หนุ่มจีนตัดพ้อ! โดนขึ้นบัญชีดำจากร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่าง เหตุทานอาหารเยอะเกินไป ไม่ว่าจะกุ้ง 4 กก.หรือนม 30 ขวดหมดในคราวเดียว
เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน บีบีซีรายงาน ชายชาวจีนรู้จักเพียงในนามคุณคัง บอกกับทาง Hunan TV ว่าเขาถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้าทานอาหารร้าน Handadi Seafood BBQ Buffet ในเมืองฉางซา ประเทศจีน
หลังจากเข้าทานอาหารติดกันหลายครั้ง โดยเมื่อไปถึงร้านครั้งแรกเขาทานขาหมูไป 1.5 กิโลกรัมและต่อมาทานกุ้ง 3.5 – 4 กิโลกรัม
นายคังกล่าวว่าร้านอาหารนี้ ‘เลือกปฏิบัติ’ กับคนที่สามารถทานอาหารได้มาก “ผมทานอาหารได้เยอะ นั่นเป็นความผิดหรือเปล่า แถมไม่ได้กินทิ้งกินขว้างอย่างเสียอาหารโดยเปล่าประโยชน์ซะหน่อย”
ทว่าความคิดเห็นของเจ้าของร้านอาหารที่ให้สัมภาณ์กับทางสำนักข่าวท้องถิ่นโต้กลับว่า การทานเยอะของนายคังจะทำให้เขาหมดตัวและเสียกำไร “ทุกครั้งที่เขามาที่นี่ ผมจะเสียเงินเพิ่มหลายร้อยหยวน”
“เมื่อนายคังดื่มนมถั่วเหลืองก็ดื่ม 20 – 30 ขวด เวลาทานขาหมูก็จะทานหมดถาด ส่วนกุ้ง ปกติคนจะใช้ที่คีบหยิบขึ้นมา แต่เขาหยิบถาดเอากุ้งทั้งหมดไปแทน” ทางเจ้าของร้านยังกล่าวเสริมว่า เขากำลังจะตั้งกฎห้ามถ่ายทอดสดในร้านอาหาร
เรื่องราวดังกล่าวกำลังเป็นที่นิยมบนโซเชียลมีเดียของจีนและมีผู้ชมมากกว่า 250 ล้านครั้งบนเว่ยป๋อ พร้อมได้รับการวิพากษ์วิจารณ์มากมาย
บางคนกล่าวว่าร้านอาหารไม่ควรเป็นร้านอาหารแบบทานได้ไม่อั้น ถ้าทางร้านไม่สามารถจ่ายเงินค่าวัตถุดิบในการทำอาหารที่เพิ่มขึ้นได้ ในขณะที่คนอื่น ๆ รู้สึกสงสารเจ้าของร้านอาหาร
อย่างไรก็ตาม ข่าวดังกล่าวเผยแพร่ในขณะที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง มีนโยบายผลักดันให้ประชาชน ‘หลีกเลี่ยงทานอาหารเหลือ’ หลังจากกังวลเรื่องการขาดแคลนอาหาร
ตามรายงานของเดอะการ์เดียน ภายใต้แคมเปญที่ชื่อว่า “Operation Empty Plate” หน่วยงานท้องถิ่นในปีที่แล้วได้ออกมาตรการลดขยะ รวมถึงการกระตุ้นให้ร้านอาหารจำกัดจำนวนจานให้เหลือน้อยกว่าจำนวนผู้มารับประทานอาหาร
ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ประเทศจีนได้ออกกฎหมายใหม่อย่างเป็นทางการเพื่อต่อต้านเศษอาหารเหลือทาน โดยห้ามไม่ให้มีเศษอาหารเหลือมากเกินไป
ภายใต้กฎหมายฉบับใหม่ อินฟลูเอนเซอร์ที่สร้างวิดีโอทานอย่างเมามันจะถูกปรับสูงถึง 100,000 หยวน (510,455 บาท) และร้านอาหารสามารถเรียกเก็บเงินเพิ่มเติมจากผู้มารับประทานอาหารได้หากพวกเขาปล่อยอาหารไว้โดยไม่ได้รับประทาน
นอกจากนี้ ยังมีการพิจารณาที่จะแบนวิดีโออินฟลูเอนเซอร์ในการรับประทานอาหาร เพื่อกีดกันไม่ให้เป็นตัวอย่างในการทานอาหารมากเกินไป
ขอบคุณที่มาจาก BBC The Guardian News.com.au