หนีไม่รอด! ไอ้ขี้ยา ทำร้ายคนขับแท็กซี่น่วม ก่อนชิงรถหนี พบคดีนับ 10

Home » หนีไม่รอด! ไอ้ขี้ยา ทำร้ายคนขับแท็กซี่น่วม ก่อนชิงรถหนี พบคดีนับ 10

ขโมยรถลุง

ตำรวจตามรวบ ไอ้ขี้ยา ลวงลุงแท็กซี่มาทำร้าย ก่อนขโมยรถหนี อ้างโดนด่าถึงบุพการี ที่แท้เมายา พบประวัติก่อมาแล้วนับ 10 คดี

เมื่อช่วงหัวค่ำ ( 27 มิถุนายน 2567 ) ที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ นายโอภาส อายุ 75 ปี คุณลุงคนขับรถแท็กซี่เดินทางมายัง สภ.เมืองสมุทรปราการ หลังจากทราบข่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนของ สภ.เมืองสมุทรปราการ ตามไปจับกุมตัว นายวิสิชัย หรืออาร์ม อายุ 33 ปี จับได้ขณะหลบหนีนอนพักอยู่ใต้สะพานข้ามคลองแถวถนนอิสรภาพ กทม ซึ่งขณะกำลังพักอยู่กับแฟนสาว ตำรวจควบคุมตัว นายวิสิชัย กลับมายัง สภ.เมืองสมุทรปราการ เพื่อสอบปากคำเบื้องต้นก่อนจะส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยทางด้าน นายโอภาส แก้วปัญญา ถึงกับก้มกราบขอบคุณทางด้าน พ.ต.อ.นพดล ช่างเรือง ผกก.สภ.เมืองสมุทรปราการ ที่ช่วยติดตามจับกุมตัวจนได้รถคืนภายในระยะเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง

ด้าน คุณลุง นายโอภาส อายุ 75 ปี เล่าว่า ผู้โดยสารเรียกรถลุงมาจากแยกวงเวียนใหญ่ บอกว่าจะไปสมุทรปราการ เลยถามว่าไปทางไหนดี เขาบอกว่าไปทางด่วนก็ได้ ก็เลยมาขึ้นทางด่วนยมราช ซึ่งลุงก็ออกค่าทางด่วนมาก่อน แล้วมาลงที่ช้างสามเศียร แต่เขาให้ชิดขวา เข้าคู่ขนาน แล้วเข้าซอยในวัดบางด้วนนอก พอถึงซอยในวัด ตอนนั้นมีคนยืนอยู่ที่ข้างโบสถ์ 3 คน เขาก็เลยบอกลุงให้ถอยออกมา ให้กลับทางเก่า พอเลี้ยวรถกลับไปทางเก่าประมาณ 100 เมตร แล้วทีนี้ก็ให้กลับรถอีก แล้วบอกให้ลุงจอด แล้วก็ต่อยที่หน้าลุง แล้วเปิดประตูถีบลงตกรถ แล้วกระทืบลุงซ้ำอีก แล้วมันก็ขึ้นรถขับหนีไป ลุงก็วิ่งตาม พอตรงทางแยกบ้านคน เขาก็ถามว่าเป็นอะไร มีอะไรเหรอ ลุงก็บอกว่าเขาเอาแท็กซี่ไปแล้ว ดีใจมากที่ตำรวจได้ตัวคนร้ายแล้ว และ มั่นใจแน่นอนว่าเป็นคนนี้ ตำรวจทำงานไวมาก ๆ แค่วันเดียวก็ได้แล้ว ลุงดีใจมาก ลุงกล่าวพร้อมยกมือไหว้

5307641 0-1

โดยคำให้การจากปากผู้ต้องหาบ้าง ขัดแย้งกับทางด้านลุงคนขับ โดยเขาอ้างว่า ที่ทำลงไปนั้น เพราะว่าคุณลุงมาด่าบุพการีก่อนจึงโมโห ชกเข้าที่ใบหน้าของคุณลุง และ ยังให้การอ้างอีกว่า คุณลุงเปิดประตูรถลงเอง ไม่ได้ถีบ แต่ยอมรับว่าพอคุณลุงลงจากรถไปแล้ว ยังเปิดประตูตามไปกระทืบซ้ำคุณลุงอีก โดยผู้ต้องหารายนี้บอกว่า คืนวันเกิดเหตุ ตนเองเรียกรถแท็กซี่จากแยกวงเวียนใหญ่เพื่อให้มาส่งบ้านย่านสมุทรปราการ

ระหว่างทางผู้ต้องหารายนี้ อ้างว่าชวนคุณลุงดูพระแต่คุณลุงไม่ดูและต่อว่าตนเองจนลามไปถึงบุพการี ส่วนที่ไปอยู่ใต้สะพานแถวถนนอิสรภาพนั้น เพราะไปรู้จักคนเก็บของเก่าแถวนั้นชักชวนกันไปมั่วสุมอยู่ใต้สะพาน เพิ่งไปอยู่ได้ไม่กี่วัน ก่อนหน้านี้ตนเองเพิ่งออกมาจากโรงพยาบาลจิตเวช หลังก่อเหตุจึงขับรถหนีอกมาเพราะกลัว ก่อนจะเอารถไปจอดทิ้งไว้ แล้วกลับบ้าน พอเช้ามืดจึงนั่งเรือข้ามฝากไปฝั่งพระสมุทรเจดีย์แล้วนั่งรถเมล์ไปลงที่แยกวงเวียนใหญ่จากนั้นเดินเท้าต่อไปที่ใต้สะพาน

กระทั่งถูกตำรวจตามไปจับกุม นายวิสิชัย ยังบอกต่ออีกว่า ผมไม่รู้ว่าลุงเขาอายุเท่าไหร่ เพราะมันมืด ไม่รู้ว่าแก่หรือไม่แก่ ส่วนที่เข้าไปในวัด ลุงพาเข้าไป และมีปากเสียงกันในรถ เพราะลุงด่าถึงบุพการี พ่อแม่ สาเหตุที่ด่าก็เพราะเรื่องพระ ผมบอกให้เขาดูพระให้ผมหน่อย แล้วเขาก็พูดทำนองว่า กูไม่ดูหรอก กูจะขับรถ มึงมาให้กูดูอะไร มันไม่ใช่เรื่องของกู ผมเลยรู้สึกว่าเขาพูดแรง เขาก็ยังบ่นต่อแล้วมาบ่นถึงพ่อแม่ ผมก็เลยรู้สึกแย่ อยากฝากขอโทษลุง ในสิ่งที่ทำลงไป ไม่ได้ตั้งใจในสิ่งที่ทำ ผมก็รู้สึกกลัวเหมือนกัน

ขณะที่ แฟนสาว อายุ 21 ปี ของ นายวิสิชัย หรืออาร์ม ผู้ก่อเหตุ ซึ่งเจ้าตัวยังอยู่ในอาการสะลึมสะลือและยอมรับว่าเพิ่งเสพยาเสพติดมาเมื่อคืน เสพทุกอย่างที่เป็นยาเสพติด แฟนสาวผู้ก่อเหตุ ที่อยู่ในอาการพูดจากวกวน เผยว่า ตนกับแฟนพักอยู่แถวซอยอิสรภาพ และ ไปหาพ่อเพิ่งจะกลับมา แฟนกลับมาบ้านตอนดึก และ บอกแค่ว่าไปทำธุระมา แต่ไม่ได้บอกว่าไปเอารถมา ปกติเขาชอบไปนั่งเล่นกับเพื่อนที่อิสรภาพ เมื่อนักข่าวถามว่ารู้ไหมว่าแฟนไปทำอะไรมา แฟนสาวผู้ก่อเหตุบอกตอนแรกไม่รู้ แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าเขาไปขโมยรถมา

ซึ่งในระหว่างทางตนก็ถามว่าทำไปทำไม แฟนหนุ่มบอกว่า ขาดสติ ที่โดนทางคนขับแท็กซี่ด่าพ่อแม่ เขามีอาการทางจิตเวชเขาเครียด และ ไม่ชอบคนด่าพ่อด่าแม่เขา ไม่ได้ตั้งใจไปจี้รถเขา คือเขาบอกว่าทะเลาะกันเรื่องพระ คนขับแท็กซี่พาเขาขับรถไปในซอยมืด แล้วเขากลัวความมืด เขาก็ถามคนขับแท็กซี่ว่า ขับเข้ามาทำไม ก็เลยทะเลาะมีปากเสียงกัน ต่อยเขาแล้วเขาก็ต่อยกลับ เห็นบอกว่าลุงเปิดประตูวิ่งหนี แฟนหนุ่มก็ขับรถออกไปเลย เขาไม่ได้เอาทรัพย์สินอะไรมาให้ตน เมื่อนักข่าวถามว่าได้เสพยาไหม สาวตอบว่าทั้งตนและแฟนเสพยา ก่อนก่อเหตุเมื่อคืนก็เสพยากัน แต่ตอนตำรวจเข้ามาไม่ได้เสพ เพราะไม่มีตังค์

1921114 0

ส่วน พ.ต.อ.นพดล ช่างเรือง ผกก.สภ.เมืองสมุทรปราการ กล่าวว่าสำหรับคดีนี้ ต้องชื่นชมฝ่ายสืบสวนที่ไม่ล่ะความพยาม ไล่กล้องวงจรปิดจนไปพบรถแท็กซี่ที่จอดทิ้งไว้ จากนั้นไล่กล้องจนพบชายต้องสงสัยที่จนทราบว่าบุคคลดังกล่าว คือ นายวิสิชัย หรืออาร์ม เดชมาก อายุ 33 ปี พอไปตรวจสอบประวัติจนทราบบ้านพัก ตำรวจจึงติดตามไปที่บ้านพักแต่ไม่พบตัวกระทั่งไล่เลียงเส้นทางจนทราบว่าไปลงเรือและขึ้นรถเมล์ไม่ลงแยกวงเวียนใหญ่สืบตามต่อจนกระทั่งไปพบแหล่งกบดานจนเจอตัว

เบื้องต้นจากการตรวจสอบผู้โดยสารไม่ได้มีการเตรียมการไว้ก่อน เป็นเหตุเฉพาะหน้า รถที่ขับไปจอด ก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านพักของผู้ต้องหา ผู้ต้องหากล่าวอ้างว่า ทางลุงมีการด่าทอ แต่ทางลุงยืนยันว่าไม่มีการด่าทอ ส่วนประเด็นที่ผู้ก่อเหตุอ้างว่าไปรักษาจิตเวชมา เราก็ต้องทำการตรวจสอบต่อไป แต่การกระทำนี้เป็นการกระทำที่อุกอาจ ก็จะดำเนินคดีในข้อหาชิงทรัพย์ ส่วนเรื่องยาเสพติด ต้องนำตัวผู้ต้องหาไปตรวจหาสารเสพติดก่อน

ทั้งนี้ พบประวัติของผู้ก่อเหตุ เคยต้องโทษคดีอาญามาทั้งหมดประมาณ 10 ครั้ง ทั้งเรื่องเกี่ยวกับยาเสพติดและทรัพย์สิน อาวุธปืน

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ