ผู้เสียหายถูกอดีตรองนายก อบจ.นครศรีธรรมราช ทำร้ายตามคดี กังขาบันทึกประจำวัน ขณะ ผบก.ยันทำคดีตรงไปตรงมาเรียกคู่กรณีมาแจ้ง 3 ข้อหาแล้ว

วันที่ 6 มิ.ย. 65 ที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช น.ส.ณัฐิยา เจ้าหน้าที่อัตราจ้างกองการกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้เสียหายคดีถูกทำร้ายร่างกายในห้องทำงานของว่าที่ร้อยโทยุทธการ อดีตรองนายกอบจ.นครศรีธรรมราช จากนั้นเดินทางเข้าร้องเรียนกับ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตำรวจแห่งชาติ โดยแจ้งความไว้เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 65 ที่ผ่านมา

ล่าสุด น.ส.ณัฐิยา พร้อมครอบครัวและญาติรวมทั้งเพื่อนบ้าน เข้าพบ พ.ต.ท.สมเชิญ ทองใหญ่ รอง ผกก.หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.เมืองฯ เพื่อติดตามคดีหลังมีข้อกังวลในสาระสำคัญของเอกสารหลักฐาน และระบุว่า ได้ความวันที่ 26 พ.ค.65 เรียกสอบเพิ่มเติม 27 พ.ค. 65 แต่เมื่อจะขอสำเนาบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานกลับไม่ได้ อ้างว่าหายไป เมื่อมีหนังสือเรียกสอบปากคำเพิ่มเติมและนำชี้ที่เกิดเหตุ ปรากฏว่ามีการลงบันทึกประจำวันในวันที่ 30 พ.ค. 65 ซึ่งเวลาคลาดเคลื่อน

ขณะที่การดำเนินคดีนั้นมีรายงานว่า พ.ต.ท.วิรัตน์ แท่นทอง สว.(สอบสวน) สภ.เมือง เจ้าของคดีนี้ ได้ออกหมายเรียกตัวผู้ต้องหาคือว่าที่ร้อยโทยุทธการ ซึ่งยังมีตำแหน่งเป็นนายกสมาคมกีฬาจังหวัดนครศรีธรรมราช และเป็นอดีตรองนายก อบจ.นครศรีธรรมราช ไปแล้ว โดยว่าที่ร้อยโทยุทธการ พร้อมทนายความได้เข้ารายงานตัวกับพนักงานสอบสวนและรับทราบข้อกล่าวหาแล้วเมื่อวานนี้ 5 มิ.ย.65

จากการสอบถามตำรวจได้แจ้งว่าที่ร้อยโทยุทธการ รวม 3 ข้อหา คือ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส จากอาการกระดูกจมูกหัก ศีรษะกระทบกระเทือนบาดเจ็บต้องรักษาตัวเกินกว่า 2 เดือน กักขังหน่วงเหนี่ยวและขืนใจผู้อื่น ขณะว่าที่ร้อยโทยุทธการ ให้การปฏิเสธ และวันพรุ่งนี้ (7มิ.ย.) พนักงานสอบสวนได้นัดหมายผู้ต้องหาเพื่อนำส่งศาลทำการผลัดฟ้องฝากขังเป็นผลัดแรก โดยพนักงานสอบสวนได้ทำคำร้องคัดค้านการประกันตัว ขณะผู้เสียหายก็จะยื่นคำร้องคัดค้านการประกันตัวเช่นกัน

สำหรับคดีนี้ พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ได้มาติดตามคดีด้วยตัวเอง พร้อมทั้งสั่งกำชับให้ พ.ต.อ.นัษฐวุฒิ ทองทิพย์ ผกก.สภ.เมือง ควบคุมการดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา ส่วนกรณีบันทึกประจำวันที่ผู้เสียหายกังวลว่าหายไปนั้น ยืนยันว่าไม่ได้สูญหายแต่อย่างใด และพร้อมให้ผู้เสียหายคัดสำเนาได้ แต่ด้วยระเบียบปฏิบัติใหม่นั้นขอให้ผู้เสียหายทำหนังสือมาเพื่อขอคัดสำเนาอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งทางฝ่ายผู้เสียหายเข้าใจแล้ว