หนุ่มอายุแค่ 18 เกือบพิการ เม็ดแข็งผุดเต็มขา หมอชี้เพราะ "เครื่องดื่ม" ที่หลายคนชอบ

Home » หนุ่มอายุแค่ 18 เกือบพิการ เม็ดแข็งผุดเต็มขา หมอชี้เพราะ "เครื่องดื่ม" ที่หลายคนชอบ
หนุ่มอายุแค่ 18 เกือบพิการ เม็ดแข็งผุดเต็มขา หมอชี้เพราะ "เครื่องดื่ม" ที่หลายคนชอบ

เกือบต้องตัดขาทิ้ง หนุ่มอายุแค่ 18 เม็ดแข็งๆ ผุดเต็มขา หมอพบสาเหตุดื่ม “สิ่งนี้” แทนน้ำเปล่า

ตามรายงานพบว่า “นายจาง” ปีนี้อายุ 18 ปี กำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนมัธยมเฉพาะทางที่มีชื่อเสียงในเมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน เขาเล่าว่าขาขวามีก้อนกลมๆ ที่แข็งราวกับก้อนหินมาเป็นเวลานาน ในตอนแรกก้อนเนื้อมีขนาดเล็กมากและไม่อึดอัดจนเกินไป เขาจึงปิดบังมันไว้จากสายตาของพ่อแม่ อีกทั้งยังกินยาที่แพทย์สั่งไม่ตรงเวลาด้วย

โดยเมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว เขาตรวจพบว่าร่างกายมีกรดยูริกสูง แพทย์สั่งยาและแนะนำให้เขาเปลี่ยนวิถีชีวิต แต่เนื่องจากเขายังเด็ก ขาดความตระหนักรู้ และยุ่งกับการเรียนมากเกินไป สุดท้ายจึงไม่ปฏิบัติตาม ส่งผลให้โรคเกาต์จะค่อยๆ ก่อตัวขึ้น กระทั่งเมื่อเร็วๆ นี้ ก้อนเนื้อแข็งที่ข้อเท้าขวามีขนาดใหญ่มากจนเขาไม่สามารถสวมรองเท้าได้ และเดินลำบาก แม้ว่าเขาจะพยายามหันมากินยาอย่างขยันขันแข็งมากขึ้น แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น ครอบครัวจึงต้องพาไปที่แผนกจุลศัลยศาสตร์มือและเท้าของโรงพยาบาล เพื่อทำการผ่าตัด

ดร.หลี่ ชูเหยียน กล่าวว่า “เมื่อเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ปริมาณกรดยูริกในเลือดของผู้ป่วยจะสูงถึงมากกว่า 700 ไมโครโมล/ลิตร ในขณะที่ดัชนีกรดยูริกในเลือดปกติคือ 420 ไมโครโมล/ลิตร ซึ่งหมายถึ เกินมาตรฐานเกือบสองเท่า นอกจากนี้เรายังรู้สึกประหลาดใจมากด้วยเพราะตั้งแต่อายุยังน้อย อนุภาคของโทฟีที่เกิดจากโรคเกาต์ที่ขาของผู้ป่วยได้ขยายใหญ่ขึ้นจนมีขนาดใหญ่มาก

เม็ดที่ใหญ่ที่สุดนั้นใหญ่พอๆ กับไข่ไก่ หลายเมล็ดก็ใหญ่เท่านิ้วหัวแม่มือด้วย ผู้ป่วยมักมีอาการปวดเฉียบพลัน ขณะเดียวกันข้อต่อก็ผิดรูปและอักเสบจนแทบจะเดินไม่ได้ เราทำการผ่าตัดในวันรุ่งขึ้น ตามความต้องการของผู้ป่วยและครอบครัว เพื่อให้ผู้ป่วยได้กลับไปโรงเรียนเร็วๆ นี้”

สิ่งที่น่าแปลกใจกว่านั้นก็คือ นายจางก็รู้สาเหตุของการเจ็บป่วย แต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ และไม่คิดว่าการดื่ม “น้ำอัดลม” จะอันตรายขนาดนี้ เขาชอบดื่มมันมาตั้งแต่เด็กๆ ช่วงประมาณชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เขาเริ่มดื่มน้ำอัดลมจำนวนมากจนเรียกได้ว่าดื่มแทนน้ำเปล่าเลยทีเดียว เมื่อรวมกับการเตรียมสอบอันเคร่งเครียดและนอนดึกเพื่อทบทวนบทเรียน ทำให้เขายิ่งไม่สามารถละมือจากขวดน้ำอัดลมได้ และยังดื่มเครื่องดื่มชูกำลังเพิ่มเข้าไปอีกด้วย แม้ว่าเขาจะรู้ว่าร่างกายตนเองมีกรดยูริกสูง แต่ก็ไม่สามารถเลิกดื่มได้เพราะจะไม่มีสมาธิกับการเรียน

ดร.หลี่ ชูเหยียน อธิบายเพิ่มเติมว่าโรคเกาต์ของคนไข้รายนี้ดำเนินไปอย่างรวดเร็วด้วยเหตุผลหลายประการ มีสองสาเหตุหลัก ได้แก่ กินยาไม่ตรงเวลา หรือเลิกยาโดยพลการ และไม่สามารถเลิกดื่มน้ำอัดลมได้ นอกจากนี้ พ่อแม่ยังให้เขาทานอาหารมากเกินไป ส่งผลให้น้ำหนักเกินและมีพิวรีนมากเกินไป แถมการนอนดึกเป็นเวลานานและขาดการออกกำลังกาย ยิ่งทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง

เกือบ 2 สัปดาห์หลังการผ่าตัด รวมกับการรักษาด้วยยาและการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต สุขภาพของนายจางก็ดีขึ้นมาก และได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ค่าดัชนีกรดยูริกในเลือดก็ลดลงเหลือ 509μmol/L ช่วยลดอาการปวดและเดินได้ตามปกติ อย่างไรก็ตามเขายังต้องรักษาตัวแบบผู้ป่วยนอกต่อไป

นายจาง กล่าวว่า “ในขณะที่คนอื่นๆ ยุ่งอยู่กับการเตรียมสอบเข้าวิทยาลัย ผมอยู่ในโรงพยาบาลหลายวันเพียงเพราะนิสัยการกินที่ไม่ดี ผมไม่กล้าดื่มน้ำอัดลมอีกต่อไป จะขยันดื่มน้ำกรองและเปลี่ยนวิถีชีวิต” นอกจากนี้เขายังหวังว่ากรณีของเขาจะเป็นบทเรียนสำหรับทุกคน โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวที่กินและดื่มตามอำเภอใจ ควรหันมาคำนึงถึงสุขภาพของตนเองมากขึ้น

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ