วันที่ 21 ก.พ.บีบีซีรายงานว่า หน่วยงานรักษาความปลอดภัยด้านการขนส่งสหรัฐอเมริกาหรือทีเอสเอออกคำเตือนในสถานการณ์ที่ผู้โดยสารเครื่องบินจำนวนเพิ่มมากขึ้นกำลังพยายามนำปืนในครอบครองผ่านจุดตรวจความปลอดภัยของสนามบินในประเทศสหรัฐอเมริกา แม้ไม่ใช่ปัญหาใหม่แต่ปริมาณที่ตรวจพบไม่สามารถยอมรับได้และต้องจัดการ
โดยเฉพาะในเมืองซีแอตเทิล กรุงวอชิงตันดีซี และอินเดียแนโพลิสที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วซึ่งในเดือนม.ค.ปี 2566 ที่เมืองซีแอตเทิล เจ้าหน้าที่พบปืน 11 กระบอก เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2565 ที่มีจำนวน 7 กระบอก และในภาพรวมปี 2565 เจ้าหน้าที่ตรวจพบปืนที่สนามบินทั่วประเทศสหรัฐทุบสถิติจำนวน 6,542 กระบอก ในจำนวนนี้ร้อยละ 88 บรรจุลูกกระสุน คาดว่าในปี 2566 อาจทุบสถิติเก่าของปีที่แล้ว
ตัวอย่างของสถิติดังกล่าว เมื่อ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตรวจเจอปืนไรเฟิลจู่โจมและกระสุน 163 นัดจากชายคนหนึ่งที่กำลังจะนำขึ้นเครื่องบินในเมืองนิวออลีนส์ ทั้งนี้ ผู้โดยสารได้รับอนุญาตให้นำอาวุธปืนที่ยังไม่ใส่กระสุนบรรจุในสัมภาระโหลดใต้ท้องเครื่อง และผู้โดยสารควรแจ้งสายการบินว่ามีอาวุธปืนด้วย แต่ไม่อนุญาตให้พกในกระเป๋าติดตัวผู้โดยสารขึ้นเครื่อง แม้ว่า ผู้โดยสารจะมีใบอนุญาตก็ตาม
“นี่ไม่ใช่ปัญหาใหม่” นายไบรอัน ไชเฮเบล ผู้อำนวยการกลางทีเอสเอในรัฐเนบราสกากล่าวและว่า แต่เป็นสถิติที่ต้องจัดการ เนื่องจากปริมาณอาวุธปืนที่เจอในจุดตรวจนี้ไม่สามารถยอมรับได้
เมื่อปีที่แล้ว ทีเอสเอกำหนดโทษทางแพ่งสำหรับการฝ่าฝืนกฎหมายอาวุธปืนเพิ่มเป็น 14,950 ดอลล่าร์สหรัฐหรือราว 500,000 บาท และอาจถูกจับกุม ถูกยึดอาวุธและไม่สามารถข้ามขั้นตอนการตรวจอาวุธตามปกติเป็นเวลาอย่างน้อย 5 ปี
อย่างไรก็ตาม จำนวนอาวุธปืนที่ตรวจพบยังเพิ่มขึ้น ทีเอสเอสกัดอาวุธปืนได้เพิ่มขึ้นในแต่ละปีนับตั้งแต่ปี 2553 ยกเว้นในปี 2563 ที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้การเดินทางทั่วโลกชะลอตัวลง
นายเดวิด พีโคสเคอ ผู้บริหารทีเอสเอระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้นที่จุดตรวจความปลอดภัยสนามบินสะท้อนสิ่งที่เรากำลังเห็นในสังคมและว่า ขณะนี้ ในสังคมมีประชาชนเพิ่มมากขึ้นที่พกอาวุธปืน
…………….