หญิงวัย 60 จู่ ๆ หมดสติ ถูกหามส่ง รพ. หมอเฉลยสาเหตุ เพราะ “กล้วย” ที่กินทุกวัน แนะควรกินไปเกินกี่ลูกต่อสัปดาห์
เว็บไซต์ HK01 รายงานว่า แพทย์โรคไตในไต้หวันเล่าถึงผู้ป่วยหญิงวัย 60 ปี ถ่ายอุจจาระลำบาก เธอจึงกินกล้วยทุกวัน แต่จู่ ๆ เธอก็หมดสติและถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล และพบว่าหัวใจเต้นเพียง 42 ครั้งต่อนาที พร้อมเตือนว่าถึงแม้กล้วยจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็มีคนประเภทหนึ่งที่ไม่ควรกินกล้วยทุกวัน เพราะอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพถึงขั้นเสียชีวิตได้
หลิน ซวนเหริน นักไตวิทยาในไต้หวัน ได้โพสต์เล่าถึงเคสดังกล่าวบนแพลตฟอร์มโซเชียล โดยผู้ป่วยหญิงอายุประมาณ 60 ปี มีโรคความดันโลหิตสูงและโรคไต เนื่องจากเธอมีปัญหาในการถ่ายอุจจาระ เธอจึงกินกล้วยทุกวัน เพื่อช่วยในการถ่ายอุจจาระ
ผู้ป่วยหญิงรายนี้มีระดับโพแทสเซียมในเลือดประมาณ 5.3 mEq/L (ค่าปกติ คือ 3.5-5.0 mEq/L) ทุกครั้งที่เธอมาพบ เขาจะเตือนว่า “อย่ากินกล้วยมากนัก สัปดาห์ละลูกก็พอแล้ว”
แต่ผู้ป่วยหญิงไม่ฟังคำแนะนำจึงกินกล้วยต่อไปทุกวัน ส่งผลให้วันหนึ่ง ผู้ป่วยหญิงรายนี้โคม่าและถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลฉุกเฉิน การเต้นของหัวใจเพียง 42 ครั้งต่อนาที และผลการตรวจเลือดพบว่าระดับโพแทสเซียมในเลือดสูงถึง 7.2
เขาชี้ให้เห็นว่า “นี่เป็นตัวเลขที่เกินจริงมาก” โชคดีที่ผู้ป่วยหญิงรายนี้ฟื้นคืนสติหลังได้รับการปฐมพยาบาล
นพ.หลิน อธิบายว่า เมื่อความเข้มข้นของโพแทสเซียมในเลือดมากกว่า 5.5 mEq/L หรือที่เรียกว่า “ภาวะโพแทสเซียมสูง” หากถึงระดับนี้จะทำให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ และในกรณีที่รุนแรง ก็จะทำให้เกิดภาวะหัวใจห้องล่างเต้นผิดจังหวะ โดยปกติแล้วในสถานการณ์เช่นนี้การกระตุกหัวใจด้วยไฟฟ้า ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยได้
เขายังอ้างข้อมูลจากหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ว่า สำหรับคนทั่วไปการได้รับโพแทสเซียมจากอาหารที่ 2,000-3,000 mEq/L ต่อวัน หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งการกินกล้วยวันละ 5 ผล จะเกินมาตรฐาน
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ป่วยโรคไต กล้วยวันละ 1 ผล อาจทำให้เกิดภาวะโพแทสเซียมสูง และต้องได้รับการรักษาพยาบาลฉุกเฉิน จึงขอเตือนว่าอย่ากินกล้วยมากเกินไป “กล้วยอร่อย แต่ชีวิตมีค่ากว่า อย่าเสียชีวิตเพราะความตะกละ”