ชายชาวอังกฤษทำงานในบริษัทจีน 2 ปี หน้าตาดูโทรมลงอย่างเห็นได้ชัด ทนไม่ไหวกับวัฒนธรรมนี้ จนยอมสละเงินเดือนสูง ๆ
เว็บไซต์ HK01 รายงานเรื่องราวของ แจ็ค ชายชาวอังกฤษ วัย 28 ปี เข้าทำงานในบริษัทอินเทอร์เน็ตชื่อดังในจีนเมื่อปี 2565 ระหว่างนั้นเขาได้แชร์ประสบการณ์ส่วนตัวบนโซเชียลมีเดีย จนได้รับความสนใจจากชาวเน็ตจีน และมีผู้ติดตาม 12,000 คนบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของจีน
ล่าสุด เขาได้ลาออกจากงานแล้ว เนื่องจากไม่สามารถยอมรับ “วัฒนธรรมการทำงานล่วงเวลา” ได้
ตามรายงานจากสื่อจีน แจ็ค วัย 28 ปี มาจากยอร์กเชียร์ สหราชอาณาจักร สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ เขาเคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง เป็นเวลา 1 ปี ภรรยาของเขาเป็นชาวฮาร์บิน มณฑลเฮยหลงเจียง ทั้งคู่พบรักกันขณะที่เธอไปศึกษาต่อในอังกฤษ และตัดสินใจย้ายมาปักหลักที่จีนด้วยกัน
แจ็คทำงานในแผนกเกมของบริษัทอินเทอร์เน็ตชื่อดังในจีนระหว่างปี 2565-2567 รับผิดชอบการแปลภาษา แต่ตอนนี้เขาได้ลาออกแล้ว เขาเผยว่าหลังจากนี้จะย้ายไปอยู่ที่บ้านเกิดของภรรยาที่ฮาร์บิน
ชาวเน็ตจีนได้เปรียบเทียบเรื่องราวของแจ็คว่าเป็นการผจญภัยของชายขาวอังกฤษในบริษัทใหญ่ของจีน โพสต์ของเขาในช่วงแรก ๆ ดูมีความหวังและเต็มไปด้วยความสำเร็จ แม้จะเหนื่อยล้า แต่ก็มีความรู้สึกที่ดีต่อผลงานของตัวเอง
ต่อมาเขาดูเปลี่ยนไป มีอาการเหนื่อยล้าทั้งผมยุ่งเหยิงและดวงตาที่เหนื่อยล้า เขาถึงกับโพสต์ว่า “เหนื่อยมาก” กระทั่งล่าสุดเขาลาออกจากงานแล้ว กลับมามีความเป็นอิสระ เขายิ้มให้กับกล้องขณะถือถ้วยกาแฟ
แจ็ค กล่าวว่า ตอนเริ่มงานเขารู้สึกดีใจมาก แม้จะเหนื่อย แต่ก็รู้สึกถึงความสำเร็จ แต่เมื่อโปรเจกต์และตำแหน่งเปลี่ยนไป การทำงานล่วงเวลาก็เพิ่มขึ้น เขารู้สึกเหนื่อยมากจนหน้าตาเริ่มเปลี่ยนไป มีครั้งหนึ่งเขาแชร์ภาพของตัวเองที่เหนื่อย หลังเล่นเทนนิสบนโซเชียล ซึ่งได้รับการกดไลค์มากกว่า 6,000 ครั้ง ชาวเน็ตจีนแสดงความคิดเห็นว่าเขามีหน้าตาเหมือนคนจีนที่ทำงานหนัก
ในการสัมภาษณ์ แจ็ค ได้แบ่งปันประสบการณ์การทำงานของเขาในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เขามองว่าบริษัทอินเทอร์เน็ตชื่อดังในจีนแตกต่างจากบริษัทอินเทอร์เน็ตในอังกฤษอย่างมาก นอกจากเงินเดือนและสวัสดิการที่ดี สิ่งที่เขาจดจำได้มากที่สุดคือการทำงานล่วงเวลา, ภาษาพูดเฉพาะของบริษัท, ระบบรายงาน และความเครียดที่สูง
เขาเข้าใจถึงการแข่งขันภายในของจีนและรู้ว่าเขามีความโชคดี แต่เขาไม่ต้องการให้สิ่งเหล่านี้เปลี่ยนแปลงเขา เขากล่าวว่า “ผมไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับการทำงานล่วงเวลาได้ ผมรู้สึกว่าสิ่งนี้ (การทำงานล่วงเวลา) ไม่ควรต้องปรับตัว”