หนุ่ม กรรชัย เหนื่อยกายแต่ไม่ท้อ แข็งแรงพร้อมรับคำด่า ขอโทษทำให้ทุกคนถูกใจไม่ได้
วันที่ 17 พ.ค. 65 พิธีกรและผู้ประกาศข่าวชื่อดัง หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย มาร่วมงานพร้อมพูดคุย ในงานแถลงข่าว “True Gigatex PRO Life” ที่ True Branding Shop ICONSIAM ในฐานะพรีเซ็นเตอร์ หลังจบงาน เจ้าตัวได้เปิดใจ ถึงเรื่องงานผู้ประกาศของตนเองตอนนี้ก็เหมือนดาบสองคม มีทั้งคนรักและคนไม่ชอบ
โดย หนุ่ม กรรชัย เผยว่า “จริงๆ เราโทษใครไม่ได้ วันนึงที่เราเดินมาอยู่ตรงนี้แล้ว ต้องบอกว่าผมมาอยู่ในจุดที่ตัวเราเองก็ไม่คาดฝันเหมือนกัน ถามว่ารู้ได้อย่างไรว่าเรามาอยู่ในจุดไหน มันมีหลายคนที่พยายามที่จะหวังในตัวเรา อยากให้เราทำแบบนี้ให้เขา ซึ่งผมอยากทำให้กับทุกคนเลยนะ ถ้าวันนี้ผมเป็นผู้วิเศษผมจะดีดนิ้ว สามารถเนรมิตในสิ่งที่หลายคนต้องการได้ แต่ในความเป็นจริงผมไม่สามารถทำแบบนั้นได้ให้กับทุกคน การบาลานซ์ในการทำงานค่อนข้างสูง เพราะว่าปัจจุบันมันจะมีสองมุมมองเสมอ มีซ้ายมีขวาเพราะฉะนั้นวันหนึ่งผมต้องมาอยู่ตรงกลาง แน่นอนว่าคนที่คาดหวังกับผมเขาก็อยากให้ผมมาอยู่ทางซ้ายให้มากหน่อย และก็จัดการทางขวา อีกข้างหนึ่งก็อยากให้ผมอยู่ทางขวาให้มากหน่อย และจัดการกับทางซ้าย เมื่อเราอยู่ตรงกลางคุณก็จะถูกมองว่าคุณเอียงไปทางนั้นทางนี้ มันก็กลายเป็นอีกประเด็นและเป็นเหมือนแรงสะท้อนกลับ มันคือความคาดหวัง ของคนที่มีต่อผม
ผมไม่เคยมองในมุมลบ ผมจะมองในแง่บวกเสมอว่า ผมเข้าใจพวกเขา เขาคาดหวังกับเรา เราเองอาจจะผิดที่ทำให้เขาไม่ได้ ทุกคนอยากเป็นที่รักผมก็อยากที่จะเป็นที่รักของทุกคน แต่ไม่มีใครสามารถรักเราได้ทั้งหมด มีคน 100 คนรักเราห้าคน เกลียดเราห้าคน ผมก็แฮปปี้แล้ว แค่บาลานซ์มันก็พออย่าให้แบบว่ามี 100 คนเกลียดเราทั้ง 100 คน แบบนั้นก็คงจะรับไม่ได้
อยากจะบอกว่าผมเองเข้าใจทุกคนว่าผมมาอยู่ในจุดที่ทุกคนคาดหวังกับผม ผมก็ต้องกราบขออภัยทุกคนด้วยบางอย่างผมก็พยายามสุดความสามารถของผม ถ้าอันไหนที่ทำให้ไม่ถูกใจผมขอโทษด้วยจริงๆ”
ล่าสุดก็มีข่าวว่าเราท้อ? “มันไม่ได้ท้อหรอกเพราะเราเลือกที่จะมาอยู่ตรงนี้แล้ว แต่ถามว่าเหนื่อยไหมมันเหนื่อยแต่ไม่ท้อ ไม่ได้เหนื่อยกับการที่ถูกคนโน้นคนนี้ว่า ผมว่าผมแข็งแรงพอกับการต้อนรับการด่าของคน ผมไม่ใช่คนน้ำเต็มแก้วที่เวลาใครว่าอะไรมันจะระเบิด ผมเป็นเหมือนฟองน้ำ เวลาน้ำมาผมสามารถที่จะซับน้ำเข้าไปได้ ผมเข้าใจความรู้สึกของทุกๆคน
ถามว่าผมเหนื่อยอะไร ผมเหนื่อยทางร่างกายมากกว่า ทุกวันนี้บางวันผมนอนเที่ยงคืนหรือไม่ก็ตีหนึ่ง ตื่นมาตีห้าครึ่งเตรียมเรื่องข่าว มันเหนื่อยตรงนี้มากกว่า แล้วพอเรารู้สึกว่าเราไม่สามารถทำตามความคาดหวังของหลายๆ คนได้ในบางเรื่อง เราก็รู้สึกว่ามันยิ่งเหนื่อยมากขึ้นไปอีกเราพยายามแล้ว มันก็มีบ้าง”
มีเคยคิดที่อยากจะเลิกทำไหม? “ผมอยากทำงานไปเรื่อยๆ อย่างโหนกระแส ผมก็อยากทำไปเรื่อยๆ ณ วันนี้ถามว่าเหนื่อยไหมมันก็เหนื่อย แต่ก็ยังต้องทำต่อไปอยู่ แต่งานเลี้ยงมันก็ต้องมีวันเลิกลาในวันหนึ่ง แต่ไม่ใช่ในวันนี้เพียงแต่ในบางครั้งเท่านั้นเองที่เรารู้สึกว่า โอ๊ย ทำไมมันเหนื่อยอย่างนี้เท่านั้นเอง เราอยู่ตรงไหนทำไมมันเป็นแบบนี้ เมื่อก่อนชีวิตเราไม่ได้เป็นแบบนี้นี่หว่า”
รู้สึกว่าเราสูญเสียความเป็นตัวตนไปไหมพอเจอประเด็นดราม่าต่างๆ? “ไม่ได้เสียความเป็นตัวตนเพียงแต่ว่า เราแค่พยายามหาวิธีการปรับจูนมากกว่า เราก็จะหยิบสิ่งที่อะไรหลายคนพูดถึงเราว่า ทำไมเราไม่ทำแบบนี้ทำไมเราไม่เป็นแบบนี้ เราก็จะหยิบตรงนี้มาเป็นกระจกเพื่อให้เราแก้ไขตัวเองต่อไป ในครั้งหน้าครั้งต่อไปเราก็จะไม่ให้เป็นอย่างนี้อีก”
ทำดีมา 100 งาน แต่พลาดแค่ครั้งเดียวก็โดนคนตำหนิกับคำนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง? “มันเป็นธรรมดา ผมต้องขออภัย พระพุทธเจ้าก็ยังมีคนตำหนิ ทุกคนในโลกนี้ไม่มีใครที่จะดีได้ 100% มันก็อาจจะมีพลาดบ้าง เผลอบ้าง เพียงแต่ว่าเราต้องกลับมาให้เร็วที่สุดเท่านั้นเอง”
เราบาลานซ์ชีวิตอย่างไรเพราะปัญหาสุขภาพของเราก่อนหน้านี้ก็มี? “ปัญหาเรื่องสุขภาพเราก็มีครับ ตอนนี้พยายามดูแลตัวเองไปหาคุณหมอ การออกกำลังกายทุกวันนี้ก็ไม่มีเลย เพราะทำงานตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ และกลับมาทำงานต่อ เช้าก็ตื่นขึ้นมาทำงานชีวิตเราวนอยู่แบบนี้ อาทิตย์ละ 5-6 วัน จะมีแค่วันอาทิตย์เท่านั้นที่ได้พัก ถามว่าพยายามพักผ่อนให้มากขึ้นไหมมันไม่มีเวลา ในการพักเลย”
บาลานซ์ชีวิตยังไงทั้งๆ ที่ต้องเจอแบบนี้ทุกวัน? “บาลานซ์ชีวิตไม่ได้ มันกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของเราไปแล้ว มันไม่สามารถบาลานซ์ตัวเองได้เลย 05.30-06.00 น. เราตื่น เราทำข่าว ไปอ่านข่าวเที่ยง ตอนเช้าอาจจะมีประชุมบ้าง มีการพูดคุยกับแขกรับเชิญบ้าง เตรียมข้อมูล อ่านข่าว อ่านข่าวเที่ยงเสร็จต่อด้วยโหนกระแส เสร็จก็อัดงานลูกค้าก็ประชุมต่อ แล้วก็ไปถ่ายข่าวใส่ไข่ กว่าจะเสร็จก็ค่ำ แล้วก็ต้องหาแขกรับเชิญวันพรุ่งนี้อีก ชีวิตมันจะเป็นอยู่แบบนี้ กว่าจะได้นอนก็ดึกมาก มันเป็นอย่างนี้จริงๆทุกวัน มันจะเหลือ เสาร์-อาทิตย์ บางศุกร์ดีใจจังเลย พรุ่งนี้ได้หยุดแล้ว”
เวลาส่วนตัวแบ่งยังไง? “มันแบ่งไม่ได้ ทุกคนมีหน้าที่ มายูก็มีหน้าที่เรียน แม่เขาก็เป็นคนดูแล ไปรับ ไปส่ง ตัวผมก็มีหน้าที่ทำงานหาเงิน แล้วก็พยายามช่วยเหลือสังคม ทุกคนต้องจัดการหน้าที่ของตัวเองให้ได้”
ถามเรื่องที่โพสต์ยาวๆ? “ที่โพสต์ไม่ได้มีอะไรเลย แค่พูดลอยๆ ว่าสังคมตอนนี้ มันค่อนข้างมีเรื่องราวแปลกๆ เกิดขึ้นเยอะแยะ การที่เราลงบทความนี้เพราะเราชอบบทความที่คุณทรนง ศรีเชื้อ ลงไว้เมื่อปี62 เราก๊อปปี้เอาไว้ตั้งแต่ปีนั้นเลย แต่ไม่เคยได้ใช้ เป็นคำพูดที่เราชื่นชอบตั้งแต่วันนั้น เวลาที่เราเปิดผ่านเราก็จะเห็นในสิ่งที่เราก๊อปปี้เอาไว้ จนวันนึงเรามีโอกาสได้ลงเพราะเรารู้สึกว่า ในบางเรื่องมันตรงกับสถานการณ์ทุกวันนี้จริงๆ ถ้าคุณไปโอนอ่อนกับสิ่งที่ไม่ดี กับคนเลวคุณเองก็อาจจะเป็นเหมือนเขาก็ได้ หรือแม้กระทั่งที่ว่าคุณต้องไม่ยอมก้มหัวให้กับคนที่ไม่ดี คนที่เลว มันเหมือนเป็นการเตือนตัวเองด้วย”
ไม่ได้มีนัยยะถึงแหล่งข่าวคนไหน? “ไม่หมายถึงแหล่งข่าว ผมว่ามันก็อาจจะมีคนที่เป็นแบบนั้นอยู่ แล้วก็ได้มองตัวเองกับคำพูดของผม บางคนอาจจะอุ๊ย!กูรึเปล่า ก็พูดลอยๆ ไม่ได้หมายถึงอยากให้ใครดิ้น เราทำข่าวเราจะเห็นว่าคนนั้นเป็นยังไง คนนี้เป็นยังไง เราจะรู้ไง เราก็แค่พูดลอยๆ ถ้าเขาหยิบไปใช้ มันก็ดีกับชีวิตเขาเท่านั้นเอง”
คนให้กำลังใจเราเยอะ? “ขอบคุณมากๆ ขอบคุณจริงๆ ก็อย่างที่บอก ผมเชื่อว่าทุกคนอยากเป็นที่รักของทุกคน แต่มันไม่สามารถจะเลือกได้อยู่แล้ว มันมีคนรักก็ต้องมีคนเกลียด มีคนชอบก็ต้องมีคนไม่ชอบ เขาก็มีมุมมองของเขา แล้วเขาก็ไม่ได้ผิดด้วยที่เขาจะแสดงความคิดเห็น ผมไม่เคยฟ้องใครที่มาว่าผม ถามว่าเพราะอะไร ในเมื่อวันนึงเรามาอยู่ตรงพื้นที่นี้แล้ว เราต้องใช้อินเตอร์เน็ต โซเชียลต่างๆในชีวิตการทำงาน มันเหมือนเราก้าวขาและกระโดดไปตรงนั้นแล้ว ฉะนั้นมันต้องมีบ้างที่คนจะไม่เห็นด้วยกับเรา เขาก็ไม่ได้ผิดอะไร เขาก็แสดงความคิดเห็นไป เราก็รับมันไว้แล้วก็ไปแก้ไข ผมเชื่ออย่างนึงว่าคนไทยเป็นคนน่ารัก อะไรก็ตามแต่ เราผิดเราก็ขอโทษ แล้วเราก็จะแก้ไขตัวเอง ผมว่าเขาให้อภัย ดีกว่าคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองผิดอะไร แล้วก็ยังเถียงแบบข้างๆ คูๆ อันนั้นคนไทยจะไม่ให้โอกาสคุณอีกเลย”