นางเอ (นามสมมติ) อายุ 44 ปี ภรรยาหญิงไทยของชายชาวไอซ์แลนด์ พร้อมลูกชายคนโต ขี่รถจักรยานยนต์มาจากพัทยา จ.ชลบุรี มาที่ มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรม กับ ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ หลังลูกชายคนกลางอายุ 17 ปี หายออกไปจากบ้านนานกว่า 14 วันแล้ว ติดต่อไม่ได้ เป็นห่วงมากกลัวว่าจะเป็นอันตราย
ทั้งนี้นางเอ กล่าวว่า สามีของตนมีปัญหาสายตา จึงไหว้วาน “นาย จ.” ลูกชายคนกลางอายุ 17 ปี ช่วยดูแลเรื่องเงินเกษียณ ที่โอนเข้ามาจากต่างประเทศ ซึ่ง ลูกชายคบหาอยู่กับ แฟนสาว อายุ 16 ปี ต่อมาลูกบอกว่า เงินเกษียณของพ่อจากต่างประเทศไม่เข้าบัญชี
จากการตรวจสอบภายหลังพบว่า เงินในบัญชีจำนวน 891,000 กว่าบาทหายไปจากบัญชีของพ่อ ตั้งแต่เดือน มิ.ย. 66 จนมาทราบเรื่องวันที่ 27 เม.ย. 67 หลังจากทราบเรื่องตนก็ไปแจ้งความว่า ลูกชายกระทำการลักทรัพย์ โดยที่ไม่ได้รับอนุญาต ด้วยการนำบัตรเอทีเอ็มของพ่อไปกดเงิน หลังจากนั้นลูกชายก็หายไป และทราบว่าได้เลิกกับแฟนสาว อายุ 16 ปีแล้ว
ลูกชายกลับมาที่บ้าน 1 ครั้ง เพื่อมาเอาเอกสารบางอย่างที่บ้านไป ซึ่งตนไม่ทราบว่าคืออะไร แต่เขามากับแม่ของอดีตแฟนสาว อายุ 33 ปี ตั้งแต่วันนั้นเขาก็หายไป แม่จึงไปแจ้งความว่าลูกชายหายตัวจากบ้าน และแจ้งความแม่ของแฟนลูกชาย ในข้อหาพรากผู้เยาว์ แต่ตำรวจไม่รับแจ้งความ จึงทำได้เพียงแค่บันทึกประจำวัน
ตอนนี้ลูกชายหายตัวไป 17 วัน และหายไปหลังจากเลิกกับแฟน เขาไปคบกับแม่ของแฟนแทน เพราะแม่ของแฟนช่วยปลอบใจ จนถึงขั้นเปิดโรงแรมอยู่ด้วยกัน จนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง
พร้อมกันนี้ตนมีหลักฐานการโอนเงินระหว่างลูกชายไปให้ครอบครัวของแฟน โดยพ่อของแฟนมาขอยืมเงินกับ นาย จ. แล้วไม่ยอมคืนเงิน
ตอนนี้ทางครอบครัว ขอแค่ให้ นาย จ. กลับมาบ้าน เพราะพ่อชาวไอซ์แลนด์ เขาก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ พี่ชายก็ออกตามหาแทบทุกวัน แม่ก็นอนหลับๆ ตื่นๆ พยายามขี่รถวนหาตัวลูก ขอให้ลูกตระหนักว่าครอบครัวก็คือครอบครัว อย่าไปคิดถึงปัญหาคนอื่น ขอให้ดูปัญหาบ้านเรา ถ้าลูกได้ยินให้ฟังก็หันกลับนะ พ่อเขายินดีให้อภัย ส่วนตัวตนก็ไม่โกรธ ขอให้ลูกกลับมา
ด้าน ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า แม่นาย จ. ไปแจ้งความหญิงวัย 33 ปี ไว้ที่ สภ. หนองปรือ ในข้อหาพรากผู้เยาว์ นำไปเพื่ออนาจาร ส่วนเงินที่ได้ไป น้องยังอายุไม่ถึง 20 ปีบริบูรณ์ จะไปใครยืมเงิน พ่อแม่สามารถเพิกถอนนิติกรรมได้เงิน ก็ต้องคืน ส่วนข้อหาที่เราเป็นห่วงคือการใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของคนอื่น โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นความผิดทางอาญา แม้ตัวลูกจะเป็นคนไปกด แต่พ่อไม่ได้อนุญาต ดังนั้นพ่อมีสิทธิ์แจ้งความได้คนที่รับเอาทรัพย์สินจากน้องกระทำความผิดเอาไปต่ออีกทอดหนึ่ง ก็ถือว่ารับของโจร เพราะฉะนั้นถ้าครอบครัวอีกฝั่งดูอยู่ แม่เขาาต้องการให้ลูกกลับมาอยู่บ้าน ตามกฏหมาย ครอบครัวผู้ปกครองสามารถใช้อำนาจทางกฎหมายกำหนดถิ่นที่อยู่อาศัยของลูกตนเองได้ สามารถลงโทษลูกตัวเองได้ตามสมควร เพราะฉะนั้นวันนี้เขาต้องการให้ลูกกลับมา คนอื่นจะเอาไปไม่ได้ เพราะยังเป็นเยาวชนอยู่
ส่วนเรื่องการฟ้องชู้นั้น ต้องดูรายละเอียดด้วยว่าสามีภรรยาจดทะเบียนสมรสกันหรือไม่ ถ้าจดทะเบียนสมรสการฝ่ายชายรู้เห็นหรือไม่ว่าเด็กผู้ชาย ซึ่งเป็นเยาวชนมีสัมพันธ์กับภรรยาคุณ ก็ต้องพิสูจน์ในกระบวนการทางกฎหมายว่าคุณไม่รู้ไม่เห็น