"หนุ่ม กะลา" เผยเคยเป็นโรคซึมเศร้าหลังยุบวง ติดเหล้าหนักจนเกือบน็อก

Home » "หนุ่ม กะลา" เผยเคยเป็นโรคซึมเศร้าหลังยุบวง ติดเหล้าหนักจนเกือบน็อก
"หนุ่ม กะลา" เผยเคยเป็นโรคซึมเศร้าหลังยุบวง ติดเหล้าหนักจนเกือบน็อก

วันนี้ หนุ่ม กะลา มาในบทบาทใหม่คอมเมนเตเตอร์จากรายการ เดอะสตาร์ไอดอล แต่ไม่รู้ว่าเพราะกระแสดราม่าอะไรถึงขั้นเอ่ยปากอยากถอนตัวจากการเป็นคณะกรรมการมาแล้ว และวันนี้ขอมาเคลียร์ทุกประเด็นกับเส้นทางสายดนตรีกว่า 22 ปี ที่ตัวเองบอกเลยว่าเคยอยู่ในช่วงสูงสุดและต่ำสุดมาแล้ว ผ่านทาง รายการคุยแซ่บ Show ทางช่องวัน31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และ เป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

ไปทำไรมาหล่อขึ้น?

หนุ่ม : “ผมว่าได้นอนเยอะขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ ผมทัวร์คอนเสิร์ตทั้งปี คือเวลานอนน้อยมาก แล้วพอช่วงโควิดได้นอนเยอะ จากเมื่อก่อนเวทอยู่ตลอด แต่เรื่องกินเรื่องนอนอาจจะไม่เต็มที่ ทีนี้พอได้อยู่บ้านก็เลยได้เวทได้กินได้จัดสรรอาหารที่ควรจะได้กินได้อย่างเต็มที่”

ตอนนี้มีบทบาทใหม่ เป็นคอมเมนเตเตอร์ มีแฮชแท็กว่าสายอวย?

หนุ่ม : “ครับ เอาจริงๆ แล้วผมก็วิเคราะห์ไปตามเนื้อผ้านะ ผมไม่ได้เป็นสายแบบฟาดฟัน ผมรู้สึกว่ามันไม่มีอะไรที่ดีจริงๆ แล้วไม่มีอะไรที่ไม่ดีจริงๆ สุดท้ายเรื่องของงานศิลปะมันเป็นมุมมองของแต่ละคน แล้วผมก็เคยประกวดมาก่อน ผมรู้สึกว่า ผมอยากให้กำลังใจมากกว่าฟาดฟัน”

ตอนแรกไม่อยากเป็น?

หนุ่ม : “จริงๆอ่ะอยากเป็น คือคำว่าเดอะสตาร์ ผมว่ามันเป็นตำนานมาก แล้วอยากรับงานนี้มากๆ พอทำไปสักพัก ก่อนถ่ายเดโม่ เพิ่งรู้สึกตัวว่าไม่อยากทำแล้ว”

ทำไม?

หนุ่ม : “ก่อนหน้านี้ผมจะเลี่ยงการเป็นคณะกรรมการ การเป็นคอมเมนเตเตอร์มาตลอด เพราะว่าไม่อยากวิจารณ์ใคร และคิดว่าถ่ายเดโม่วันนั้นผมออกมา จะถอนตัว แต่ว่าขอทำหน้าที่ในการทำเดโม่ให้เสร็จก่อน”

เห็นบอกว่าที่มาเป็นคอมเมนเตเตอร์ทุกวันนี้ เพราะพี่บอย ถกลเกียรติ โทรไปหา?

หนุ่ม : “เรียกผมเข้าไปคุยครับ จริงๆ 2-3 ปีที่ผ่านมา เหมือนพี่บอยจะยื่นโอกาสดีดีให้ตลอด มีละครเวที มีงานอะไรก็ตามดีๆ ทั้งนั้น แต่คิวตลอดทั้งปีผมเต็มคอนเสิร์ตตลอด มันเลยไม่ได้ทำงานกันสักที พอมาช่วงโควิดนี้พี่บอยยื่นโอกาสนี้มาพอดี ซึ่งด้วยความที่เป็นเดอะสตาร์มันไม่มีเหตุผลที่เราจะปฏิเสธเลย”

เห็นบอกว่าทำเดโม่แล้วจะไม่ทำ แล้วอะไรที่ทำให้เปลี่ยนใจ?

หนุ่ม : “พอทำเดโม่วันนั้นผมรู้สึกว่าเราไม่ได้กำลังมาให้เด็กๆ กับการคอมเมนต์ของเรา จริงๆ ที่ผมนั่งอยู่ ผมว่าเด็กๆ มาให้ผม เอาพลังงานบางอย่างของการทำงานอยู่จุดนี้ ไฟบางอย่างมันน้อยลง การที่เราได้เห็นเด็กคนหนึ่งหอบความฝัน ความตั้งใจมา มันส่งพลังมาหาผม แล้วผมรู้สึกว่างานนี้มีแต่ได้กับได้ แล้วผมเป็นคณะกรรมการที่อาจจะมองต่างจากท่านอื่นๆ นิดเดียว เพราะผมเป็นเบื้องหลังด้วย ผมเป็นโปรดิวเซอร์ด้วย เวลาผมมองเด็กคนหนึ่ง ผมมองหาเอกลักษณ์ในตัวเด็ก คือเวลาเด็กขึ้นมาร้องเพลงมันจะมีอยู่สองแบบ เด็กคนนี้โคตรเก่งเลย แต่เป็นแค่เด็กประกวด กับคนอีกแบบหนึ่ง ที่อาจจะเก่งไม่มากเลย ร้องเพลงไม่ดีเท่าไหร่เลย แต่เห็นเลยว่าไอ้นี่เป็นนักร้องดังแน่”

คือมองภาพรวมมากกว่า?

หนุ่ม : “มองคนละแบบครับ”

แล้วชาวเน็ตเห็นด้วยกับเราไหม?

หนุ่ม : “ของผมยังไม่มี โชคดีครับ ต้องขอบพระคุณมากๆ”

ตอนเข้ามาในเส้นทางดนตรีเราประกวด hotwave แล้วเข้า กี่ปีมาแล้ว?

หนุ่ม : “น่าจะ 24-25 ปีที่แล้วครับ เพราะว่าผมเป็นนักร้องมาเกือบ 23 ปี ตอนแข่งไม่แน่ใจอายุ แต่ตอนออกเทปประมาณ 17 ปีครับ”

มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ความดังของเราทำให้ชีวิตเราติดลบเกิดอะไรขึ้น?

หนุ่ม : “ผมว่าผมเป็นคนที่ใช้ชีวิต ใช้คำว่าร็อกสตาร์ได้อย่างคุ้มค่าที่สุด คือความเป็นร็อกสตาร์มันจะต้องดูเฮลๆ เท่ๆ ที่สุด กินเหล้าอะไรอย่างนี้อ่ะครับ ก็เหมือนมันเป็นช่วงหนึ่งที่ฮอร์โมนมันพุ่งมากด้วยความเป็นวัยรุ่น”

ดื่มก่อนขึ้นหรือหลังคอนเสิร์ตจบ?

หนุ่ม : “ทั้งคู่เลยครับ”

แสดงว่า เมื่อก่อนเราเห็นหนุ่มอยู่บนเวทีกึ่งเมาเหรอ?

หนุ่ม : “งานจ้างเท่านั้นนะครับ งานปกติแบบนี้ไม่มีหรอกครับ คือมันกินทุกวัน จนเราคิดว่าวิธีการแบบนั้น มันเป็นวิธีขอวร็อกสตาร์ แต่ก่อนนี้การเป็นร็อกสตาร์มันต้องดูเถื่อนๆ ภาพวิดีโอที่หลุดออกมาเราต้องดูเป็นคนเก๋าๆ มันก็เคยมีช่วงเวลาที่เราเคยคึกคะนองแบบนั้น”

เห็นว่าดื่มเป็น 10 ปี?

หนุ่ม : “10 ปีครับ จำได้ว่าก่อนจะเลิก ดื่มเบียร์ไม่ถึง2 ขวด ก็น็อกไปตอนไหนไม่รู้ คือเบียร์ 2 ขวด ถ้าคนที่ดื่มอยู่แล้วจะรู้ว่ามันน้อยมาก แต่ด้วยความที่ร่างกายของผมข้างในมันเหมือนคงพังหมด ดื่มประมาณสัก 2 ขวด มันน็อกไป ถ้าดื่ม 5 โมงเย็น ผมจะตื่นอีกทีคือเช้าอีกวันนึงเลย น็อกไปตอนไหนก็ไม่รู้ แล้วกว่าจะหายแฮงค์กว่าจะหายมวนท้องข้างใน 3 วัน คือเอาจริงๆมันพังหมดแล้ว”

แล้วเราทำยังไงกับตัวเรา?

หนุ่ม : “ตอนนั้นพยายามจะเลิก เริ่มรู้สึกแล้วว่าตอนแรกที่เราเจอกันกับเหล้า คุณมาให้ความสุขผม ผมได้รับความสุขนั้น แต่ว่าพอวันที่เรากินแค่เบียร์ขวดเดียว แล้วน็อกเนี่ย แล้วต้องใช้เวลาอีก 2-3 วัน กว่าจะหาย ผมเริ่มรู้สึกว่าผมไม่มีความสุข ผมก็เลยค่อยๆ ถอยออกมา”

ใช้เวลานานไหมกว่าตัวเองจะดีขึ้น?

หนุ่ม : “จริงๆ จุดเริ่มต้นมันมีหลายอย่าง มันเกิดมาจากเป็นโรคซึมเศร้าก่อน คือเป็นตอนที่วงแรกแตก จากคนกินเหล้ามากๆ ก็กินเหล้าหนักกว่าเดิม จนมาถึงจุดที่ผมบอก มันก็เริ่มเป็นโรคซึมเศร้า แต่พอเริ่มไปรักษากับคุณหมอ พอเริ่มดีขึ้น ก็เริ่มคิดได้ว่าอยากร้องเพลงแล้ว อยากกลับมาเป็นนักร้องที่ดี เราก็เลยค่อยๆ ทบทวนทีละอย่างว่าเราควรจะแก้ไขอะไรบ้าง ณ จุดนี้เป็นจุดเริ่มต้น ตอนนั้นจำได้ว่า พอรักษาคุณหมอเสร็จ แฟนเอาหนังสือหลวงพ่อจรัญมาให้ มันก็เลยบวกกัน กับความคิดที่เราอยากเลิก ธรรมะเข้ามาพอดี มันก็เลยค่อยๆ”

ใช้เวลานานไหมกว่าที่เราจะตัดได้จากเหล้า จากโรคซึมเศร้า?

หนุ่ม : “โรคซึมเศร้าไม่นานมากครับ แต่ถ้าเหล้าใช้เวลา 1 ปี แต่ว่า 1 ปี หลังจากวันที่ผมบอก เริ่มโดยการไปขึ้นธูปบอกพระ ผมเป็นคนเชื่อเรื่องบาปบุญ คุณโทษมาก ไปสาบานครับ ท่านครับผมขอหยุดเหล้า เดือนนึงจะไม่กินเลยจะกินแค่วันเดียว จากคนที่กินทุกวัน เท่ากับปีนั้นผมกินไปแค่ 12 ครั้ง”

แล้ววันเดียวใน 1 เดือนกินขนาดไหน?

หนุ่ม : “มันกินได้ไม่เยอะครับ มันกลายเป็นว่าพอเราหยุดนานๆ แล้วเราก็ไม่ได้แกร่งเท่าเดิม พอกินนิดหน่อยก็เมา จน ช่วงสิ้นปีนั้นมันเป็นช่วงที่ผมไม่เคยอยากเหล้าขนาดนี้มาก่อน จำได้ว่าสิ้นปีพอดีก็เลยนัดพี่ชายมากินเหล้าที่บ้าน เตรียมเหล้าไว้อย่างดีเลย พอเหล้าเข้าปากวันนั้นรู้สึกว่าไม่อยากกินแล้ว ผมก็วางแก้วเหล้า แล้วบอกพี่ชายว่ากินต่อไปเลย ผมก็เดินขึ้นห้องเลย ตื่นเช้ามาก็ลงมากราบแม่ แล้วยกศีลข้อนี้ให้แม่ ก็เลิกมาตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้”

แสดงว่านี่คือ 10 กว่าปีไม่เคยแตะเหล้าเลย?

หนุ่ม : “ไม่ๆ เลิกเหล้า เลิกบุหรี่”

พี่หนุ่มก็ออกมาจากวังวนนั้น แล้วมาเริ่มสร้างวงใหม่อีกครั้ง แต่มันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดไว้?

หนุ่ม : “คือตอนเป็นวงกะลายุคแรก ผมจะบอกว่าเป็น 10 ปีที่ขาขึ้นหมดเลย ทั้งยอดขายทั้งคอนเสิร์ต แต่พอเป็นยุคที่2 ที่มันไม่เหมือนเดิม มันเป็นเพราะว่าอย่างแรก ถ้าเกิดมานั่งวิเคราะห์ตอนนี้ คือตลาดมันเปลี่ยน จากแนวร็อกแบบไทยๆ ที่คุณชอบก็กลายเป็นอีโม เป็นอะไรก็ว่ากันไป แล้วก็ด้วยความที่เปลี่ยนสมาชิก วงกะลายุคแรกมันแข็งแรงทั้งทีม เวลามีใครออกจากวงคนที่เป็นแฟนเก่าๆ เขารับไม่ได้ มันฝ่ากระแสหลายๆ อย่าง จนแบบรู้สึกว่าเราไม่อยากทำต่อ แต่การไม่อยากทำต่อไม่ได้ท้อเหมือนตอนเป็นโรคซึมเศร้านะ แต่เหมือนเราเข้าใจชีวิตแล้วว่า อ่อ…มันคงเป็นแบบนี้สินะ ที่นักร้องรุ่นพี่เขาออกเทปได้ประมาณกี่ปีๆ แล้วมันต้องหายออกจากวงการ”

เราคิดว่าตอนนั้นน่าจะหมดเวลาของเราแล้ว?

หนุ่ม : “ใช่ครับ”

จากคนดูเป็น 10,000 อันนี้น้อยสุด 8 คน?

หนุ่ม : “จริงๆ 8 คนครับ มีอยู่ที่นึง ร้านน่าจะจุคนสัก 20,000 คน แต่มีคนแค่ 8 คนเกาะอยู่หน้าเวที เราก็เล่นอย่างเต็มที่เลย”

วันนั้นตอนอยู่บนเวทีเราทำยังไงให้มันสนุก?

หนุ่ม : “ผมทำให้มันสนุกได้ ผมยังรู้สึกเหมือนเดิมว่าคนมากคนน้อย ผมเล่นให้สนุกได้ แต่ว่า ที่มันไม่สนุกมันไม่ใช่ตอนอยู่บนเวที ตอนที่มันลงมาข้างล่างต่างหาก เหมือนเรารู้ตัวกับ 8 คนวันนั้น เราห้ามความรู้สึกไม่ได้ ที่เรารู้สึกว่ามันหมดแล้ว”

แล้วตอนไหนที่บอกว่าไม่เอาแล้วจะไปเลี้ยงเป็ดแล้ว?

หนุ่ม : “ตอนปล่อยเพลงไม่เห็นฝุ่นไปแล้ว คือเพลงนี้ดีทั้งยอดขายดีทั้งอะไรหมดเลย แต่มันสวนทางกับงานจ้าง พอเราเปลี่ยนวง งานจ้างมันก็ไม่ดี แล้วผมก็เลยบอกเพื่อนๆ ในวงว่า ผมแต่งเพลงไว้เพลงนึง ชื่อเพลง ทำใจให้ชิน จะเป็นเพลงสุดท้ายนะ คือวงใหม่ที่เพิ่งทำ เพิ่งจะปล่อยซิงเกิลไปซิงเกิลเดียวเอง ผมบอกเขาว่าถ้าเพลงนี้ไม่ดังผมเลิกละ ไปเลี้ยงเป็ดแล้วก็พูดไปขำๆ กับเพื่อน แต่มันดันดัง”

แล้วถ้าวงใหม่ดัง แล้วทำไมผันตัวมาเป็นศิลปินเดียว?

หนุ่ม : “พอวันนึงเวลาเราเดินทางไปเรื่อยๆ เราจะรู้สึกได้ว่าเราไม่ได้มีเป้าหมายเดียวกัน คือวันที่รวมกันวันแรกเราเห็นแก้วน้ำสีเดียวกัน แต่พอทำไปเรื่อยๆ ทุกคนก็มีความคิดที่ต่างกัน รู้สึกว่าพักดีกว่า”

แต่เราก็ยังเดินทางในสายดนตรีของเราต่อ?

หนุ่ม : “ใช่ครับ”

ยังโอเคไหมที่เราใช้คำว่าหนุ่ม กะลา ในฐานะที่เราออกมาแล้ว?

หนุ่ม : “จริงๆ ผมโอเคที่ใช้หนุ่ม กะลา ถ้าสิ่งที่ไม่โอเคเลยอย่างนึงที่ผมไม่ค่อยพูด จริงๆ แล้วผมเสียใจทุกครั้ง คิดถึงชื่อกะลาที่ผมต้องจบมันลง วันที่ประชุมกับเพื่อน แล้วบอกเพื่อนว่าเราจะจบวงนะ ผมขอลาออก แต่ผมจะไม่ใช้ชื่อกะลาแล้ว ผมยังเจ็บปวด เพราะผมรู้สึกว่า ถ้าในวงที่เป็นรุ่นเดียวกัน บิ๊กแอส บอดี้ หรืออะไรก็ตามแต่ วงกะลาเป็นวงเดียวที่ไม่มีคอนเสิร์ตใหญ่ ผมเหมือนหวังไว้มากว่าอยากให้วงนี้ไปได้ไกลมากกว่านี้ แล้วพอวันนั้นวันที่เราเอ่ยปากคำนี้ เราเลยรู้สึกว่าเหมือนเราพามันไปไม่ถึง จบวงกะลาแล้วผมก็บอกเพื่อนว่า ไม่มีวงกะลายุค 3 อะไรอีกแล้ว พอแค่นี้ ก็เป็นหนุ่ม กะลา เลย”

พอมาเป็นศิลปินเดียวเป็นยังไงบ้าง เห็นว่าปล่อยมา 3 เพลง?

หนุ่ม : “ตอนช่วงแรกไม่ดีเลยครับ แบบแป้กอ่ะครับ คือก่อนจะมาเป็นนักร้องเดี่ยว ผมไม่ได้คาดหวังว่าผมจะดังอยู่แล้ว เพราะว่าเราเข้าใจอยู่แล้วว่าคนที่เป็นวงแล้วสำเร็จมา พอออกเดี่ยว เราจะเห็นอยู่แล้วว่าในเมืองไทย มันแทบเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วออกเดี่ยวแล้วดังเท่าวง เราเตรียมใจเรื่องนี้ไว้แล้ว แต่เราไม่คิดว่าเพราะออกจริงมันเละกว่านั้นอีก”

ช่วงนั้นเงินเหลือน้อยมากเลยหรอ?

หนุ่ม : “ตอนเป็นวงกะลายุค 2 ผมไม่เคยทำงานแล้ว ซับพอร์ตรายจ่ายของที่บ้าน แต่มันเป็นเงินที่เราเก็บมาจากกะลายุคแรก มันก็ค่อยๆ ใช้ไปเรื่อยๆ จนพอจะออกเดี่ยวก็แทบจะไม่เหลือแล้ว ก็แบกทุกอย่างในบ้านมา 5-6 ปี”

เห็นบอกมีบางวันแท็กซี่ขึ้นไม่ได้ต้องไปรถไฟใต้ดิน?

หนุ่ม : “คือมันมีอยู่ครั้งนึงมันเป็นภาพที่แฟนเพลงถ่ายหน้าตึกแกรมมี่ ผมกำลังกลับจากตึก เพราะว่าเข้ามาตึกเหมือนจะมาคุยเรื่องทำเดี่ยว แต่ว่าด้วยสัญญาอะไรบางอย่างกับวงเก่ามันยังทำไม่ได้ แล้ววันนั้นจำได้ว่าคือหมดหวัง งานจ้างก็รับไม่ได้ในฐานะเดี่ยว หรืออะไรก็ตามแต่ ก็เดินออกจากตึกแล้วแฟนคลับ ถ่ายรูปนั้นได้พอดี ผมกำลังเดินข้ามจากฝั่งนี้ไปอีกฝั่งนึง เพื่อไปนั่งรถไฟใต้ดินไปหาแฟน แฟนมีรถ นั่นคือวันที่หมดทุกอย่าง คือตอนเราเดินเข้ามาเรารู้สึกว่าถ้าเรามาคุยกับผู้ใหญ่ ออกไปเราต้องได้รับงานแล้วแน่ เราต้องได้ทำนู่น ทำนี่ แต่พอเข้ามามันไม่เป็นอย่างนั้น”

ณ ตอนนั้นจะเรียกว่าจุดต่ำสุดของชีวิตก็ว่าได้?

หนุ่ม : “ครับ”

แต่หนุ่มก็ได้ทำอย่างนึงคือเปลี่ยนชีวิตเลยคือ?

หนุ่ม : “หลังจากวันนั้นผมก็มีแรงฮึดอีกฮึดนึง ผมรู้สึกว่าไม่เป็นไร ผมมีความเชื่อเรื่องนึงว่า ระหว่างที่เรารอผมจัดถักทอใบเรือของตัวเองให้ใหญ่ที่สุด ถ้าลมและโอกาสมาเมื่อไหร่เรือผมจะแล่นไปไกลมาก ก็เลยเริ่มเปลี่ยนตัวเอง เริ่มมาวิเคราะห์ว่า 10 กว่าปีที่ผ่านมา คือพยายามทำอะไรแล้วมันไม่สำเร็จก็เปลี่ยนซะ”

ถ้าจำไม่ผิดไปบวชด้วยใช่ไหม?

หนุ่ม : “บวชนี่ตอนที่ปล่อยเพลง ปล่อยมือฉัน มาแล้ว คือในช่วงแรกปล่อยมาแล้วไม่ดัง เหมือนคนอกหักทุกวันตื่นเช้ามาดูยอดวิว แล้วเช้ามาต้องไปโปรโมทเพลง แล้วไม่อยากไป เพราะใจมันไม่ได้ พอเพลงมันปล่อยไปได้หลายๆ เดือน มันเริ่มดีขึ้น ยอดวิวมันเยอะขึ้น งานคอนเสิร์ตก็เริ่มเยอะขึ้น ทีนี้ผมตั้งใจไว้ตั้งแต่ผมบวชครั้งแรกเมื่อตอนอายุ 20 ปี ว่าถ้าผมมีความสุขมากๆ ในชีวิตผมจะบวชอีก แล้วที่ผ่านมาเกือบ 20 ปีมันบวชไม่ได้ เพราะผมไม่มีความสุข 100% ทีนี้พอเพลงมันเริ่มดี งานเริ่มเยอะขึ้น ผมพักงานเลย 1 เดือน บวช”

แสดงว่าตอนบวชนั้นมีความสุขที่สุดแล้ว?

หนุ่ม : “มีความสุขมาก”

เปลี่ยนตัวเองทั้งหมดจนเพลงใหม่ออกมาก็ดังตู้มเลย?

หนุ่ม : “หลังจากกลับมาจากบวชครับ”

พี่หนุ่มได้อะไรมาจากการบวช?

หนุ่ม : “คือผมบวชที่วัดบวร แล้วไปจำวัดที่วัดป่า อุดรฯ การไปจำวัดที่วัดป่ามันต้องนอนคนเดียวในป่า 2000 กว่าไร่ แล้วมันน่ากลัวครับ ทั้งสัตว์ที่เรากลัวมากๆ แมงมุม อะไรอย่างนี้ คือวัดที่ผมไปบวชมันมีเนื้อที่2000 กว่าไร่ มีกุฎิอยู่ 50 กว่ากุฎิ แล้วมันกระจายอยู่มันน่ากลัวมากๆ ถ้าคุณเจอผีหลอกคุณตะโกนยังไงก็ไม่ถึงอีกกุฎินึงแน่ แล้วด้วยความที่มันอยู่ในป่า มีทั้งตุ๊กแก สัตว์ มันกลัวมากๆ จนคืนนั้นความกลัวที่กลัวเหมือนคนจะบ้า มันเลยทำให้ผมคิดได้ว่าเรื่องทั้งหมดที่ผมกลัว มันเป็นเพราะว่าส่วนมากมาจากเรื่องเล่าของคนอื่น คืนนั้นผมก็เลยหลับได้ แล้วหลังจากนั้นผมสึกออกมา ผมไม่ใช่เลิกกลัวทุกๆ เรื่อง แต่ผมจัดการความกลัวของตัวเองได้”

ผู้ชายคนนี้เขาเปลี่ยนทุกอย่าง แล้วเปลี่ยนไปในทางที่ดีด้วย แต่สิ่งเดียวในชีวิตที่เขาไม่เปลี่ยนคือภรรยา?

หนุ่ม : “ก็คบกันตั้งแต่ ม.4 ถ้าตอนนี้จำไม่ผิดก็น่าจะประมาณ 27 – 28 ปี คบกันมา 14 ปีถึงแต่งงาน”

คุณจูนเขามีอะไรมัดใจ?

หนุ่ม : “ผมว่าคงไม่ใช่เรื่องของการมัดใจ ผมว่ามันเป็นเรื่องของผมกับเขาที่มันเป็นคนละขั้ว เขามีนิสัยผู้ชาย ผมมีนิสัยผู้หญิง ผมเป็นคนเก็บบ้าน จุกจิก ส่วนเขาจะแมนๆ แล้วอีกอย่างที่ทำให้อยู่กันยาวคือเราอยู่กันเหมือนเพื่อน คุยทุกอย่างที่เพื่อนสนิทคุยกันได้”

หึงไหมเวลาที่หนุ่มออกคอนเสิร์ต?

หนุ่ม : “ตอนคบกันใหม่ใหม่มีครับ เพราะผมคบกับเขาตั้งแต่ก่อนผมเป็นนักร้องจนเป็นนักร้อง ก็มีครับ แต่คือหลังๆ ไม่มีครับ”

เป็นคู่ที่ไม่ต้องพยายามเลย แต่มีอยู่ 1 เรื่องที่ต้องพยายามมากๆ คือเรื่องการมีลูก?

หนุ่ม : “ครับ แฟนผมมีลูกยากครับ พอหลังจากแต่งงานมาสัก 10 ปี ก็พยายามทำมาตลอด แล้วก็ช่วงสัก 2-3 ปีก่อนมีลูก ผมคิดไว้อยู่แล้วว่ายังไงก็ไม่มี แต่ว่าที่ยังหาเงินให้แฟนทำตลอด ผมรู้สึกว่าถ้าเขาสบายใจแบบนั้น ผมก็ทำให้”

ทำไมพี่หนุ่มถึงคิดว่ายังไงก็ไม่มี?

หนุ่ม : “เพราะมันผ่านมา 7 ปีแล้ว 7 ปีที่เราก็ทำอย่างเข้มข้นมากๆ มาตลอด ทำวิธีวิทยาศาสตร์ด้วย วิธีธรรมชาติด้วย

หมดเงินไปเท่าไหร่?

หนุ่ม : “เยอะครับ”

เห็นบอกว่าชื่อลูกสาวก็มาจากที่เราใช้เงินจำนวนนี้แหละ?

หนุ่ม : “น้องมิลล์ครับ ย่อมาจาก มิลเลี่ยนครับ”

เห็นบอกว่าไม่ใช่ทำกิ๊ฟอย่างเดียว พึ่งไสยศาสตร์ด้วย?

หนุ่ม : “แฟนครับ แฟนไปที่ไหนก็ตามทั้งไทยทั้งเทศ ถ้ามีโอกาสก็จะขอพร หลังจากลูกออกมาเงินหมดไปกับแก้บน”

ก่อนจะมีน้องมิลล์ภรรยาเคยท้องแล้วหลุดถึง 2 ครั้งด้วยกัน?

หนุ่ม : “ก็เสียใจครับ ผมเห็นเลยวันที่หลุด เค้าเป็นเหมือนผู้ชายนะ แต่พอวันที่หลุดผมไม่เคยเห็นมุมนั้นของเขาเหมือนกัน ผมรู้สึกว่าเขาเศร้า เขาหมดอาลัยตายอยาก เขาไม่ดีเลย”

ตอนนั้นเราช่วยภรรยายังไง?

หนุ่ม : “ก็ช่วยปลอบโยน แล้วพูดว่าพร้อมแล้วค่อยทำใหม่ นั่นเป็นสาเหตุหนึ่งที่ผมบอกว่าผมถอดใจไปแล้ว แต่ผมยังหาเงินมาให้เขาทำอยู่เรื่อยๆ เพราะเรารู้สึกว่าเขาตั้งใจ”

ปลอบโยนอย่างเดียวไม่พอเห็นบอกว่าให้รถ?

หนุ่ม : “จริงๆ พอช่วงเขาคลอด คือผมกับแฟนไม่ได้เป็นคนขับรถอยู่แล้ว พอช่วงที่เขาท้องก็เหมือนแบบเสิร์ฟให้เขา คือเหมือนกลัวหลุด เพราะว่าเขาต้องขับรถไปทำงานด้วย”

นอกจากรถแล้วมีเสิร์ฟอะไรบ้าง?

หนุ่ม : “ก็มีคนขับรถ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมทำให้ ก็คือนอกจากรถจริงๆ มีรถเข็นคันนึงให้ ผมกับแฟนเป็นคนชอบเดินห้าง เดินทำไมไม่รู้อ่ะ แต่ว่าเข็นให้ ถ้าอยากไปจริงๆ เดี๋ยวเขียนให้ตลอด”

หนุ่ม กะลา เป็นพ่อแบบไหน?

หนุ่ม : “ลุยๆ ครับ เลี้ยงลุยๆ คือตอนได้ลูกสาวผมเลือกครับ ตอนผสมออกมาแล้ว มีไข่อยู่ 3 ใบ มีผู้หญิง 2 ผู้ชาย1 ผมเจาะจงเลยว่าผมจะเอาผู้หญิง ผมชอบเด็กผู้หญิงมาก แต่พอมีลูกผู้หญิงแล้วผมจะเลี้ยงลุยๆ หน่อย ลูกผมล้มหรืออะไรเนี่ยผมไม่โอ๋ ผมบอกคนในบ้านว่าไม่ต้องสปอยล์มาก เพราะว่าข้างนอกมันโหดร้ายกว่าในบ้านเยอะ อยากให้เขาเข้มแข็งตั้งแต่ข้างในก่อน”

ทีมงานบอกว่าหนุ่มบูชาทุกอย่าง?

หนุ่ม : “ก็เป็นคนมีความเชื่อครับ จริงๆก็นับถือพระพิฆเนศ สายเทพทั้งหมดทุกๆ องค์ แล้วก็มีองค์พญานาค มีเท้าเวสสุวรรณ มีพญาครุฑ อื่นๆ อีกเยอะ หลังๆ ผมชอบไปหาพระสมัยอยุธยาที่เขาขุดได้ เริ่มมีของขลังที่เป็นตะกรุดจากงู จากอะไรอย่างนี้ ชอบ

พี่หนุ่มเคยเจออิทธิฤทธิ์อะไรไหม?

หนุ่ม : “จริงๆ ผมเป็นคนไม่ค่อยขอ คือเหมือนไว้เป็นที่พึ่งเฉยๆ แต่ก็เคยมีบ้าง อย่างเช่น ขอสมเด็จพระเจ้าตาก คือถ้าช่วงไหนที่ผมรู้สึกหนักจริงๆ แล้วเจอคนไม่ค่อยดี ผมจะขอ ถ้าเขาดีไม่จริงฟันให้ผม”

สายมูที่ว่าซื้อบ้านก็ต้องเรียกซินแส?

หนุ่ม : “ถ้าเกิดเข้าไปซื้อบ้านก็โทรหาซินแสก่อนเลย ส่งบ้านเลขที่ไปเลย แล้วพอตกลงจะเอาหลังนี้แล้วก็ให้ซินแสเข้ามาดูทุกอย่างตอนแต่งบ้าน” 

คอนเสิร์ตกะลามีคนตีกันตลอด บางจังหวัดเขาไม่ให้พี่หนุ่มเข้านะ?

หนุ่ม : “คือมันมีอย่างนี้ครับบางจังหวัดเขาห้ามวงร็อกไม่กี่วงสัก 4-5 วง ถ้าจัดงานอะได้ แต่ถ้า 4-5 วงนี้เขาห้าม ที่เขาห้ามไม่ใช่อะไรนะ เพราะวงพวกนี้ไปแล้วคนดูเยอะ แล้วก็ตีกัน” 

หนุ่มเคยเห็นแฟนเพลงโดนแทง?

หนุ่ม : “เคยครับ ตอนเป็นวงกะลา ผมว่า 90% ของการเล่นคอนเสิร์ตเนี่ย คือตีกันระเบิดเลยครับ แต่ถ้าให้ยกสักเหตุการณ์หนึ่ง คือไปเล่นคอนเสิร์ตแล้วก็ร้องเพลงอยู่ หน้าเวทีเลย ใครไม่รู้เดินมาแทง แล้วเหมือนล้มลง แล้วเพื่อนของคนที่โดนแทงเหมือนมาช้อนให้ แล้วช่วยออกไป ก็ตาย” 

เห็นว่าอีกจังหวัดที่นั่งมอเตอร์ไซค์มาแล้วโดนแทง?

หนุ่ม : “ก็คล้ายๆ แบบนี้ครับ ตีๆ กัน พอไปข้างนอกงานแล้วเห็นเด็กผู้ชายขี่มอเตอร์ไซค์ เด็กผู้หญิงนั่งท้าย 2 คน แล้วมีคนเอามีดยาวๆ มาแทง แทงจากเด็กผู้หญิงข้างหลังถึงเด็กผู้หญิงคนกลาง แทงเหมือนลูกชิ้น แล้วร่วงไปพร้อมกัน คือผมมองดูจากบนโรงแรมแล้วเห็น” 

ติดตามชมคำสัมภาษณ์แบบเต็มๆ ได้ในรายการคุยแซ่บ Show ทุกวันจันทร์-วันศุกร์  เวลา13.05-14.05 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ