หญิงวัย 50 ปี ไม่สูบบุหรี่-ไม่ดื่มสุรา แต่เป็นมะเร็งตับอ่อนระยะสุดท้าย แพทย์ชี้สาเหตุจากการกินอาหาร 2 ชนิดมากเกินไป
นายแพทย์หลิน เสี่ยงหง หัวหน้าคลินิกสุขภาพเฮ่ยซินแห่งไต้หวัน ได้โพสต์เกี่ยวกับเคสของหญิงวัย 50 ปี ที่ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การสูบบุหรี่หรือการดื่มสุรา ไม่มีโรคเรื้อรัง และประวัติครอบครัวที่เกี่ยวข้อง
แต่ในช่วงเดือนที่ผ่านมาเธอรู้สึกไม่สบายท้อง และลดน้ำหนักไป 9 กิโลกรัม จากการส่องกล้องพบว่าเยื่อบุภายในกระเพาะมีรอยขีดข่วนเล็กน้อย ซึ่งคิดว่าไม่น่ามีอะไรร้ายแรง
แต่เมื่อตรวจสอบเพิ่มเติมด้วยอัลตราซาวด์และเอกซเรย์เพิ่มเติมพบว่ามีเงา 4 เซนติเมตรที่ตับอ่อน ซึ่งสงสัยว่าเป็นมะเร็งตับอ่อน
นายแพทย์หลิน เสี่ยงหง อธิบายว่า ตัวเลขการตรวจสอบระดับสารบ่งชี้มะเร็ง CA19-9 ของผู้หญิงรายนี้สูงถึง 200 กว่า ซึ่งเป็น 7 เท่าของค่าปกติ เนื้องอกขนาด 4 เซนติเมตร หมายถึงมะเร็งตับอ่อนอยู่ในระยะกลางถึงปลายแล้ว
และเนื่องจากเนื้องอกมีขนาดใหญ่และอยู่ใกล้กับหลอดเลือด หากไม่สามารถทำการผ่าตัดได้ ก็จำเป็นต้องเริ่มการรักษาด้วยเคมีบำบัดก่อน เพื่อหวังให้เนื้องอกมีขนาดเล็กลง
เขากล่าวเพิ่มเติมว่า เนื้องอกของหญิงรายนี้อาจเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่ 1 ปีที่แล้ว แต่ในขณะนั้นเธอเข้ารับการตรวจสุขภาพเบื้องต้นโดยบริษัท ซึ่งไม่พบปัญหา
หากเธอได้รับการตรวจสอบด้วยการส่องกล้องและการตรวจคัดกรองมะเร็งตับอ่อนที่แม่นยำในตอนนั้น ก็อาจจะสามารถพบได้ตั้งแต่ระยะที่ 1
และการรักษาต่อไปจะมีความแตกต่างอย่างมาก โดยเฉพาะในระยะเริ่มแรก การทำการผ่าตัดมะเร็งตับอ่อนสามารถเพิ่มอัตราการรอดชีวิต 5 ปีได้ถึง 80 เปอร์เซ็นต์
ส่วนสาเหตุที่หญิงสาวซึ่งไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มสุรา ไม่มีโรคเรื้อรังและประวัติครอบครัวที่เกี่ยวข้อง เป็นมะเร็งตับอ่อนนั้น นายแพทย์หลิน เสี่ยงหง เชื่อว่ามาจากการขาดการออกกำลังกาย และการบริโภคอาหารแปรรูปและเนื้อแดงมากเกินไป