หนุ่มซื้อรถสิบล้อ อยากจ่าย 2 แสนสุดท้าย แต่เจ้าหนี้ไม่ยอมรับเงิน โทรไปก็ตัดสาย

Home » หนุ่มซื้อรถสิบล้อ อยากจ่าย 2 แสนสุดท้าย แต่เจ้าหนี้ไม่ยอมรับเงิน โทรไปก็ตัดสาย

หนุ่มซื้อรถสิบล้อ เหลือค้างจ่าย 2 แสน มีเงินอยากจ่าย แต่เจ้าหนี้ไม่ยอมรับเงิน โทรไปก็ตัดสาย แต่ให้ทนายโทรมาบอกว่ายกเลิกสัญญา

วันนี้ (2 ม.ค.) นายวิชัย อายุ 37 ปี ชาวบ้านหินโคน ต.หินโคน อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ เดินทางไปร้องที่ศูนย์ดำรงธรรม ศูนย์ราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยติดต่อ หญิง อายุ 51 ปี ชาว อ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ เจ้าของรถยนต์สิบล้อ ที่ขายให้กับตนเองเมื่อปี 2565 ว่าอยากจะจ่ายเงินที่เหลือ 200,000 บาท จากราคาขาย 600,000 บาท แต่เจ้าตัวปฏิเสธการรับเงิน ไม่รับสาย ถึงขั้นไปลงบันทึกประจำวันเอาไว้ต่อ ร.ต.อ.ปรฉัตร รักษาวงษ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ ว่าอยากจ่ายเงินที่เหลือแต่ติดต่อไม่ได้

จากนั้นเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม โทรศัพท์ตามเบอร์ที่สามารถติดต่อได้ในหนังสือสัญญาซื้อขาย ปรากฏว่ามีปลายสายเป็นเสียงผู้ชายคาดว่าเป็นสามีของหญิงคนดังกล่าว พอเจ้าหน้าที่ถามเรื่องรถที่ขายไปและรู้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ ปลายสายปิดสายทันที แล้วติดต่อไม่ได้อีก

นายวิชัย เล่าว่า ตนซื้อรถสิบล้อจากหญิงคนนี้ในราคา 600,000 บาท ทำสัญญากันเอง โดยวางเงินวันรับรถ 300,000 บาท ที่เหลือ 300,000 บาท ตามสัญญาให้จ่ายเป็นรายปี ปีละ 100,000 บาท ครบกำหนดชำระเดือนเมษายน 2567

ตอนนั้นทำสัญญาเดือนมีนาคม 2565 เดือนเมษายน ตนจ่ายให้ทันทีอีก 100,000 บาท เหลือที่ค้างอีก 200,000 บาท ต้องจ่ายเดือนเมษายน 2566 อีก 100,000 บาท แต่เดือนเมษายน 2566 ตนไม่มีเงินไปชำระ จึงเลื่อนออกไปจนกระทั่ง เดือน ก.ค.66 พอหาเงินได้จะเอาไปจ่ายอีก 100,000 บาทตามสัญญา แต่กลับถูกปฏิเสธการรับเงิน แล้วตัดสายทุกครั้งที่ตนโทรหา

นายวิชัย กล่าวด้วยว่า ต่อมาได้มีทนายชื่อดังคนหนึ่งของบุรีรัมย์ โทรมาหาตนบอกว่ารถที่ซื้อไปนั้นแจ้งยกเลิกสัญญา ตนงงมากจึงถามไปว่า “ผิดสัญญาตรงไหน” เพราะยังไม่สิ้นปี เนื่องจากสัญญาจ่ายปีละครั้ง

ตนจึงให้ข้อเสนอไปว่า “งั้นผมจะตัดยอดทั้งหมดที่ค้าง 200,000 บาท” เท่ากับจ่ายล่าช้า 1 งวด จ่ายล่วงหน้า 1 งวดถือว่าหายกันไป” ได้รับคำตอบจากทนายว่า “ถ้าจะตัดยอดต้องจ่ายเพิ่มอีก 80,000 บาท เป็น 280,000 บาท” หากไม่ทำตามนั้นจะยึดรถคืน

ตนรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมไปลงบันทึกประจำวันเอาไว้ที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ว่า “อยากจ๊ายอยากจ่าย” แต่เขาไม่รับ หากอีกฝ่ายจะฟ้องเอารถคืน ตนก็พร้อมสู้คดี และอยากรู้ว่า ทำแบบนี้ได้ด้วยหรือ เหมือนใช้ศาลเตี้ยมาตัดสิน

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ