จากกรณีโยนกุญแจลงมาจากชั้น 7 มีเพื่อนยืนรอรับอยู่ข้างล่าง แต่กุญแจดันไปตกใส่หลังคารถ หญิงท่าน หนึ่งจนบุบ ทางรปภ.ของตึกจึงไปแจ้งเจ้าของรถให้ลงมาดู จนเกิดการถกเถียงกับทางคู่กรณีทำให้ฝั่ง แก๊งเด็ก ไม่พอใจจึงทำร้ายหญิงเจ้าของรถ และก็เรียกพวกที่อยู่บนห้องลงมากระทืบ รปภ. บาดเจ็บสาหัส นั้น
ล่าสุดวันนี้ 8 มิถุนายน 2567 ได้พูดคุยกับ คุณไอซ์ อายุ 36 ปี ผู้เสียหายที่ถูกรุมทำร้าย คุณไอซ์ เล่าว่าคืนเกิดเหตุ ช่วงเวลาประมาณ 4 ทุ่มของวันที่ 6 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา เธอได้ยินเสียงคนเอะอะโวยวายกัน ลักษณะตะโกนคุย จึงโผล่หน้าจากระเบียงห้องมาดู และเห็นคนกำลังเดินหาของอยู่ใกล้ ๆ รถของเธอ จึงเกิดความสงสัยเดินลงมาดู และปรากฏว่า หลังคารถมีรอยบุก จึงสอบถาม รปภ. คอนโด เลยทราบว่า มีการโยนสิ่งของลงมา ถูกหลังคารถเธอจริง และเมื่อมองขึ้นไปก็เห็น วัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง ชะโงกหน้ามาพอดีเธอจึงตะโกนถามว่า “ได้โยนอะไรมา โดนรถเธอรึเปล่า” แต่เนื่องจากระยะ ความสูงของห้อง กับที่จอดรถ ทำให้ต้องตะโกนคุย จึงเป็นลักษณะเหมือน ตะโกนต่อว่ากัน ทำให้ฝั่งนั้นไม่พอใจเดินลงมา หาเธอ ด้วยกัน 3 คนเป็นผู้หญิง 2 คน ผู้ชายหนึ่งคน (LGBTQ)
โดยทางฝั่งคู่กรณีปฏิเสธว่า ไม่ได้เป็นคนทำ จึงเกิดการโต้เถียง เธอจึงบอกว่าจะไปเปิดกล้องวงจรปิดตรวจเช็ค จากนั้นก็มีการท้าทาย และต่อว่ากันไปมา ด้วยถ้อยคำหยาบคาย ตัวเองยอมรับว่าตอนนั้นเริ่มมีอารมณ์โมโห เนื่องจากว่ารถเสียหาย และฝั่งคู่กรณีก็ด่าไม่หยุด เธอจึงด่ากลับไป ด้วยถ้อยคำรุนแรงเช่นเดียวกัน (ด่าว่าอีตุ๊ด อีกระเทย) ทำให้คู่กรณีไม่พอใจ
ในตอนนั้น สามี ได้โทรศัพท์หาเธอพอดี เธอจึงเล่าเรื่องให้ฟัง และบอกให้สามีรีบมา เมื่อทางฟังคู่กรณีได้ยินแบบนั้น จึงโทรตามพวกมา และเริ่มมีคนทยอยมา ชุดแรก มาอีก 2 คนเป็นผู้หญิง หลังจากนั้นก็มีผู้ชายอีก เกือบ 10 คน ขี่รถจักรยานยนต์ตามมา โดย ผู้หญิงคนที่มาทีหลัง ได้ เข้ามาทำร้ายเธอ จิกหัว ตีเข่าและกระหน่ำต่อยที่ศีรษะ จนรปภ. ตรงจุดเกิดเหตุ ต้องพยายามเข้ามาช่วยห้าม ซึ่ง รปภ. เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่แรกและพยายามห้ามมาโดยตลอด แต่ฝั่งคู่กรณีไม่ยอมฟัง รุมทำร้าย เธอ และยังทำร้าย รปภ.ที่ช่วยห้าม
- แก๊งวัยรุ่น เรียกเพื่อน รุมทำร้ายหญิงเจ้าของรถ รปภ.เข้าช่วย เจ็บสาหัส
ซึ่งในจังหวะนั้นเอง เธอสังเกตเห็นว่า 1 ในกลุ่มคู่กรณี เป็นผู้ชายที่สวมหมวกกันน็อค และที่ขามีกำไรอีเอ็มติดอยู่ ถือมีดออกมา จะแทงรปภ. ด้วยความตกใจสุดขีดตอนนั้นเธอคิดว่า เธอเองก็คงไม่รอดเหมือนกันถ้ารปภ. โดนทำร้ายจนถึงชีวิต เธอจึงพยายามร้องขอ ให้หยุดทำร้าย และพยายามวิ่งหนี แต่ก็จนมุม สุดท้ายยอมที่จะก้มกราบเท้า กลุ่มคู่กรณี ร้องขอชีวิต พร้อมยอมรับว่าเป็นคนผิดเองทั้งหมด ขอไม่เอาเรื่อง แลกกับการไว้ชีวิตเธอ และ รปภ. ถึงขั้นที่เธอต้องโกหกพบคู่กรณีว่ากำลังตั้งท้องอยู่ เพื่อจะเอาตัวรอด ทำให้ฝ่ายคู่กรณี ใจเย็นลง และยอมหยุดทำร้ายเธอ
- ตะวันฉาย หลั่งน้ำตา เปิดใจกลางเวที หลังดราม่า ชนะ โจณัฐวุฒิ
คุณไอซ์ บอกว่าหลังเกิดเหตุรู้สึกหวาดกลัว กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก ไม่กล้าออกมาใช้ชีวิตตามปกติ ไม่กล้าออกจากบ้าน เพราะ คู่กรณียังอยู่ที่คอนโดเดียวกัน โดยเจ้าของห้องเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่ง ทราบว่าคืนเดียวกันกับที่เกิดเรื่อง มีลูกบ้านคนอื่นร้องเรียนว่า ห้องนี้เสียงดัง นิติบุคคลต้องไปเตือนอยู่หลายครั้ง และหลังเกิดเรื่องครั้งนี้ นิติบุคคลได้ทำเรื่อง แจ้งให้ผู้พักอาศัยย้ายออก แล้ว ตามกำหนดคือวันนี้
- เปิดสาเหตุ! ที่ ป้าเพ็ญ ต้องไปเป็น ผีน้อย ที่เกาหลี วอนเห็นใจ อย่าดราม่า
ส่วนทางด้านคู่กรณีที่ทำร้ายเธอพยายามติดต่อมาทางโทรศัพท์ เพื่อขอเจรจา แต่เธอไม่กล้าที่จะพูดคุยด้วย เพราะหวาดกลัว โดยเฉพาะ คนร้ายที่ติดกำไรอีเอ็ม รู้มาว่าโดนคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่น เมื่อ 9 เดือนก่อน ยิ่งทำให้หวาดกลัว ครอบครัวเธอเองมีลูกไว้เพียง 4ขวบ อยู่ด้วย จึงกลัวว่าจะเป็นอันตรายกัน
หลังเกิดเรื่อง ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจแล้ว แต่ยังไม่มีการดำเนินคดีกับ ผู้ก่อเหตุ นอกจากเธอ ยังมีพนักงานรักษาความปลอดภัยของคอนโดที่ได้รับบาดเจ็บหนัก เช่นเดียวกัน ถูกทำร้ายเพราะเข้ามาช่วยเธอเอาไว้ จากการสอบถาม รปภ. คนนี้ก็บอกว่าเป็นหน้าที่ที่เขาต้องช่วยลูกบ้านอยู่แล้ว
ในเบื้องต้นทางเจ้าที่ตำรวจพนักงานสอบสวนสน. ลาดพร้าว ได้มีการนัดหมายกลุ่มคู่กรณีพร้อมกับผู้เสียหายให้เข้ามาพบในวันที่ 11 มิถุนายน 67 ในช่วงเวลาประมาณบ่ายโมง ผกก.ลาดพร้าวยัน ผู้ร่วมก่อเหตุสวมกำไร EM รุมทำร้ายผู้หญิงอยู่ระหว่างตรวจสอบถูกดำเนินคดีในข้อหาใด
พ.ต.อ.ธนาพันธ์ ผดุงการ ผกก.สน.ลาดพร้าว เผยว่า หลังจากทราบเรื่องวันเกิดเหตุ สายตรวจได้มีการเข้าระงับเหตุทันที โดยทางผู้เสียหายได้มีการเดินทางเข้าแจ้งความในวันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา พร้อมหลักฐานกล้องวงจรปิดขณะเกิดเหตุ ซึ่งทางเจ้าที่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ในเบื้องต้นนั้นได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบบุคคลที่ปรากฏในภาพกล้องวงจรปิดว่าเป็นผู้ก่อเหตุทั้งหมด 6 คน โดยมีเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปีรวมด้วย ส่วนบุคคลอื่นๆที่ปรากฏที่ปรากฏอยู่ในภาพกล้องวงจรปิดมีการเดินทางไปที่เกิดเหตุด้วยก็จริงแต่ไม่ได้มีการร่วมกันทำร้าย
ส่วนกรณีที่ ผู้ก่อเหตุมีการสวมกำไร EM ที่ข้อเท้า นั้น ตนยืนยันว่าเป็นความจริง ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างตรวจสอบว่า บุคคลดังกล่าวโดนข้อหาคดีอะไร โดยในช่วงบ่ายวันนี้ทางตำรวจได้มีการนัดฝั่งผู้ก่อเหตุมาสอบปากคำพร้อมแจ้งข้อกล่าวหา โดยจะมีการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด
ส่วนทางด้านของเจ้าของห้องไม่ได้เป็นผู้ร่วมก่อเหตุ แต่ก็มีการเชิญตัวมาสอบปากคำซึ่งก็พบว่าเป็นเยาวชนอาจจะต้องประสานเรียกผู้ปกครองมาด้วย
สำหรับกรณีมาตรการการป้องกันทางตำรวจต้องมีการพูดคุยกับทางนิติบุคคลในพื้นที่ เพื่อหาทางออก เนื่องจากทั้งสองฝั่งได้พักอาศัยอยู่ที่เดียวกัน