หนุ่มโร่แจ้งตำรวจ ถูกกล่าวหาทำคุณไสยใส่ลุงและหลาน จนถูกเกลียดชัง แถมเมียจะขอเลิก ตำรวจไปช่วยเคลียร์ยังหวิดบานปลาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (2 ก.ค.) นายประดิษฐ์ อายุ 42 ปี ชาว จ.เพชรบูรณ์ แต่มาอยู่กินกับภรรยาที่ บ.หนองชัยเสา ต.ลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ได้เดินทางไปแจ้งลงบันทึกประจำวันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลำดวน เพราะเกรงจะไม่ปลอดภัย หลังจากถูกญาติทางฝั่งภรรยากล่าวหาว่าทำคุณไสยใส่ลุง คือ พี่ชายของภรรยา จนทำให้เสียชีวิตเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทั้งที่ลุงเป็นผู้ป่วยติดเตียงอยู่แล้ว
นอกจากนี้ ยังกล่าวหาว่าตนเองหลอกเอาเงินจากญาติของภรรยาไปแอบโอนให้แม่ที่ จ.เพชรบูรณ์ 70,000 บาท ทั้งแอบเอาไปซื้อรถยนต์ จนทำให้ภรรยาตัวเองเข้าใจผิดถึงขั้นจะขอเลิก
ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 ก.ค. ยังได้กล่าวหาว่าตนเองทำคุณไสยใส่ น.ส.สิน ซึ่งเป็นหลานสาวของภรรยา จนมีการพาหมอทรงมาทำพิธีปัดเป่าขับไล่ ซึ่งขณะทำพิธี น.ส.สิน ที่เชื่อว่าถูกทำคุณไสยใส่ได้เอ่ยชื่อพาดพิงตนเองว่าเป็นคนทำของใส่ ซึ่งมีคนถ่ายคลิปขณะทำพิธีไว้ก็มีการพูดพาดพิงถึงชื่อตนเองด้วย
จากกรณีที่เกิดขึ้นก็ทำให้ญาติทางฝั่งภรรยา เข้าใจตัวเองผิดเกิดความเกลียดชังและมาต่อว่าให้เสียหาย ทั้งเกรงจะไม่ปลอดภัย จึงได้มาแจ้งลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน
นายประดิษฐ์ ยืนยันว่า ตนเองไม่เคยเล่นของหรือเรียนวิชาอาคมเกี่ยวกับไสยศาสตร์เลย ส่วนสาเหตุที่ถูกกล่าวหาคาดว่าน่าจะมาจากที่เวลาตนเองดื่มเหล้าเมามากๆ แล้วจะชอบโวยวายควบคุมตัวเองไม่ได้ บางครั้งก็จะร้องคำรามเหมือนเสือแล้วก็จะตบหน้าคนที่อยู่ใกล้
แต่พอสร่างเมาแล้วมารู้ทีหลังก็รู้สึกผิดและอับอาย จึงไปบอกคนอื่นว่าที่เป็นแบบนั้นเพราะของขึ้น ทำให้ญาติภรรยาและชาวบ้านพากันเชื่อ แต่ยืนยันว่าไม่เคยเล่นของหรือวิชาอาคมอะไร ทุกวันนี้มีเพียงพระเครื่องที่ใช้แขวนคอป้องกันตนเองเท่านั้น
แต่พอญาติพี่น้องภรรยาเข้าใจผิดแล้วถูกกล่าวหาแบบนี้ก็ทำให้เดือดร้อน ถึงขั้นภรรยาเกือบจะขอเลิก ส่วนที่ถูกกล่าวหาว่าหลอกเอาเงินญาติพี่น้องก็ไม่เป็นความจริงมีหลักฐานตรวจสอบได้ ส่วนที่ไปแจ้งความไว้เนื่องจากกลัวจะไม่ปลอดภัย
ด้าน น.ส.สิน อายุ 32 ปี หลานที่เชื่อว่าถูกทำคุณไสยใส่ บอกว่า ก่อนหน้านี้ 3-4 วันที่ผ่านมา มีอาการร้อนวูบวาบที่เท้าเหมือนมีอะไรไต่เข้าไปแล้วเริ่มมีอาการสั่นๆ ซึ่งไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ญาติบอกว่าน่าจะถูกทำคุณไสยใส่
พ่อจึงให้ญาติที่ จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นหมอพื้นบ้านและหมอทรงมาทำพิธีปัดเป่าขับไล่เอาคุณไสยออกจากตัว ซึ่งตอนที่หมอทำพิธีตนก็จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นและพูดอะไรไปบ้าง ที่ผ่านมาไม่เคยถูกทำของใส่เลยนี่เป็นครั้งแรก ส่วนตัวก็เชื่อว่าโดนทำของใส่ แต่จะเป็นของๆ ใครตนก็ไม่รู้
แต่ตอนที่ทำพิธีแล้วเอ่ยชื่ออาเขยออกไปนั้น ก็ไม่รู้ตัวเองไม่มีเจตนาจะกล่าวหาใคร เพราะส่วนตัวก็ไม่เคยมีปัญหากับอาเขยอยู่แล้ว ก็ยังพูดคุยกันปกติ แต่ยอมรับว่ากลัวจะมีคนทำของใส่อีกจึงได้เอาตะกุดของตาที่เสียชีวิตไปแล้วมาคล้องคอเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกทำของใส่อีก
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ลงพื้นที่ไปยังหมู่บ้าน เพื่อสอบถามข้อมูลและช่วยพูดคุยไกล่เกลี่ย เนื่องจากทั้งสองฝ่ายก็เป็นญาติพี่น้องกัน แต่พอไปถึงทั้งสองฝ่ายกลับโต้เถียงกันต่อหน้าตำรวจ บอกว่าเรื่องผีหรือความเชื่อไสยศาสตร์ไม่เกี่ยวกับตำรวจ ทำไมต้องไปแจ้งตำรวจมาด้วย ก็เกือบจะบานปลาย
เจ้าหน้าที่จึงอธิบายว่าหากเป็นเรื่องความเชื่อส่วนบุคคลแล้วไม่กล่าวหาให้เดือดร้อน ก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อ แต่เมื่อมีผู้เสียหายไปแจ้งความตำรวจก็ต้องทำตามหน้าที่ แต่หากพูดคุยกันไม่ได้ก็ต้องว่าไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย