ส.จักรยาน เตรียมจัดศึกใหญ่ระดับนานาชาติ หวังนักปั่นไทยเก็บแต้มลุยโอลิมปิก

Home » ส.จักรยาน เตรียมจัดศึกใหญ่ระดับนานาชาติ หวังนักปั่นไทยเก็บแต้มลุยโอลิมปิก


ส.จักรยาน เตรียมจัดศึกใหญ่ระดับนานาชาติ หวังนักปั่นไทยเก็บแต้มลุยโอลิมปิก

สมาคมจักรยาน เผยแผนยุทธศาสตร์จัดการแข่งขันขันรายการนานาชาติเพื่อเก็บคะแนนสะสมไปโอลิมปิกเกมส์ 2024 ประเดิมด้วยศึกจักรยานถนนทางไกลนานาชาติ “ทัวร์ ออฟ ไทยแลนด์ 2023” ในช่วงเดือนเมษายนนี้

“เสธ.หมึก” พลเอกเดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เผยแผนงานในปี 2566 ที่สมาคมกีฬาจักรยานฯ ได้กำหนดยุทธศาสตร์ไว้ นอกเหนือจากการจัดแข่งขันจักรยานชิงแชมป์ประเทศไทยประเภทต่าง ๆ รวม 28 สนาม สมาคมฯ ยังวางแผนจัดการแข่งขันรายการระดับนานาชาติหลายรายการ เพื่อเป้าหมายให้นักปั่นไทยได้มีโอกาสเก็บคะแนนสะสมคัดเลือกไปโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส รวมไปถึงการแข่งขันจักรยานชิงแชมป์ประเทศไทย ที่สมาคมฯ ได้ลงทะเบียนกับสหพันธ์จักรยานนานาชาติ (ยูซีไอ) ให้เป็นการแข่งขันรายการระดับนานาชาติ ทั้งประเภทเสือภูเขา บีเอ็มเอ็กซ์ และถนน โดยแต่ละรายการจะมีนักปั่นจากประเทศต่าง ๆ เข้าร่วมแข่งขันด้วย เนื่องจากมีคะแนนสะสมโอลิมปิกเช่นกัน

พลเอกเดชา กล่าวว่า สำหรับการแข่งขันระดับนานาชาติรายการแรกคือการแข่งขันจักรยานทางไกลนานาชาติ “ทัวร์ ออฟ ไทยแลนด์ 2023” ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ครั้งที่ 25 ระหว่างวันที่ 1-10 เมษายน 2565 เส้นทางจากภาคตะวันตกสู่ภาคตะวันออก ซึ่งสมาคมฯ ได้ลงทะเบียนกับ ยูซีไอ ในระดับ 2.1 โดยประเภททีมชายแข่งขันระหว่างวันที่ 1-6 เมษายน 2566 เริ่มจากจังหวัดกาญจนบุรี-สุพรรณบุรี-อ่างทอง-พระนครศรีอยุธยา-ลพบุรี-สระบุรี-นครราชสีมา-ปราจีนบุรี-สระแก้ว-จันทบุรี และสิ้นสุดที่จังหวัดระยอง ระยะทางรวม 1,035.50 กม. ส่วนประเภททีมหญิงแข่งขันระหว่างวันที่ 8-10 เมษายน 2566 เส้นทางภายในจังหวัดระยอง ระยะทางรวม 213.20 กม. รวมระยะทางทั้งสิ้น 1,248.70 กม.

“การแข่งขันจักรยานทางไกลนานาชาติ ทัวร์ ออฟ ไทยแลนด์ 2023 ได้รับความสนใจจากทีมต่าง ๆ ทั่วโลก ล่าสุด มีทีมระดับอาชีพแสดงความจำนงเข้าร่วมการแข่งขันมากกว่า 20 ทีมแล้ว ทั้งจากทวีปยุโรป อเมริกา และเอเชีย แต่ทั้งนี้สมาคมกีฬาจักรยานฯ จะเน้นเชิญทีมจากทวีปเอเชียเป็นหลัก เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียมาเที่ยวเมืองไทยเพิ่มมากขึ้นหลังวิกฤติการณ์โรคไวรัสโควิด-19 คลี่คลายลงไป อาทิ ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, จีน, มาเลเซีย, ไต้หวัน, ฮ่องกง เป็นต้น โดยประเภทชายมีทีมจากประเทศไทยเป็นทีมยืนอยู่แล้ว 4 ทีม ประกอบด้วย ทีมอาชีพ 3 ทีม คือ ไทยแลนด์ คอนติเนนตัล ไซคลิง ทีม, ทีมรู้ใจดอทคอม, ทีมแกรนท์ ธอร์นตัน และทีมชาติไทยอีก 1 ทีม ส่วนประเภทหญิงมีทีมอาชีพ 1 ทีม คือ ไทยแลนด์ วีเมนส์ ไซคลิง ทีม และทีมชาติไทยอีก 1 ทีม” พลเอกเดชา กล่าว

“เสธ.หมึก” กล่าวอีกว่า สมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทยฯ ยังได้รับการคัดเลือกจากสมาพันธ์จักรยานแห่งเอเชีย (เอซีซี) ให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันจักรยานประเภทถนนชิงแชมป์เอเชีย 2023 ระหว่างวันที่ 7-13 มิถุนายน 2566 โดยใช้เส้นทางรอบอ่างเก็บน้ำดอกกราย จังหวัดระยอง เป็นสถานที่จัดการแข่งขัน คาดว่าบรรดาชาติสมาชิกของ เอซีซี ทั้งหมด 42 ชาติ จะส่งนักปั่นมาร่วมแข่งขันไม่ต่ำกว่า 300 คน เพราะเป็นรายการสำคัญที่นอกจากนักปั่นเอเชียจะได้สะสมคะแนนเพื่อคัดเลือกไปโอลิมปิกเกมส์แล้ว นักกีฬาที่ได้อันดับ 1 และ 2 ในการแข่งขันรายการโรดเรซ รุ่นประชาชนชาย และประชาชนหญิง จะได้รับสิทธิ์ไปแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2024 “ปารีสเกมส์” โดยอัตโนมัติ นอกจากนี้นักปั่นที่ได้อันดับอื่น ๆ ก็จะได้คะแนนสะสมลดหลั่นกันลงไป รวมทั้งจะได้คะแนนสะสมของประเทศอีกด้วย

นายกสองล้อไทย เจ้าของฉายาที่สื่อกีฬาตั้งให้ล่าสุดว่า “หมึกติดเทอร์โบ” กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้สมาคมกีฬาจักรยานฯ กำหนดจัดการแข่งขันจักรยานประเภทลู่นานาชาติ รายการ “แทร็ก เอเชีย คัพ 2023” และรายการฉลองครบรอบ 64 ปี สมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ระหว่างวันที่ 27-31 กรกฎาคม ที่เวโลโดรม สนามกีฬาแห่งที่ 2 โรงเรียนกีฬาจังหวัดสุพรรณบุรี โดยได้ลงทะเบียนอยู่ในฏิทินของสหพันธ์จักรยานนานาชาติ (ยูซีไอ) ในระดับคลาส 2 ซึ่งปีที่ผ่านมาได้รับความสนใจจากชาติต่าง ๆ ส่งนักกีฬามาร่วมการแข่งขันจำนวนมาก อาทิ มาเลเซีย, เกาหลีใต้, ไต้หวัน, คาซัคสถาน, อิหร่าน, ญี่ปุ่น, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์ เป็นต้น นอกจากจะเป็นการเก็บคะแนนสะสมไปโอลิมปิกเกมส์ 2024 แล้ว ยังช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจภายในจังหวัดให้มีความคึกคัก และส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดสุพรรณบุรีได้อีกทางหนึ่งด้วย

พลเอกเดชา เปิดเผยอีกว่า ส่วนการแข่งขันชิงแชมป์ประเทศไทยที่สมาคมกีฬาจักรยานฯ ได้ลงทะเบียนกับ ยูซีไอ ให้เป็นรายการระดับนานาชาติ ประเดิมด้วยการแข่งขันจักรยานประเภทถนนชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์ภูมิพล” ประจำปี 2566 สนามที่ 1 วันที่ 27-29 มกราคม 2566 อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งสมาคมฯ ลงทะเบียนกับ ยูซีไอ ให้การแข่งขันรายการไทม์ไทรอัล และรายการโรดเรซ เป็นการแข่งขันระดับนานาชาติ CN โดยนักกีฬาที่ชนะเลิศการแข่งขันในรุ่นประชาชนชาย-หญิง จะได้สิทธิ์สวมเสื้อสีขาวที่มีลายธงชาติไทย ตามระเบียบของ ยูซีไอ ไปแข่งขันรายการต่าง ๆ ในฤดูกาล 2024 ที่ ยูซีไอ รับรองได้ทั่วโลก

“สำหรับการแข่งขันจักรยานประเภทเสือภูเขาชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประจำปี 2566 สมาคมกีฬาจักรยานฯ ได้ลงทะเบียนกับ ยูซีไอ รายการครอสคันทรี่ ให้เป็นการแข่งขันระดับนานาชาติ C1 จำนวน 2 สนาม ประกอบด้วย สนามที่ 3 วันที่ 2 มีนาคม 2566 ที่อำเภอสากเหล็ก จังหวัดพิจิตร และสนามที่ 5 วันที่ 25 พฤษภาคม 2566 ที่อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี ซึ่งการแข่งขันระดับ C1 จะมีคะแนนสะสมโอลิมปิก 2024 ที่สูงกว่าระดับ CN โดยจะมีนักกีฬาจากต่างประเทศเดินทางมาร่วมแข่งขันเป็นจำนวนมาก จะช่วยทำให้เศรษฐกิจเฟื่องฟู สร้างรายได้ให้แก่ชุมชน และส่งเสริมการท่องเที่ยวให้มีความคึกคัก” นายกสองล้อไทย กล่าว

พลเอกเดชา กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะเดียวกันการแข่งขันจักรยานประเภทบีเอ็มเอ็กซ์ ชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2566 ได้ลงทะเบียนกับยูซีไอ ให้เป็นการแข่งขันระดับ C1 จำนวน 3 สนาม ประกอบด้วย สนามที่ 1 วันที่ 4-5 กุมภาพันธ์ 2566, สนามที่ 2 วันที่ 18-19 มีนาคม 2566, สนามที่ 4 วันที่ 8-9 กรกฎาคม 2566 และยังได้ลงทะเบียนในระดับ CN อีก 1 สนาม คือสนามที่ 3 วันที่ 1-2 กรกฎาคม 256 โดยทุกสนามจะทำการแข่งขันที่สวนกีฬากมล ถนนสุวินทวงศ์ เขตหนองจอก กทม. ของเอฟบีที

“จะเห็นได้ว่าสมาคมกีฬาจักรยานฯ ทำงานกันตลอดทั้งปีโดยไม่เคยหยุดนิ่ง แม้กระทั่งเทศกาลปีใหม่ก็ไม่เคยหยุดพัก โดยมีเป้าหมายเพื่อให้นักปั่นไทยเก็บคะแนนสะสมไปโอลิมปิกเกมส์ 2024 ให้ได้มากที่สุด อีกทั้งจะเป็นการพัฒนาศักยภาพของนักกีฬาจักรยานของไทยให้มีความก้าวหน้ายืนหนึ่งหัวแถวของทวีปเอเชีย นอกจากนี้ในส่วนของนักกีฬาจักรยานทีมชาติไทย ทั้งประเภทถนน ประเภทเสือภูเขา และประเภทลู่ ก็เข้าแค้มป์เก็บตัวฝึกซ้อมอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเตรียมตัวเข้าแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่ประเทศกัมพูชา และกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่นครหางโจว ประเทศจีน โดยไม่มีการหยุดพักช่วงปีใหม่ ก็ขอฝากถึงพี่น้องชาวไทยทุกท่านช่วยติดตามผลงานของสมาคมกีฬาจักรยานฯ และส่งกำลังใจให้นักกีฬาทีมชาติไทยด้วย พวกเราทุ่มเททำงานเพื่อสร้างผลงานให้แก่ประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมาสมาคมกีฬาจักรยานฯ ไม่เคยทำให้พี่น้องชาวไทยผิดหวัง” พลเอกเดชา กล่าว

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ