ลูกสาวนอนป่วยหนักให้แม่ดูแลมานานกว่า 20 ปี พี่สาวรับดูแลต่อหลังแม่ตาย เจอภาพช็อก จู่ๆ น้องลุกขึ้นมานั่งได้เอง
ความเจ็บป่วยร้ายแรงอาจทำให้ทั้งครอบครัวตกอยู่ในภาวะคับขัน ทำให้พ่อแม่สูงอายุต้องดูแลลูกวัยรุ่นของตนอย่างขยันขันแข็ง แต่ถ้าความเจ็บป่วยนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของความจริงล่ะ?
กุ้ยอัน (นามสมมุติ) หญิงสาวชาวจีนรายหนึ่ง เกิดในครอบครัวที่มีลูก 7 คน เธอเป็นลูกคนสุดท้องและเป็นลูกสุดที่รักของพ่อแม่ด้วย แม้ว่าเธอจะมีพื้นฐานครอบครัวที่ยากจน แต่กุ้ยอันก็ยังได้รับการดูแลอย่างดีจากพ่อแม่เสมอ โดยที่เธอไม่ต้องทำงานบ้านเลย พี่น้องในครอบครัวมักไม่พอใจเพราะพ่อแม่เข้าข้างน้องสาวคนสุดท้อง
เมื่ออายุได้ 15 ปี กุ้ยอันและพี่ชายคนโตมีปัญหาขัดแย้งกันที่บ้าน พี่ชายตบหน้าน้องสาวคนสุดท้องด้วยความโกรธ เธอนอนอยู่บนพื้น ร้องไห้และกรีดร้องไม่หยุด แม่ที่อยู่ด้านบนบ้านรีบช่วยลูกสาวของเธอให้ลุกขึ้น แต่เธอไม่ยอมลุกขึ้นจนกว่าพี่ชายของเธอจะขอโทษ
ไม่กี่วันต่อมา กุ้ยอันตื่นขึ้นมาและพบว่าร่างกายของเธอไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ทั้งหมด มีเพียงศีรษะเท่านั้นที่ขยับและได้แต่ร้องไห้หาแม่ของเธอ
แม่ตกใจรีบพาลูกสาวไปตรวจที่โรงพยาบาล แพทย์ไม่สามารถอธิบายสาเหตุได้และไม่พบปัญหาสุขภาพใดๆ ลูกสาวจึงถูกส่งกลับบ้านอีกครั้ง แม่ก็อยากพาลูกไปตรวจที่โรงพยาบาลใหญ่ๆ ด้วย แต่ด้วยฐานะทางครอบครัวที่ยากจน เพราะต้องเลี้ยง 9 ปาก จึงลังเลและหยุดการรักษาเธอไว้เพียงแค่นั้น
ในอีก 20 ปีข้างหน้า กุ้ยอันยังคงเป็นศูนย์กลางของความสนใจสำหรับทั้งครอบครัว เธอล้มหมอนนอนเสื่อโดยได้รับการดูแลจากพ่อแม่และพี่น้องของเธอตั้งแต่วันที่เธอนอนนิ่ง โดยมีแม่ที่แก่ชราทำกับข้าว เช็ดตัว และนวดตัวให้ลูกสาวทุกวัน
ในปี 2550 แม่ของเธอเสียชีวิตเมื่ออายุ 73 ปี ก่อนเสียชีวิต แม่ยังสั่งให้ลูกสาวคนที่ 3 ดูแลลูกสาวคนเล็กด้วย และ กุ้ยหลิน (นามสมมุติ) ซึ่งมีครอบครัวที่ดี ใจดีและรักแม่มาก ได้รับปากทำตามคำสั่งเสียของแม่ ซึ่งในตอนนี้เองความจริงของเรื่องก็ค่อยๆ เปิดเผย
กุ้ยหลินพาน้องสาวกลับบ้านและดูแลเธออย่างดี ในทุกๆ วันเธอใช้เวลาพูดคุยกับน้องสาวที่ป่วยของเธอ
จนกระทั่งปี 2552 ลูกสาวของกุ้ยหลินก็เกิดตื่นตระหนก และเล่าเรื่องที่เห็นร่างประหลาดเดินไปมาในห้องของน้า เมื่อสงสัยว่ามีผู้บุกรุกในบ้าน กุ้ยหลินกลับบ้านเพื่อตรวจสอบเพียงเพื่อพบน้องสาวของเธอนอนหลับอย่างสงบบนเตียง เมื่อถูกถามว่าเห็นใครเข้ามาในบ้านหรือไม่ กุ้ยอันตอบเพียงว่าเธอหลับสนิท จึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ไม่กี่วันต่อมา กุ้ยหลินก็เห็นร่างที่คล้ายกันเดินไปรอบๆ ห้อง ด้วยตาของเธอเอง เหตุการณ์แปลกประหลาดที่เกิดขึ้นซ้ำๆ เป็นเวลาหลายสัปดาห์ทำให้เธอกังวลใจ และกุ้ยหลินตัดสินใจติดตั้งกล้องในห้องน้องสาวของเธอเพื่อค้นหาความจริง
เมื่อมาถึงจุดนี้ เธอตื่นตระหนกและตระหนักว่าทุกวันเมื่อเธอไม่อยู่ น้องสาวของเธอจะลุกขึ้นนั่งคนเดียว พึมพำภาษาแปลกๆ ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีคนกลับบ้าน กุ้ยหลินถามน้องสาวของเธอเกี่ยวกับการกระทำนี้ แต่น้องสาวร้องไห้และบอกว่าเธอไม่รู้อะไรเลย ผู้เป็นพี่สาวตัดสินใจรีบพาน้องสาวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล
แพทย์ยืนยันว่าร่างกายของกุ้ยอันไม่มีอาการอัมพาต เธอเพียงแต่มีอาการกล้ามเนื้อลีบเนื่องจากไม่ได้ใช้งานมาหลายปี แต่ปัญหาใหญ่ที่สุดของผู้หญิงคนนี้อยู่ที่อาการป่วยทางจิตที่เรียกว่า ฮิสทีเรีย ซึ่งมักเกิดจากความวิตกกังวลมากเกินไป ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ และมักเป็นผลจากความขัดแย้งภายในจิตใจที่ถูกกักขัง
ในกรณีของกุ้ยอัน โรคนี้แสดงออกด้วยการกรีดร้องและดิ้นรนเพียงเพื่อให้คนอื่นสนใจ กระทั่งเกิดภาพหลอนและคิดว่าเธอเป็นอัมพาต พฤติกรรมนี้ดำเนินไปอย่างยาวนานจนไม่สามารถแยกแยะเรื่องจริงเรื่องปลอมออกจากกันได้
แพทย์ทำการรักษากุ้ยอันเป็นเวลา 2-3 วัน และหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็สามารถลุกขึ้นและเดินไปรอบๆ ห้องได้ ทั้งครอบครัวประหลาดใจกับความคืบหน้านี้
หลายคนเชื่อว่าเมื่อกุ้ยอันยังเด็ก เธอเคยชินกับการเอาอกเอาใจจนกล่ยเป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง เมื่อพี่ชายตบเธอ เธอจึงเลือกที่จะแสร้งเป็นอัมพาตเพื่อล้างแค้นพี่ชาย และเรียกร้องความสนใจจากแม่ ละครบทนี้กินเวลาถึง 20 ปี จนถึงจุดที่เธอบงการจิตใจของเธอเอง
เรื่องราวแปลกประหลาดของกุ้ยอันทำให้หลายคนต่างรู็สึกสลด น่าเสียดายสำหรับผู้หญิงที่ไม่ได้รับการดูแลทางการแพทย์เร็วนี้ จนกระทั่งสูญเสียความเป็นหนุ่มสาว และน่าเสียดายที่แม่ที่ทำงานหนักของเธอไม่สามารถเห็นลูกสาวของเธอฟื้นตัวได้หลังจากดูแลมา 20 ปี