หนุ่มป่วย 2 วัน กินยาแก้ปวดลดไข้เอง 8 เม็ด อุณหภูมิร่างกายลดลง แต่อาการหนักขึ้น เพราะมี 1 อวัยวะเสียหายรุนแรง
ชายคนหนึ่งในประเทศจีนติดเชื้อไข้หวัดใหญ่แต่ไม่ได้เข้ารับการรักษา เขามีไข้และกินยาลดไข้เองอย่างไม่ระมัดระวัง โดยในเวลาเพียง 2 วัน เขาได้กินยาลดไข้ไปถึง 8 เม็ด แม้อุณหภูมิร่างกายจะลดลง แต่กลับมีอาการปวดเอว คลื่นไส้ และถูกวินิจฉัยว่าไตได้รับความเสียหายเฉียบพลัน แพทย์แผนกไตของโรงพยาบาลแห่งที่สามเมืองอู่ฮั่นเตือนว่า ช่วงนี้เป็นช่วงที่โรคทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัดใหญ่ กำลังระบาดหนัก การเพิ่มปริมาณยาลดไข้เองโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงจากยาได้
รายงานจาก “Jimu News” ระบุว่า นายหลิว (นามสมมติ) วัย 33 ปี มีไข้เนื่องจากติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ เขาเลือกที่จะกินยาลดไข้และยาแก้ปวดที่บ้านโดยอาศัยประสบการณ์การรักษาไข้หวัดในอดีต โดยวันแรกเขากินไอบูโพรเฟนไป 4 เม็ด แต่อาการยังไม่ดีขึ้น วันที่สอง นายหลิวต้องการไปทำงานตามปกติ จึงกินไอบูโพรเฟนอีก 2 เม็ดในช่วงกลางวัน หลังจากนั้นอุณหภูมิร่างกายเริ่มลดลง แต่เพื่อรักษาระดับอุณหภูมิไว้ เขาได้กินเพิ่มอีก 2 เม็ดในตอนกลางคืน
หลังจากกินยาลดไข้ในปริมาณมาก อุณหภูมิร่างกายของเขาลดลงมาที่ 37 องศาเซลเซียส แต่เขาเริ่มมีอาการปวดเอว อ่อนแรง และคลื่นไส้ ทำให้รู้ตัวว่าอาจมีปัญหา จึงรีบไปโรงพยาบาลสาขาโซ่วอี้ของโรงพยาบาลแห่งที่สามเมืองอู่ฮั่น แพทย์แผนกไต นายแพทย์เฉินหมิง ตรวจพบว่าค่าครีอะตินีน (creatinine) ของนายหลิวพุ่งสูงถึง 660 ไมโครโมลต่อลิตร ซึ่งเกินค่าปกติอย่างมาก แสดงว่าไตของผู้ป่วยได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง
นายแพทย์เฉินหมิงอธิบายว่า ไอบูโพรเฟน ซึ่งเป็นยาลดไข้และยาแก้ปวดที่ใช้กันทั่วไป ต้องรับประทานตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น โดยควรกินวันละ 1-2 ครั้ง และครั้งละ 1 เม็ด การเพิ่มปริมาณยาเองไม่เพียงแต่ไม่ช่วยให้อาการดีขึ้น แต่ยังเพิ่มความเสี่ยงของผลข้างเคียงจากยาอย่างมาก นอกจากนี้ การเสียเหงื่อมากโดยไม่ชดเชยน้ำเพียงพอ อาจทำให้ร่างกายขาดน้ำและเพิ่มภาระให้กับไตมากขึ้น
นายแพทย์เฉินหมิงระบุว่า ค่าไต หรือ ครีอะตินีน ของนายหลิวที่สูงขึ้น อาจเกิดจากการใช้ยาอย่างไม่เหมาะสมและการขาดน้ำร่วมกัน โชคดีที่หลังจากการรักษาที่เหมาะสม อาการของผู้ป่วยดีขึ้น และเตรียมตัวออกจากโรงพยาบาลในเร็ว ๆ นี้
ช่วงที่ไข้หวัดใหญ่ยังคงระบาด แนะนำให้ดูแลสุขภาพส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด เช่น ล้างมือบ่อย ๆ ใส่หน้ากากอนามัย และรักษาการระบายอากาศในที่พักอาศัย ส่วนการใช้ยาควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด หากมีอาการผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อป้องกันการลุกลามของโรคและผลกระทบที่ร้ายแรงต่อสุขภาพ