เปิดชีวิต หนุ่มวิศวะ ม.ดัง จากอดีตเด็กเนิร์ด ขี้อายไม่กล้าคุยกับผู้หญิง กลายเป็นหนุ่มบาร์โฮสต์ตัวท็อป เคยได้สูงสุดถึงเดือนละ 4 ล้าน
เว็บไซต์ ETtoday เปิดเผยเรื่องราวของ เอสึเกะ หนุ่มบาร์โฮสต์ในชินจูกุ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งสร้างสถิติขึ้นเป็นตัวท็อปของที่ร้านได้ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 1 ปี เคยได้รับเงินสูงสุดถึงเดือนละ 4 ล้านบาท แท้จริงแล้วเขาคือ นักศึกษาภาควิชาฟิสิกส์และวิศวกรรมศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยโตเกียว มหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของประเทศ
เอสึเกะ ให้สัมภาษณ์ว่า ตอนสมัยเรียนชั้นมัธยมปลายเขาไม่ได้สนใจเรื่องการแต่งตัวเลย สิ่งที่เขาสนใจมีเพียงเรื่องการตั้งใจเรียนและอ่านหนังสืออย่างหนัก ตอนนั้นเขาเป็นหนุ่มแว่นที่ขี้อายมาก ไม่มั่นใจในรูปลักษณ์ตัวเอง ถึงขนาดไม่กล้าคุยกับเพื่อนผู้หญิง และให้ความสำคัญกับการเรียนเป็นอันดับแรก
แต่หลังจากสอบติดคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมฟิสิกส์ ของมหาวิทยาลัยโตเกียว ได้สำเร็จ เขาก็เริ่มเรียนรู้เรื่องการแต่งตัว จนค่อย ๆ มีความมั่นใจมากขึ้น และมีแฟนคนแรกเมื่อตอนเรียนอยู่ปี 2
จนกระทั่งตอนปี 3 มีคนรู้จักในชมรมมาถามเขาว่า “ไม่ลองไปทำงานที่บาร์โฮสต์เหรอ ?” นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่เขาคิดเรื่องนี้
“งานบาร์โฮสต์เป็นโลกที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากงานพาร์ตไทม์ธรรมดา การฝึกงาน และมหาวิทยาลัยโตเกียว อย่างไรก็ตาม โลกแห่งการเป็นหนุ่มโฮสต์ ผมสามารถพบปะผู้คนได้ทุกประเภท ทุกวันจะน่าตื่นเต้นและมีความสุข และโลกทัศน์ก็กว้างขึ้น”
เอสึเกะ ชี้ให้เห็นว่า กุญแจสำคัญที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จในการเป็นหนุ่มโฮสต์ เพราะตรรกะความคิดและรูปแบบการพูดที่เขาพัฒนาขึ้นระหว่างการเรียน
นอกจากนี้ เขายังใช้ประโยชน์จากการเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยโตเกียว ทำให้เขาสามารถคุยบทสนทนาที่เป็นเหตุเป็นผลกับลูกค้าได้ หรือแม้กระทั่งให้คำแนะนำที่จริงจังตามความต้องการของลูกค้า
แต่เมื่อเขาไม่รู้ว่าจะพูดถึงหัวข้ออะไร เขาก็จะแสดงด้าน “โง่” ออกมาอย่างเต็มที่จนสามารถสร้างเสียงหัวเราะได้ ซึ่งความแตกต่างนี้เองที่ทำให้เขากลายเป็นที่รักของลูกค้า
หลังจากทำงานได้เพียงแค่ 1 ปี เอสึเกะ ก็สามารถก้าวขึ้นสู่ตัวท็อปอันดับ 3 และสร้างสถิติมีรายรับต่อเดือนมากถึง 18 ล้านเยน (ประมาณ 4.3 ล้านบาท) โดยเขาตั้งเป้าที่จะเป็นอันดับ 1 ของร้านให้ได้ และทำลายสถิติมีรายได้ต่อปีมากกว่า 100 ล้านเยน (ประมาณ 24.3 ล้านบาท) ให้ได้
“ถ้าเป็นการแข่งขันอ่านหนังสือสอบ ผมไม่มีวันแพ้ แต่ที่นี่ยากจริงๆ และผมจะทำงานหนักต่อไปแน่นอน” เอสึเกะ กล่าวทิ้งท้าย
