หญิงปวดท้อง 1 ปี ช็อกพบก้อนเนื้อ 18 ซม. มีผม-เล็บ หมอเผยไม่ได้โดนคุณไสย

Home » หญิงปวดท้อง 1 ปี ช็อกพบก้อนเนื้อ 18 ซม. มีผม-เล็บ หมอเผยไม่ได้โดนคุณไสย



หญิงวัย 35 ปีปวดท้องนาน 1 ปี ช็อกพบก้อนเนื้อ 18 ซม. มีผม-เล็บ เต็มรังไข่ หมอเผยไม่ได้โดนคุณไสย

นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์โพสต์กรณีศึกษาสาระสุขภาพยามเช้าวันหยุดสุดสัปดาห์ของคนไข้รายหนึ่งผ่านเพจเฟซบุ๊ก Arak Wongworachat มีอาการปวดท้องมานานกว่า 1 ปี ก่อนช็อกหนักเมื่อผ่าตัดช่องท้องพบก้อนเนื้อรังไข่ขนาดใหญ่ถึง 18 เซนติเมตร แถมยังพบชิ้นส่วน เส้นผม, หนังศีรษะ, เล็บ, ฟัน, กระดูก และไขมันในก้อนเนื้ออีกต่างหาก

กรณีตัวอย่างผู้ป่วยหญิง อายุประมาณ 35 ปี ยังไม่หมดประจำเดือน มีการเผยประวัติว่า ปวดถ่วงท้องน้อยมานานกว่า 1 ปี ประจำเดือนมาบ้าง หยุดเว้นไปบ้าง หลายเดือน แต่ตอนมีประจำเดือน ปวดท้องมากขึ้นโดยไม่คิดว่าผิดปกติอะไร ต่อมาระยะหลังรู้สึกได้ว่ามีอาการปัสสาวะบ่อยขึ้น ท้องผูก ปวดถ่วงท้องน้อยตลอดเวลา แต่เวลานั่งจะดีขึ้น ดังนั้นจึงซื้อยากินเองพอบรรเทา

ภาพจาก Arak Wongworachat

จนกระทั่งวันหนึ่ง ขณะทำงานบ้าน ผู้ป่วยปวดท้องทันทีทันใด จึงตัดสินใจไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ แพทย์เวรตรวจร่างกายเบื้องต้น สงสัยเนื้องอกในอุ้งเชิงกรานส่งอัลตราซาวด์ช่องท้อง รังสีแพทย์อ่านผลว่าเป็นก้อนเนื้อในช่องท้องส่วนล่าง มีส่วนที่เป็นของเหลวผสมปนกัน จึงส่งปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสูตินรีเวช รับผู้ป่วยนอนในโรงพยาบาล วางแผนการรักษาด้วยการผ่าตัดทันที

หลังผ่าตัด พบก้อนเนื้อรังไข่ขนาดใหญ่ประมาณ 18 เซนติเมตร 1 ข้าง เริ่มมีขั้วบิดพันกัน 1 รอบ แต่ก้อนเนื้อยังไม่มีภาวะขาดเลือดมาเลี้ยง จึงได้ตัดก้อนเนื้อออก นอกจากนั้นรังไข่อีกข้าง พบเป็นเนื้องอกไม่ใหญ่มาก จึงได้ตัดออกไปด้วย เหลือเนื้อเยื่อรังไข่ไว้บางส่วนเพื่อให้ยังคงผลิตฮอร์โมนได้

ภาพจาก Arak Wongworachat

ที่สำคัญ เมื่อผ่าก้อนชิ้นเนื้อ พบเส้นผมเป็นกระจุกปนกับชิ้นส่วนเล็บ หนังศีรษะ กระดูก ไขมันอยู่เต็มก้อน ส่วนสาเหตุที่เกิดการท้องผูก เพราะก้อนเนื้อในอุ้งเชิงกรานมีขนาดใหญ่ ทำให้ไปกดทับลำไส้ใหญ่ กดทับกระเพาปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะบ่อย

ดังนั้น นพ.อารักษ์แนะนำว่า หากมีอาการผิดปกติเช่นนี้ไม่ควรละเลย รีบปรึกษาแพทย์ ปล่อยทิ้งไว้เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ถุงน้ำบิดขั้วจนขาดเลือดไปเลี้ยง ส่งผลให้รังไข่เน่า ถุงน้ำแตก รั่ว ติดเชื้อรุนแรงตามมา อันตรายมากขึ้น และมีโอกาสพัฒนาเป็นมะเร็งมีน้อยเพียง 1% เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ก้อนเนื้อชนิดนี้เรียกชื่อทางการแพทย์ว่า เดอร์มอยด์ซีสต์ เป็นความผิดปกติที่เซลล์ต้นกำเนิดเจริญเติบโตอยู่ผิดที่ แทนที่จะพัฒนาเป็นเซลล์ผิวหนัง กลับมาเจริญในรังไข่ตั้งแต่เกิด เจริญเติบโตเรื่อยมาจนมีขนาดใหญ่แสดงอาการดังกล่าวมาข้างต้น ไม่ใช่ไสยศาสตร์แต่อย่างใด

ซึ่งเดอร์มอยด์ซีสต์มักไม่ค่อยแสดงอาการชี้ชัด แต่ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมาพบแพทย์ด้วยอาการ ดังต่อไปนี้ ปวดท้องน้อยข้างใดข้างหนึ่งหรือทั่วท้อง ท้องผูก ปัสสาวะบ่อย ๆ หน้าท้องหนาผิดปกติ คลำพบก้อนในช่องท้อง บางรายอาจมีอาการปวดประจำเดือนหรือประจำเดือนมามากบ่อย ๆ มาผิดปกติ

พร้องทั้งเผยข้อแนะนำการตรวจอัลตราซาวด์ในช่องท้อง ไม่ใช้รังสี ตรวจง่าย รู้ผลเร็ว ไม่เจ็บตัว ไม่ต้องงดอาหาร แพทย์ทั่วไปก็สามารถตรวจคัดกรอง วินิจฉัยโรคได้ หากมีความผิดปกติของร่างกายต่อเนื่อง ควรปรึกษาแพทย์

ขอบคุณที่มาจาก Arak Wongworachat

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ