หญิงวัย 50 แชร์ประสบการณ์เป็น “มะเร็ง” เพราะเข้าร้านทำเล็บ สังเกตเห็นความผิดปกติตั้งแต่ระยะที่ 1
ตามรายงานพบว่า ในปี ค.ศ.2021 “เกรซ การ์เซีย” หญิงวัย 50 ปี คุณแม่ลูกสาม ชาวเมืองซานเกเบรียล แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา พยายามจองคิวที่ร้านทำเล็บประจำ แต่เนื่องจากร้านคิวเต็มหมดแล้ว เธอจึงตัดสินใจลองเข้ารับบริการกับร้านอื่น สุดท้ายก็เลือกร้านที่อยู่ใกล้กับที่ทำงาน
เมื่อไปถึงช่างก็ดูแลเล็บมือของเธออย่างกระตือรือร้น อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นเกรซบอกว่านิ้วของเธอมีอาการเจ็บปวดมาก ดูเหมือนมีบาดแผลพุพองไม่หาย ซึ่งมัน “โตเหมือนหูด” จนคิดว่าบางทีช่างทำเล็บอาจจะใช้เครื่องมือทำเล็บต่อจากคนที่มีปัญหาสุขภาพมาก่อน แล้วนำมาใช่กับเธอโดยไม่ได้ทำความสะอาดฆ่าเชื้อให้ดี
เกรซสังเกตเห็นว่าบาดแผลไม่หายหลังจากผ่านไป 3 วัน เธอจึงกลับไปที่ร้านเสริมสวยเพื่อบ่นเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทางร้านก็บอกว่าช่างคนนั้นไม่ได้ทำงานที่นี่อีกต่อไปแล้ว “นั้นไม่ใช่แค่การตัดหนังกำพร้าธรรมดาเท่านั้น แต่ช่างกรีดลึกกว่านั้น และนั่นเป็นหนึ่งในครั้งแรกที่เกิดขึ้นกับฉัน”
เมื่อผ่านมานานถึง 3 เดือนหลังจากการทำเล็บครั้งนั้น แต่แผลพุพองใกล้เล็บของเธอก็ยังไม่ดีขึ้น ผิวบริเวณแผลมีสีเข้มกว่าผิวส่วนอื่นๆ และให้ความรู้สึกไม่ลื่นมือเมื่อสัมผัส เกรซจึงตัดสินใจไปโรงพยาบาล แต่กหลังจากไปพบแพทย์หลายครั้ง ซึ่งหนึ่งในนั้นต้องให้ยาปฏิชีวนะ ซึ่งไม่ได้ช่วยอะไร สุดท้ายก็ถูกส่งไปยังแผนกผิวหนังเพื่อทำการตรวจชิ้นเนื้อ
ต่อมาก็ได้รับโทรศัพท์จากแพทย์ผิวหนัง ที่แค่ฟังก็รู้สึกได้ถึงบางร้าย เกรซเดินทางไปโรงพยาบาลพบ ดร.โซเลย์มานี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิดหนัง เพื่อรับการแจ้งว่าเธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น “มะเร็งผิวหนัง” ระยะที่ 1 ที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสแปปพิลโลมาในมนุษย์ (HPV) คาดว่าการเล็บมือที่ร้านเสริมสวยเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดมะเร็ง ซึ่งเป็นกรณีที่ไม่ค่อยพบบ่อยนัก
เนื่องจากเกรซได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งระยะที่ 1 ถือเป็นเคราะห์ดีที่เธอสังเกตเห็นความผิดปกติบนร่างกายตัวเองแต่เนิ่นๆ และเข้ารับการตรวจได้ทันเวลา ทำให้สามารถรับการรักษาให้หายได้ โดยไม่ต้องพึ่งการฉายรังสี
โดย ดร.โซเลย์มานี กล่าวว่า “ผลลัพธ์ของการรักษาขึ้นอยู่กับว่าคุณตรวจพบพวกมันได้เร็วแค่ไหน และมักจะรักษาให้หายขาดได้… มันไม่เพียงแต่ช่วยให้เธอบรรลุผลการรักษาที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่อาจช่วยรอดพ้นจากการต้องตัดนิ้วได้ด้วย”
ทั้งนี้ ตามข้อกำหนดของสหรัฐอเมริกา ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ร้านทำเล็บจะต้องทำความสะอาดและฆ่าเชื้อเครื่องมือทั้งหมด หลังจากลูกค้าแต่ละรายใช้บริการเสร็จสิ้น