หนุ่มหอบกระเช้าขอโทษ รพ. หลังเมาถ่มน้ำลาย ใส่บุรุษพยาบาล ระหว่างนั้นแม่ของผู้ก่อเหตุร่ำไห้ออกมา นาทีที่ลูกยอมรับผิด
จากกรณี จนท.ห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลประจำอำเภอวารินชำราบ จ.อุบลราชธานี โร่แจ้งความถูกญาติคนป่วยเมากร่าง ก่อความวุ่นวาย ก่อนถ่มน้ำลายใส่ เหตุขัดขวางไม่ให้นำตัวกลับบ้าน หลังแพทย์ให้นอนสังเกตอาการจากอุบัติเหตุ เหตุเกิดเมื่อค่ำวันที่ 15 พ.ค. การจับกุมชุดสืบสวนใช้เวลา 1 คืน 2 วัน เฝ้าหน้าบ้านจึงจับตัวผู้ก่อเหตุได้ ตามที่ข่าวนำเสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 19 พ.ค. 65 พ.ต.อ.ยุทธนา พฤกษารุ่งเรือง ผกก.สภ.วารินชำราบ พร้อมชุดสืบสวนนำตัว นายธัสพงศ์ ภยางกูร อายุ 42 ปี ผู้ก่อเหตุถ่มน้ำลายใส่บุรุษพยาบาล พร้อมมารดานำกระเช้าดอกไม้ไปขอโทษ ผู้บริหารโรงพยาบาลและบุรุษพยาบาลคู่กรณี ซึ่งฝ่ายโรงพยาบาลระบุว่า ไม่ได้ติดใจ เพราะโชคดีที่ผู้ก่อเหตุไม่ได้กระทำอะไรที่รุนแรงมากนัก แต่ก็ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งระหว่างที่เข้าขอโทษ ทางแม่ของผู้ก่อเหตุถึงกับร้องไห้ออกมา
ด้าน พ.ต.อ.ยุทธนา ได้แจ้งให้ทางผู้บริหารโรงพยาบาลและบุรุษพยาบาลคู่กรณีทราบว่า พนักงานสอบสวนจะส่งฟ้อง นายธัสพงศ์ ตามที่ได้แจ้งข้อหาไว้ 4 ข้อหาคือ เมาสุราประพฤติตนวุ่นวายในที่สาธารณะ ทำร้ายร่างกายและจิตใจ ด้วยการถ่มน้ำลายใส่เจ้าหน้าที่ ดูหมิ่นผู้อื่นซึ่งหน้า และความผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ที่เปิดหน้ากากและถ่มน้ำลาย ต่อศาลจังหวัดในวันศุกร์ที่ 20 พ.ค. ส่วนศาลจะพิจาณาอย่างไร ก็เป็นดุลยพินิจของศาลต่อไป
ส่วน พ.ต.ท.บวรศักดิ์ คำรังษี รองผู้กำกับการสืบสวน สภ.วารินชำราบ เปิดเผยว่า นำกำลังเฝ้าอยู่หน้าหอพักที่เป็นบ้านของผู้ต้องหาอยู่นาน 1 คืนกับ 2 วัน จากการสืบสวนจากภาพกล้องวงจรปิด ทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็น นายธัสพงศ์ แน่นอน เมื่อติดตามไปที่บ้านก็ไม่ได้รับความร่วมมือจากญาติที่จะนำมาพบเจ้าหน้าที่ รวมทั้งรู้ว่ายังหลบซ่อนอยู่ภายในบ้านที่เป็นหอพักที่มีห้องพักเกือบ 20 ห้อง และดูความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ที่เฝ้าอยู่หน้าบ้าน ผ่านกล้องวงจรปิดที่ติดไว้
จนเวลาผ่านไป 1 คืนกับ 2 วัน ตนไปเห็นป้ายที่ นายธัสพงศ์ เขียนติดไว้ที่ประตูรั้วหน้าบ้านที่เป็นกระจก ให้โทรศัพท์แจ้งถ้ามาส่งพัสดุสิ่งของ จึงให้ลูกน้องชุดสายสืบไปแต่งตัวใหม่ และหาเสื้อขนส่ง ปลอมตัวเป็นคนส่งของแล้วโทรศัพท์แจ้งให้ออกมารับของที่หน้าหอพัก จนหลงกลเปิดประตูรับ เมื่อเห็นเป็นเจ้าหน้าที่ก็เลยยอมรับสารภาพเป็นผู้ก่อเหตุ และยอมให้จับตัวดำเนินคดีในที่สุด
