หนุ่มทรุดอุตส่าห์ตามเก๋งเจอ หลังถูกขโมยจากอู่จอดรอซ่อม โผล่ขายเฟซบุ๊ก รีบติดต่อคนโพสต์ โจรรู้เจ้าของตามเจอ รีบชำแหละจนเหลือแต่ซาก

วันที่ 10 มี.ค.65 นายจาตุรงค์ สวัสดิกุล อายุ 41 ปี ชาว ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ เจ้าของรถเก๋งฮอนด้า แอคคอร์ด ทะเบียน วค-6566 กรุงเทพมหานคร และ นายพงษ์กมล ช่อสูงเนิน อายุ 44 ปี ชาว ต.สูงเนิน อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา เจ้าของอู่ซ่อมรถตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ อ.เมืองบุรีรัมย์ เดินทางไปแจ้งความกับ ร.ต.อ.สุมนัส นัดที รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองบุรีรัมย์ เพื่อให้เอาผิดกับคนร้ายที่ขโมยรถที่อู่ของ นายพงษ์กมล ไปชำแหละขายเป็นอะไหล่ที่ อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์

นายพงศ์กมล เจ้าของอู่ซ่อมรถ กล่าวว่า เมื่อเดือน ต.ค.63 นายจาตุรงค์ ได้เอารถเก๋งคันดังกล่าวมาซ่อมเครื่องยนต์ โดยแจ้งว่า ไม่รีบค่อยๆซ่อมไป เพราะมีรถใช้หลายคัน ประกอบกับต้องรออะไหล่รถ จึงเอารถจอดไว้ที่ข้างถนนหน้าอู่ ต่อมาตนได้กลับไปช่วยทำธุรกิจกับญาติที่ จ.นครราชสีมา ปิดอู่ไว้ไม่มีใครเฝ้า กระทั่งเมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา เจ้าของรถโทรมาถามตนว่า ได้เอารถผมไปซ่อมที่ไหนหรือไม่เพราะภรรยาผมเห็นขนขึ้นรถสไลด์ไป จึงตอบไปว่าไม่ได้เอาไปซ่อมไหน ยังจอดที่เดิม จึงคิดว่ารถน่าจะโดนขโมยไป จึงเดินทางมาตามเรื่องที่บุรีรัมย์

ขณะที่ นายจาตุรงค์ เจ้าของรถ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา ภรรยาตนเห็นรถสไลด์ขนรถของตนที่เอาไปซ่อมไว้ที่อู่ วิ่งไปทาง อ.ประโคนชัย ตอนแรกคิดว่าเจ้าของอู่คงจะเปลี่ยนที่ซ่อมให้ เมื่อโทรสอบถามได้รับคำตอบว่ารถยังจอดไว้ที่เดิม จากนั้นได้เข้าไปค้นทางทางอินเตอร์เน็ต เพื่อหาเบาะแส ปรากฏว่าเฟชบุ๊กชื่อ “วีนา นาริน” โพสต์ภาพรถของตนซึ่งอยู่บนรถสไลด์ พร้อมกับเขียนข้อความว่า “รถเก๋งเข้า 1 ลำ จ่ายแล้วลงได้”

จึงพยายามโทรติดต่อคนโพสต์ และยอมรับว่าซื้อมาจากนายโอ๊ด ซึ่งเคยซื้อขายกันเป็นประจำ ไม่เคยมีปัญหา สุดท้าย นางวีนา อ้างว่าเป็นลูกสะใภ้ผู้ใหญ่บ้าน โทรศัพท์มาขอโทษ และจะชดใช้ค่าเสียหายให้ แต่ต่อมาไม่สามารถตกลงราคากันได้ โดยมีคนโทรมาอ้างว่าเป็นผู้ใหญ่บ้าน ขอเจรจา แล้วเงียบหายไปอีก จึงตัดสินใจไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ จุดที่โดนขโมยรถไป เพื่อเอาผิดกับคนที่ขโมยรถตัวเองไป

ต่อมา พ.ต.อ.เจตน์สฤษฏิ์ แพ่งศรีสาร ผกก.สภ.ประโคนชัย ได้นำกำลังเข้าตรวจสอบ จุดที่รถสไลด์เอารถไปส่ง พบว่ามีการชำแหละรถแล้วทั้งคัน โดยเจ้าของรถยืนยันว่าซากรถดังกล่าวเป็นรถของตัวเอง เบื้องต้นตำรวจจะได้เร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป