนย์ถ่วงที่ก้นของเขานั่นแหละ ศูนย์ถ่วงที่ดีทำให้เขามีเทคนิคการดวลตัวต่อตัวในแบบที่เลียนแบบกันไม่ได้”

อาซาร์ ในช่วงที่รูปร่างดีที่สุดสมัยอยู่กับ เชลซี เมื่อปี 2019 เขาสูง 175 เซนติเมตร และหนัก 76 กิโลกรัม ขณะที่ สเตอร์ลิ่ง นั้นตัวเล็กกว่าเล็กน้อย ด้วยความสูง 170 เซนติเมตร หนัก 70 กิโลกรัม แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือสรีระของพวกเขา ที่แม้จะไม่ได้สูงมาก แต่ช่วงล่างตั้งแต่เอวลงไปนั้นถือว่าเป็นส่วนใหญ่ของน้ำหนักตัวทั้งหมดเลยก็ว่าได้ 

น้ำหนักและส่วนสูงของ อาซาร์ และ สเตอร์ลิ่ง ไม่สามารถทำให้ร่างกายของพวกเขาสามารถใช้คำว่า “เพรียวบาง” ได้ แต่กล้ามเนื้อสะโพกที่แข็งแรงและก้นที่โด่งมากกว่าคนอื่น ๆ ก็ช่วยให้ร่างกายมีความสมดุล และกลายเป็นนักเตะตัวเล็กที่หันหลังเล่นเก่ง คาดเดาการเล่นได้ยาก เพราะสามารถเลือกเล่นได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการพิงและจ่ายจังหวะเดียวให้เพื่อนร่วมทีมเข้ามารับบอลต่อ, การบังแล้วพลิกจังหวะเดียวเพื่อมุ่งหน้าไปทางปากประตู หรือแม้กระทั่งการเรียกฟาวล์ในจังหวะที่ไปต่อไม่ได้ 

ยาย่า ตูเร่ อดีตนักเตะกองกลางของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ปัจจุบันผันตัวมาเป็นนักเขียนบทความให้กับเว็บไซต์ The Athletic ก็เขียนบทความที่ว่าด้วยเรื่องก้นของนักบอลเช่นกัน เขาเล่าถึงสมัยตอนที่เขาย้ายมาเล่นในอังกฤษใหม่ ๆ และในตอนนั้นทีมงานสตาฟของ แมนฯ ซิตี้ ได้สั่งให้เขาเพิ่มกล้ามเนื้อก้นให้แข็งแกร่งขึ้น เพื่อรับมือกับการเข้าบอลของกองหลังในพรีเมียร์ลีก

5“เมื่อมาเล่นที่อังกฤษ ความเข้มข้นของการดวลกันในแดนกลางเป็นอะไรที่โหดมาก นักเตะชาวอังกฤษไม่กลัวการทำฟาวล์ พวกเขาจะเข้าหาคุณจากด้านหลัง หรือแม้กระทั่งทุก ๆ มุมที่มีช่อง เขาพยายามจะทำให้คุณล้มลงอย่างรวดเร็ว และถ้าคุณไม่สามารถรับมือกับมันได้ รับรองว่าคุณจะผวาจนขนลุกทุกครั้งที่ได้บอลเลยล่ะ” ตูเร่ ที่เป็นนักเตะตัวใหญ่ระดับเฉียด ๆ 190 เซนติเมตร ยังยอมรับว่าเขาแกร่งไม่พอในตอนแรก

“ผมคิดหาทางออกว่าจะทำยังไงให้ผมสามารถพอไปไหวกับฟุตบอลที่นี่ ผมปรึกษากับนักกายภาพบำบัดของ แมนฯ ซิตี้ พวกเขาตอบผมมาสั้น ๆ และมันทำให้โลกของผมเปลี่ยนไปเลย”

“พวกเขาบอกว่า คุณตัวใหญ่อยู่แล้ว เพียงแต่ต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อรับมือกับความตกใจให้ได้ เราจำเป็นจะต้องสร้างกล้ามเนื้อที่ก้นของคุณให้สามารถดูดซับแรงปะทะได้ดีกว่าเดิม สะโพกของคุณจะต้องแข็งแกร่งกว่าที่เป็นอยู่ … ผมฟังดูตอนแรกมันก็ตลกดี แต่ก้นของคุณนี่แหละคือสิ่งสำคัญมากเมื่อคุณเป็นนักฟุตบอล” ตูเร่ ว่าไว้เช่นนั้น 

เรื่องยังไม่จบแค่นั้น คำถามที่ว่า สเตอร์ลิ่ง จะเลี้ยงบอลแบบหน้าตั้งก้นโด่งไปเพื่ออะไร ? ตูเร่ ที่เคยเป็นเพื่อนร่วมทีมก็ตอบคำถามนี้ได้อย่างชัดเจน ด้วยการหยิบยกเอาเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เป็นคำตอบได้ดีมาเล่า โดยไม่ต้องมีตัวเลขหรือแม้กระทั่งบทความทางวิทยาศาสตร์มายืนยันเลยด้วยซ้ำ 

“หากยังจำกันได้ แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ในปี 2018 ช่วงท้ายเกม ราฮีม พาบอลไปมุมธง และมีนักเตะของ ยูไนเต็ด 2-3 คน เข้ามารุมทึ้งจะเอาบอลจากเขา ตอนนั้น สเตอร์ลิ่ง ย่อตัวลง ลดสะโพกลงต่ำ สองเท้าตั้งมั่นอยู่กับพื้น และเขาใช้ก้นของเขาปกป้องลูกบอลไว้ได้อย่างแข็งแกร่ง”  

“ตอนมาใหม่ ๆ ผมเคยเรียกเขาว่า “เจ้าเตี้ย” (Short One) แต่ถ้าคุณดูสะโพก ขา และก้นของเขา คุณจะพบว่ามันแข็งแกร่งมาก ในสถานการณ์ที่ทีมต้องการบอลกลับมาเล่น มันยากจริง ๆ หากคุณเจอนักเตะอย่าง สเตอร์ลิ่ง บังบอลอยู่” 

“สังเกตการเล่นของนักเตะเหล่านี้ (สะโพกแข็งแรง ก้นใหญ่) ในยูโร 2020 นี้ได้เลย คุณจะเห็นวิธีการใช้สะโพกที่สร้างประโยชน์เป็นอย่างมาก มันเป็นจุดเชื่อมต่อกันระหว่างสกิล และ ร่างกาย นักเตะตัวเล็ก ๆ สามารถใช้ความแข็งแกร่งตรงนี้ให้เป็นประโยชน์ได้  ถ้ายังไม่เห็นภาพ ให้คุณดูเวลา ลิโอเนล เมสซี่ เล่นก็ได้ เวลาเขาเลี้ยงบอล ทีมตรงข้ามแทบจะกระโดดขี่หลังเขาแล้วด้วยซ้ำ แต่เขาก็สะบัดหลุดออกมาได้ตลอด นั่นแหละคือการใช้ประโยชน์ของก้นที่ถูกต้องล่ะ” ยาย่า ตูเร่ กล่าวทิ้งท้าย

ก้นแข็งแกร่ง ร่างกายแข็งแรง

ปกติแล้วเรื่องของก้น ถือเป็นเรื่องที่สุภาพสตรีให้ความสำคัญมากกว่าผู้ชาย เพราะเมื่อ ก้นสวย ก้นเด้ง แต่งชุดอะไรก็ออกมาดูดี สามารถใช้ชีวิตและพบเจอกับผู้คนได้อย่างมั่นใจในแต่ละวัน 

อย่างไรก็ตาม ก้นก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ชายเช่นกัน ต่อให้ไม่เป็นนักฟุตบอลแบบ สเตอร์ลิ่ง การออกกำลังกายให้ก้นและสะโพกก็ส่งผลดีหลายด้าน เพราะช่วงกล้ามเนื้อสะโพก ถือเป็นจุดที่กลุ่มกล้ามเนื้อถึง 3 มัดมารวมกัน 

6บทความที่ชื่อว่า How Butts Make Us Human ในเว็บไซต์ Healthline ยืนยันว่า กล้ามเนื้อสะโพก เป็นกล้ามเนื้อที่ใหญ่ที่สุดในร่างกายของมนุษย์ หากคุณมีกล้ามที่สะโพก ก้น และต้นขาแข็งแรงแล้ว จะช่วยให้คุณออกกำลังกายท่าอื่น ๆ ในการเล่นฟิตเนสได้ดียิ่งขึ้น ลดความเสี่ยง ทนทานต่อการบาดเจ็บ ทำให้มีบุคลิกภาพดี และไม่ปวดหลังอีกด้วย 

และที่สำคัญ ยังมีการยืนยันว่าก้นและสะโพกที่แข็งแรง ส่งผลต่อการออกกำลังกายแบบที่ต้องใช้กำลังและแรงส่งจากก้นอย่าง “การวิ่งระยะสั้น” ที่เป็นอาวุธเด่นของนักเตะอย่าง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง อีกด้วย 

และนี่คือเรื่องราวของ “ก้นมหัศจรรย์” ซึ่งหลายคนอาจจะตลกกับท่าทางที่ สเตอร์ลิ่ง แสดงออกมา ทว่าเบื้องหลังความแปลก กลับมีประโยชน์ซ่อนอยู่มากมาย ดังนั้น “ก้นของเขา” คือขุมพลังสำคัญที่ทำให้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง มาได้ถึงจุดนี้ 

สิ่งสำคัญที่สุด คือการหาส่วนผสมระหว่างร่างกายกับเทคนิคให้เจอ ตอนนี้ สเตอร์ลิ่ง เจอมันแล้ว และเขากำลังใช้มันให้เป็นอาวุธลับสำหรับนักเตะตัวเล็ก ที่ต้องรับแรงปะทะแทบจะทุกจังหวะที่ได้บอลอย่างที่เขาเจอ 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ