หนุ่มชีวิตรันทด ตายหลังแต่งงาน 40 วัน พี่สาวขอชันสูตร เพื่อนเจ้าบ่าว 4 คนต้องเจอคุก!

Home » หนุ่มชีวิตรันทด ตายหลังแต่งงาน 40 วัน พี่สาวขอชันสูตร เพื่อนเจ้าบ่าว 4 คนต้องเจอคุก!

“เจ้าบ่าวจะต้องถูกทุบตี ยิ่งถูกตีมากเท่าไหร่ ชีวิตแต่งงานก็จะยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น”

เรื่องราวของชายชาวจีนซึ่งเกิดมาในครอบครัวที่ยากลำบาก เนื่องจากพ่อที่เป็นหัวหน้าครอบครัวเสียชีวิตเร็ว ทำให้แม่และลูกทั้งสามคนต้องพึ่งพาอาศัยกันเพื่อความอยู่รอด แต่เมื่อเติบโตขึ้นมาเขากลับพบรักกับหญิงสาวที่ร่ำรวย แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้รับความยินยอมจากพ่อแม่ของฝ่ายหญิง เขาจึงต้องทำงานหนักมากเป็นเวลาหลายปีเพื่อพิสูจน์ตัวเอง

กระทั่งในปี 2556 ความจริงใจของเขาก็ส่งไปถึงพ่อแม่ของแฟนสาว หลังจากได้รับอนุญาตให้จัดงานแต่งได้แล้ว เขาก็มุ่งมั่นจะให้ทุกอย่างให้ออกมามีความหมายที่สุด ระมัดระวังในทุกขั้นตอนการเตรียมงาน รวมทั้งการคัดเลือกเพื่อนเจ้าบ่าวทั้ง 4 คน ซึ่งล้วนเป็นเพื่อนที่เติบโตมาด้วยกัน

อย่างไรก็ดี บ้านเกิดของเขายังมีธรรมเนียมที่ค่อนข้างแปลก ในวันแต่งงานเจ้าบ่าวจะต้องถูก “ทุบตี” โดยเชื่อว่ายิ่งถูกทุบตีมากเท่าไร ชีวิตแต่งงานของเขาก็จะยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น ครั้งหนึ่งเขาเคยเห็นเจ้าบ่าวถูกทุบตีจนจมูกช้ำและใบหน้าบวม

เมื่อรู้ว่าชาวบ้านให้ความสำคัญกับประเพณีนี้มาก เขาจึงเลือกเพื่อนพี่น้อง 4 คนที่เติบโตมาพร้อมกันกับเขา ให้มาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวซึ่งรับหน้าที่ในการ “ทุบตี” ครั้งนี้ โดยไม่คาดคิดว่านั่นจะกลายเป็นการตัดสินใจที่เขาเสียใจที่สุดในชีวิต

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2556 ฤกษ์อันเป็นมงคลมาถึง เจ้าบ่าวรับตัวเจ้าสาวแสนสวยมาเข้าบ้านเรือนหอ เขายังปลอบใจภรรยาก่อนลงจากรถด้วยว่า “ลงจากรถอาจมีเสียงดัง อย่ากลัว พวกเขาจะไม่ทำอะไรมากเกินไป”

ไม่นานรถแต่งงานก็มาถึงใกล้ประตูบ้าน ตามธรรมเนียมของหมู่บ้าน เจ้าสาวและเจ้าบ่าวจะต้องลงจากรถห่างจากบ้านเกินร้อยเมตร แล้วค่อยพากันเดินเข้าไปในบ้าน เมื่อเจ้าบ่าวเปิดประตูรถก่อนจะพาเจ้าสาวลงไปได้ก็ถูกญาติและเพื่อนฝูงมากมายรายล้อม เขาถูกต่อยและตบอย่างดุเดือดต่อเนื่อง เจ้าสาวทำได้เพียงขอร้องให้ทุกคนแสดงความเมตตา แต่กลับถูกเพิกเฉย

หลังจากการทุบตีสิ้นสุดลง เจ้าบ่าวมึนงงจนทำอะไรไม่ถูก เขาเพียงแค่จัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ และยิ้มปลอบภรรยาที่กำลังตกใจ ในตอนนั้นเจ้าสาวคิดว่าทุกอย่างจบลงแล้ว แต่ตามธรรมเนียมในบ้านเกิดของเจ้าบ่าว เขายังต้องถูกทุบตีในตอนดื่มอวยพนด้วย ทุกครั้งที่มีการยกแก้วเพื่อดื่มอวยพรในแต่ละโต๊ะ เพื่อนเจ้าบ่าวทั้ง 4 คน จะวางแก้วลงและรีบมาทุบตีเขา ด้วยการตบและต่อยที่ศีรษะ

เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ที่แย่ลงเรื่อยๆ เจ้าสาวก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป และบอกเพื่อนเจ้าบ่าวให้อ่อนโยนกว่านี้ แต่ฝูงชนกลับส่งเสียงดังล้อเลียนเจ้าสาว และบอกว่ายิ่งทุบแรงเท่าไหร่ ชีวิตแต่งงานของพวกเขาก็จะยิ่งเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นเท่านั้น แขกที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ยังบอกด้วยว่าถ้าเพื่อนเจ้าบ่าวเชื่อฟังเจ้าสาว เจ้าบ่าวก็จะกลัวภรรยาของเขาและถูกเธอรังแกในภายหลัง

ทั้งนี้ หลังจากดื่มอวยพรเสร็จเรียบร้อยแล้ว เจ้าบ่าวยังคงไม่สามารถผ่อนคลายกล้ามเนื้อใบหน้าได้ เพราะรู้ว่าจะต้องถูกทุบตีอีกครั้งเมื่อเข้าไปในห้องจัดงานแต่งงานตอนกลางคืน อีกทั้งเมื่อเห็นสีหน้าภรรยาของเขาแย่ลง จึงบอกให้เธอไปที่ห้องเพื่อพักผ่อนก่อน เจ้าสาวเองไม่อยากรับรู้เรื่องตลกสกปรกอีกต่อไป ดังนั้นเธอจึงลุกขึ้นและเข้าไปในห้อง ครู่ต่อมา เมื่อเห็นสามีของเธอเปิดประตูและเดินตามเข้ามา เธอดีใจมากๆ แต่เมื่อเห็นใบหน้าเขาชัดเจน ความสุขก็สลายหายไปทันที

ใบหน้าของเจ้าบ่าวเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ และเสื้อผ้าของเขาก็ขาดวิ่น เจ้าสาวรีบถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง แต่อีกฝ่ายตอบกลับมาเพียงสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงเบาๆ ราวกับว่าเขาใช้กำลังจนหมดแล้ว และก็กลับตาลงเพื่อเข้านอน เมื่อเห็นสามีเป็นเช่นนั้นก็รู้สึกสงสารอย่างยิ่ง

ในตอนเที่ยงของวันรุ่งขึ้น เจ้าบ่าวตื่นขึ้นมาด้วยอาการวิงเวียนศีรษะ รู้สึกไม่สบายอย่างมาก และหายใจลำบาก แต่คิดเพียงว่าเมื่อวานเหนื่อยเกินไป และจะรู้สึกดีขึ้นหลังจากพักผ่อนไม่กี่วัน โดยไม่คาดคิดสุขภาพของเขาไม่เพียงแต่ไม่ดีขึ้น แต่ยังแย่ลงอีกด้วย 3 วันหลังจากนั้น เกิดอาการเจ็บปวดทั่วร่างกาย หายใจลำบาก สติสัมปชัญญะค่อยๆ เบลอ เมื่อตระหนักถึงความร้ายแรงของปัญหา ครอบครัวของเขาจึงพาไปโรงพยาบาล

หลังจากตรวจร่างกาย แพทย์พบว่าอาการของเขาร้ายแรงมาก มีอาการบาดเจ็บของเนื้อเยื่ออ่อนทั่วร่างกาย หลอดลมแตก ขาดออกซิเจน และสมองขาดเลือด เนื่องจากเข้ารับการรักษาช้าเกินไป อาการของเขาจึงถือได้ว่าอยู่ในขั้นวิกฤต แพทย์ได้ย้ายเขาไปที่ห้องดูแลพิเศษทันที และแจ้งให้ครอบครัวทราบถึงสถานการณ์ แต่แม้จะเข้าห้องดูแลพิเศษแล้ว อาการของเขาก็ไม่ดีขึ้น แต่ยังคงแย่ลงเรื่อยๆ กระทั่งจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดด่วน

การผ่าตัดด่วนในครั้งนั้น ต้องการมีเงินจ่ายล่วงหน้า 50,000 หยวน (ประมาณ 2.5 แสนบาท) พี่สาวของเขายืมเงิน 20,000 หยวน (ประมาณ 1 แสนบาท) จากพ่อแม่ของสามีของเธอ และภรรยาของเขาก็ยืมเงิน 20,000 หยวน (ประมาณ 1 แสนบาท) จากพ่อแม่ของเธอเช่นกัน หลังจากการผ่าตัดสิ้นสุดลง เขายังคงนอนหมดสติอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นเลย

แพทย์บอกว่าผู้ป่วยได้รับบาดเจ็บสาหัสเกินไป อีกทั้งยังเข้ารักษาช้าเกินไป เขาน่าจะตกอยู่ในสภาวะ “นอนเป็นผัก” และค่ารักษาจะสูงมาก แพทย์ขอให้ครอบครัวพิจารณาอย่างรอบคอบ ถึงการตัดสินใจให้ผู้ป่วยพักรักษาตัวในโรงพยาบาลต่อไปหรือไม่

อย่างไรก็ดี เขาอายุอยู่ในช่วงวัยเพียง 20 ปี และเพิ่งแต่งงาน ไม่มีใครในครอบครัวทนยอมให้เขาละทิ้งการรักษาได้ แม้ว่าความเป็นไปได้ที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมมีน้อยมาก แต่มีความหวังเพียงเล็กน้อย พวกเขาจึงตัดสินใจจะไม่ยอมแพ้ และให้เขาอยู่ในโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาต่อไป

เพื่อเป็นค่ารักษาพยาบาลของลูกชาย แม่ของเขาถึงกับจำนองบ้าน และอาศัยอยู่หน้าโรงพยาบาลชั่วคราวเพื่อดูแลลูกชาย ในขณะที่ภรรยาก็อยู่ดูแลสามีในช่วงเวลาที่แม่ของเขาไปทำงาน แต่ความพยายามของพวกเขาไม่ได้นำมาซึ่งปาฏิหาริย์ใดๆ อาการของเขาไม่ดีขึ้นเลย แม้แต่หมอก็ยังต้องส่ายหัว

แม้ว่าเขาเกือบจะถึงแก่ชีวิตและความตาย แต่เพื่อนเจ้าบ่าวทั้ง 4 คนกลับดูเฉยเมย พวกเขาส่งเงิน 600 หยวน (ประมาณ 3 พันบาท) มาให้ในเชิงสัญลักษณ์ พร้อมกับของขวัญบางอย่าง จากนั้นก็หายไป สิ่งนี้ทำให้พี่สาวของเขาโกรธมาก เพราะถ้าทั้ง 4 คนไม่ลงมือหนักขนาดนั้นในวันแต่งงาน น้องชายของเธอคงไม่ลงเอยแบบนี้ เธอจึงนำวีดีโอฉากแต่งงานไปที่โรงพัก

ในระหว่างการสอบสวนของตำรวจ ครอบครัวก็ได้รับข่าวร้ายจากโรงพยาบาล อาการของเขาค่อยๆ แย่ลง และเสียชีวิตในคืนวันที่ 20 มีนาคม พี่สาวต้องการทวงความยุติธรรมให้กับน้องชายที่เสียชีวิตหลังงานแต่งงานเพียง 40 วัน จึงได้ขอชันสูตรพลิกศพ

ผลการชันสูตรพลิกศพพบว่า เขาเสียชีวิตจากความล้มเหลวของอวัยวะหลายส่วน ผลลัพธ์นี้ทำให้พี่สาวของเขายิ่งมั่นใจว่าเป็นเพราะเพื่อนเจ้าบ่าวทั้ง 4 คนทุบตีแรงเกินไป และพวกเขาต้องรับผิดชอบต่อการตายของน้องชายเธอ จึงได้ยื่นฟ้องต่อศาล เรียกร้องให้จ่ายค่ารักษาพยาบาล ค่าเสียหายทางจิตใจ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ รวมเป็นเงิน 950,000 หยวน (ประมาณ 4.8 ล้านบาท)

ตำรวจได้เข้าจับกุมเพื่อนเจ้าบ่าวทั้ง 4 คนทันที แต่หนึ่งในนั้นหนีไปได้ ในการพิจารณาคดี เพื่อนเจ้าบ่าวทั้ง 3 คนปฏิเสธข้อกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิต โดยอ้างว่าเป็นอุบัติเหตุทางการแพทย์ ซึ่งเป็นปัญหาจากโรงพยาบาล พวกเขาสงสัยว่าเจ้าบ่าวป่วยหนัก แต่ครอบครัวกลับปิดบังความจริง และกล่าวโทษคนอื่นว่าทำให้เสียชีวิต

ทนายฝ่ายจำเลยของหนึ่งในเพื่อนเจ้าบ่าว กล่าวว่า เจ้าบ่าวไปโรงพยาบาลหลังงานแต่งงาน 3 วัน ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าเขาจะเจ็บปวดตั้งแต่ช่วงแต่งงาน นอกจากนี้ ยังเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมานานกว่า 1 เดือนแล้ว จึงไม่มีอะไรมารับประกันว่าปัญหาจะไม่ได้มาจากโรงพยาบาล ดังนั้น การเสียชีวิตจึงไม่ได้เกิดจากเพื่อนเจ้าบ่าว

อย่างไรก็ดี เมื่อเผชิญกับหลักฐาน รายงานการชันสูตรพลิกศพ และวีดีโอบันทึกภาพงานแต่งงาน เพื่อนเจ้าบ่าวทั้ง 3 คนก็ไม่มีทางปฏิเสธได้อีกต่อไป และทำได้เพียงชดใช้ค่าเสียหายจากการกระทำของตนเท่านั้น

ในเดือนสิงหาคม 2557 ศาลพิพากษาจำคุกบุคคล 3 คน เป็นเวลา 3 ปี ฐานทำให้เสียชีวิตโดยไม่ได้ตั้งใจ โดยให้รอลงอาญา 3-5 ปี เกี่ยวกับการชดเชย 950,000 หยวนที่พี่สาวผู้เสียชีวิตร้องขอ ศาลพิจารณาสถานการณ์ที่แตกต่างกันหลายประการ และในที่สุดก็สั่งให้ชดเชย 369,000 หยวน (ประมาณ 1.9 ล้านบาท) แบ่งเท่าๆ กันระหว่าง 3 คน

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ