อดีตนางงามและนางร้ายแถวหน้าของเมืองไทย สุ่ย พรนภา ที่วันนี้ควงสามีหนุ่มนักธุรกิจรุ่นใหญ่ คุณบูรพากรณ์ มาเปิดใจเป็นครั้งแรกถึงเส้นทางความรักกว่า 9 ปี ของอดีตสายปาร์ตี้ที่โคจรมาเจอกัน ผ่านทางรายการคุยแซ่บ Show ทางช่อง วัน31 ที่มี ธัญญ่า ธัญญาเรศ และ หนิง ปณิตา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
ทั้งคู่เจอกันได้ยังไง?
สุ่ย : Wจริงๆ เขาเห็นพี่สุ่ยมานานมากแล้ว ตามสถานที่เที่ยว แต่ว่าเราไม่รู้เรื่องหรอก แล้วพอมาถึงช่วงอายุหนึ่ง พอเราคิดว่าเราพอแล้ว หยุดอยู่กับที่ 30 กว่าแล้ว เมื่อก่อนเป็นสาวเปรี้ยว แล้วพอเราหยุดปุ๊บอยู่ดีๆ ก็มีเพื่อนมาแนะนำให้รู้จักเขา เราก็ไม่รู้หรอกว่าเขาเป็นใคร เพื่อนบอกว่ามีคนอยากรู้จัก ถามว่ารู้จักไหม เราบอกไม่รู้จัก อะไรเขารู้จักกันทั่ววงการ เราก็ไม่รู้จัก แล้ววันดีคืนดีเขาก็โทรมาหา คุยกันนู่น นั่นนี่ แต่ก็ไม่เคยเจอหน้า ยังจำหน้าไม่ได้ ผ่านไปสัก 2-3 อาทิตย์ เราเล่นโยคะอยู่ ทีนี้มีสายตาคู่นึงมาส่องอยู่ที่ประตู พอเงยหน้าขึ้นมาก็เจอสายตาคู่นึง ตาเหมือนคนญี่ปุ่นเลย แล้วเขาก็หายไปเลย พอเราเล่นโยคะเสร็จเราก็โทรไป พี่ๆ เมื่อกี้พี่มาหรือเปล่า แล้วคำแรกที่เขาพูดเลย ล้างรถหน่อยนะ แรงอะ คือสมัยก่อนเป็นคนที่วิ่งงานเยอะมาก แล้วเวลาล้างรถก็น้อย แล้วรถสีดำด้วย เราก็แบบ อุ้ย…มาจริงด้วย”
รู้ว่าเล่นโยคะ แล้วพี่ไปอยู่ตรงลานจอดรถได้ยังไง?
จัง : “บังเอิญวันนั้นมีประชุมที่ไม่ไกลจากตรงนั้นเท่าไหร่ คุยโทรศัพท์กับเขา เขาบอกว่าจะไปเล่นโยคะ แถวถนนสุโขทัย ก็เลยบอกคนรถว่ารู้จักที่นี่ไหม เราก็บอกแวะไปนิดนึงก็แล้วกัน เนื่องจากว่าไม่เห็นมาหลายปีแล้ว ก็เลยต้องแวะไปดูสักนิดนึง เขาเองก็โชคดีด้วย พร็อพเขาดี คนที่อยู่รอบตัวเขาอายุ 60 อัพหมดเลย ก็เลยค่อนข้างโอเค”
แล้วพี่ไปเห็นรถเขาได้ยังไง?
จัง : “รู้ว่าเขาขับรถอะไร แล้วพอดีจอดอยู่ลานจอดรถ แล้วรถเขาสีดำด้วยไง รักจะขับรถสีดำแต่ไม่ค่อยสะอาด ก็เลยเตือนเขานิดนึง”
พี่รู้อยู่แล้วว่าพี่สุ่ยเป็นดารา เป็นนางงาม?
จัง : “รู้ครับ เพราะเคยเห็นงาน”
ไปเจอกันที่ไหน?
จัง : “เจอกันที่เที่ยวกลางคืน พี่ชอบคนดูแลตัวเองดี เห็นแล้วก็ชอบนะ ผู้หญิงใส่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ วันนั้นเห็นก็เลยชมกับเพื่อนว่าคนนี้ใคร ดูดีนะ อะไรประมาณนี้ แล้วมีช่วงนึงที่ได้มาคุยกับเพื่อนคนนี้อีกที เขาบอกว่าจำได้ไหมที่เคยถามถึงผู้หญิงคนนี้ ช่วงนี้เจอน้องเขาบ่อย ยังอยากรู้จักเขาอยู่หรือเปล่า อย่างที่ทราบกันผมเคยมีครอบครัวแล้ว แต่ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผมอยู่คนเดียว เพื่อนก็กลัวผมเหงา เอาไหมเดี๋ยวขะแนะนำให้ ก็เลยได้คุยกัน”
ก็คือโสดด้วยกันทั้งคู่แหละ?
สุ่ย : “ถูก ในจังหวะที่เราหยุดแล้วไง แล้วพี่จังก็อยู่ในโลกส่วนตัวเขามานานแล้ว พอเป็นจังหวะที่เราคลิกปุ๊บ คุยกันรู้เรื่อง แก่แล้วอะ มาเจอกันก็ 38 แล้ว เพราะฉะนั้นพอมันคุยแล้วมันลงตัวปุ๊บมันไม่ต้องมีอะไรยาก ต่างคนก็ผ่านโลกกันมาเยอะแล้ว เพราะฉะนั้นอะไรที่มันไม่ใช่ก็ไม่เอาเลย แต่พอคุยไปคุยมามันคลิก มันรู้เรื่อง ไม่ต้องพูดอะไรกันเยอะ เขาก็มีตำหนิเป็นพ่อหม้าย ส่วนเราเองก็เป็นคนสบายๆ แต่สิ่งที่ทำให้รู้สึกว่าเขาโอเคพอที่จะลงหลักปักฐานด้วยได้คือเขาเป็นคนที่รักลูกมาก ก่อนหน้านั้นเขามีลูกอยู่แล้ว เราก็รู้ แต่เราก็ไม่ได้กะว่ามีอะไรกับเขา มีลูกกับเขา ก็คือสบายๆ อยู่แล้ว แต่ดันมีลูกมา แล้วทุกอย่างมันก็ดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะว่าเราเองก็ไม่คิดว่าจะเลี้ยงลูกได้ เขาก็ช่วย ส่วนลูกของเขาเอง เขาก็โอเคกับเรา แล้วก็โอเคกับเคนโซ่ด้วย ทุกอย่างมันลงล็อกดีหมดเลย”
ย้อนไปก่อนคบกัน พี่สุ่ยเป็นสาวเปรี้ยว ทางพี่จังเองก็ผ่านการมีครอบครัวมาแล้ว รู้สึกหวั่นบ้างไหมว่าสาวเปรี้ยวเราจะหยุดเขาได้ไหม?
จัง : “เล่าให้ฟังตรงๆ ตอนแรกผมไม่ได้คิดไปไกลว่าจะลงหลักปักฐาน คนเราถ้าเลือกที่จะชอบใคร จะรักใคร มันไม่ใช่สิ่งของ อยู่กันไปถ้ามันจะใช่มันก็ใช่ ไม่ต้องไปเจาะจงว่าคนนี้ต้องเป็นแฟนฉันนะ คนนี้ต้องเป็นคู่ชีวิตฉันนะ ผมคบเหมือนคบเพื่อน ถ้าไปตั้งกรอบมันผมว่าไม่รอดหรอก”
แล้วจุดไหนที่ทำให้พี่รู้สึกคลิ๊กกับผู้หญิงคนนี้?
จัง : “คือมันอยู่ด้วยเราก็เป็นตัวเราเอง เขาก็ดูแลตัวเองได้ แล้วมันอยู่แล้วสบายใจ”
พี่สุ่ยขี้บ่นไหม?
จัง : “ผมขี้บ่นกว่า”
สุ่ย : “จริง คือละเอียดหยิบ ไม่เหมือนใครเลย เป็นคนที่ชอบอยู่กับงาน อยู่กับปัญหา ชอบแก้ปัญหา อย่างที่บอกว่าเขาทำร้านอาหารญี่ปุ่นด้วย มีเรื่องให้คิดตลอดเวลา ถ้าเป็นเรา เราคงสติแตกไปแล้ว แต่เขาชอบแก้ปัญหาอยู่กับตรงนั้น แล้วเขาเป็นคนละเอียด แล้วในขณะที่เราสบายๆ ดูเหมือนไม่สนใจโลก แล้วมันจะดีตรงที่ว่าเขาจะดึงส่วนที่ดีที่สุดของเรามาในช่วงวัยนี้”
ดูจากภายนอกเป็นคู่ที่ไม่มีอะไรเหมือนกันเลย มันเคยมีปัญหาไหม?
จัง : “ผมว่าทุกคู่มันต้องมีแหละครับ ทุกอย่างมันต้องปรับตัวเข้าหากัน ถ้าจะให้มาอยู่ด้วยกันได้ ต้องมีคนใดคนหนึ่งยอม และอีกคนก็ต้องถอยในบางเรื่อง เราไม่ได้คิดจะไปเปลี่ยนใครร้อยเปอร์เซ็นต์ อะไรที่เป็นตัวเขาเองก็ปล่อยไว้ อะไรที่มันไม่เหมาะเราก็ต้องเปลี่ยนเขา ถ้าสถานะมันเปลี่ยน สุ่ยเปลี่ยนเป็นแม่คนขึ้นมา มันมีเรื่องหลายอย่าง เช่น เขาจะไปเฮฮา ปาร์ตี้กับเพื่อน บางทีมันก็จะมีเรื่องกาลเทศะเข้ามาเกี่ยว ต่อหน้าลูกเราจะไม่พูดคำหยาบนะ ต่อหน้าลูกเราก็ไม่ควรจะทานเหล้านะ ต้องแบ่งแยกให้มันถูกต้องมากขึ้น”
พี่จังทำตัวเหมือนเป็นพ่อพี่สุ่ยเลย?
สุ่ย : “ตอนแรกคิดว่าได้พ่อ แต่ไม่ใช่นะจ๊ะ ตัวพ่อ”
โดนเปลี่ยนอะไรบ้าง?
สุ่ย : “อย่างแรกเลยในเรื่องของความสะอาด อย่างที้บอกว่าเราเป็นนักแสดงสมัยก่อนก็วิ่งรอก รถก็จะเลอะ ข้างในก็จะระเบิดมาก เปลี่ยนเสื้อผ้าในรถ นอนในรถ แล้วพอมาเจอเขามันก็เริ่มเป็นระเบียบมากขึ้น ก็เริ่มรื้อของออกทุกอย่าง ดูดฝุ่นรถทุกวัน ล้างรถทุกวัน แรกๆ เขาก็จะทำให้ เราก็จะเห็นเขาทำให้จนเมื่อยแล้ว เราก็ต้องเริ่มหัดทำเองบ้าง ส่วนในบ้านก็จะเนี๊ยบมาก เข้าห้องน้ำก็ต้องเช็ด คือนางจะเป็นคนที่สะอาดมาก”
จัง : “ขออนุญาตเสริมนิดนึง เดี๋ยวทุกคนจะคิดว่าผมระเบียบจัด เดี๋ยวอยู่ด้วยแล้วอึดอัด คือไม่ใช่ ด้วยความที่เราโตเมืองนอกเราไม่ได้มีแม่บ้าน มันก็ต้องฝึกตัวเอง ดูแลตัวเอง ให้รู้จักวางอะไรให้เป็นที่นะ มันก็เลยติดนิสัยตรงนั้นมา ผมถามว่าถ้าคนเราสะอาดไม่มีอะไรที่เป็นลบ อย่างแม่บ้านที่บ้านผมก็จะสอน ไม่ชอบให้ทำอะไรแบบหมกๆ ไว้ เดี๋ยวมันก็เป็นนิสัย”
สุ่ย : “ซึ่งแรกๆ แม่บ้านก็เปลี่ยนทุก 3 เดือน แต่ตอนนี้เจอคนที่อยู่ได้นานกว่า 6 เดือน”
ตอนนี้เคนโซ่เรียบร้อย มารยาทดีหมดเลย พี่ทำยังไง?
สุ่ย : “พ่อกับแม่คือเสียงดังไง ตอนนี้คุณพ่อ คุณแม่โคนกันมากเรื่องความมีระเบียบวินัย”
จัง : “ผมว่าเด็กผู้ชายเวลาอยู่กับแม่เยอะๆ พอโดนดุบ่อยๆ มันเริ่มมีความชิน แต่ถ้าอยู่กับพ่อ นานๆ ที แต่คนที่ตามใจเขาทุกวัน แล้ววันดีคืนดีลุกขึ้นมาดุเขา เขาจะคิดว่าเราทำอะไรผิดหรือเปล่า ผมคิดแบบนี้นะในความเข้าใจผม”
สุ่ย : “ถ้าพ่อดุคือร้องไห้ ถ้าแม่ดุเขาจะนึกถึงโรบอร์ท เกมอะไรอย่างนี้ ก็จะอยู่กับเขา 24 ชั่วโมง แล้วเราจะเล่นแบบเด็กๆ กับลูก ก็ขะเล่นแบบห้าวๆ แต่กับพ่อก็จะมีมุมของเขา ความเป็นคุณพ่อ นางก็เป็นคนที่เกรงพ่อ แต่ก็กลัวแม่ แต่ไม่ได้เยอะ แต่ถ้าพ่อดุเขาก็จะกลัว เขาจะเรียบร้อย เสียงเบา”
ลูกเหมือนใครมากกว่ากัน?
สุ่ย : “เขาจะนิ่งเหมือนพ่อ”
ที่บอกว่าคุณพ่อสายเปย์คืออะไร?
สุ่ย : “สปอยไงลูก ถึงเวลาก็ให้ๆ”
จัง : “ผมว่าคุณพ่อทุกคนก็เป็นต่างกัน แต่มันก็เป็นต่างกัน ผู้ชายบางคนหลงรักผู้หญิง ซื้อของอยากให้ผู้หญิงชอบเขา รู้สึกปลื้ม ถ้าเป็นลูกก็คงจะหนักกว่านั้น ก็คือเต็มที่ แต่มันก็มีกรอบของมัน แต่ผมไม่อยากให้ลูกอยากได้แล้วไม่ได้ ให้เขาได้ ให้เขาลอง ถ้าเขาชอบหรือไม่ชอบ ไม่ได้กลับไปโรงเรียนแช้วมีแต่ความอยาก”
สุ่ย : “ไม่งั้นก็จะขโมยไง ถ้าเกิดเราไม่ให้”
แล้วเวลาจะให้อะไรลูกต้องแลกเปลี่ยนกับอะไรด้วยไหม?
จัง : “แล้วแต่เรื่อง และโอกาส แต่ทุกอย่างก็ต้องมีกรอบ มันต้องเหมาะสมกับวัยเขา”
สุ่ย : “พี่จังเขาจะให้ของใหญ่ วันเกิด จัดใหญ่ จัดหนักไปเลย แต่พี่เป็นคนไม่ให้ นี่สายเปย์ แต่พี่สายเพลย์ คือจะเล่นกับลูก สมมติถ้าลูกอยากได้สัก 20 บาท ก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”
จัง : “เคนโซ่จะได้น้อยสุดเลย ด้วยความที่มีลูกมาก่อน ลูกคนแรกนี่เต็มที่เลย 1-2 ขวบ ซื้อไอแพดให้ ซื้อไอพอตให้พกไปไหนมาไหนตั้งแต่ยังไม่ 3 ขวบ ซึ่งถามว่าเขาเล่นเป็นไหม เขาเล่นไม่เป็น ลูกคนแรกเราเรียนรู้ พอถึงเคนโซ่ปั๊บ พอถึงเคนโซ่ปุ๊บ เราก็ให้แค่นี้พอ ”
พี่จังมีลูกกี่คน?
จัง : “รวมเคนโซ่เป็น 4 ครับ ครอบครัวแรกผมมีพี่น้อง 3 คน โตหมดแล้ว”
ลูกๆ พอมีน้องคนเล็กเขาดีใจกันไหม?
จัง : “ตื่นเต้น แรกๆ ก็ทำตัวไม่ถูก แต่ว่าพวกพี่ๆ ผู้หญิงชอบ น้องผู้ชายคนที่ 3 ก็เข้ากันได้ดี”
พี่สุ่ยมีวิธีปรับตัวกับน้องๆ ยังไง?
สุ่ย : “ความที่พี่อยู่กับเด็กได้ตั้งแต่แรก พี่รักเด็กจริงๆ ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นก็แล้วแต่ ยังไงเด็กไม่เกี่ยว เราเป็นคนที่เปิดใจอยู่แล้วในทุกๆ เรื่อง พอเด็กๆ มาเจอกันคือเขาดีอยู่แล้ว เขาคงได้เจอ ได้เห็นอะไรมาเยอะด้วย พอเจอกันปุ๊บก็เลยไม่ค่อยมีปัญหา แต่ด้วยความที่เราเป็นอย่างนี้ด้วย เด็กๆ ก็จะเปิดใจให้เราด้วย พี่เป็นคนที่รักเท่ากัน ความที่พี่มีหลาน 9 คนด้วย แล้วพี่สุ่ยเป็นลูกคนโต เราจะรักทุกคนเท่ากันหมด มันก็เลยไม่ยาก”
ประเด็นการแยกห้องนอนเกิดขึ้นจากอะไร?
จัง : “ไม่ได้เหตุผลว่าทะเลาะกัน มีปัญหาอะไรกัน มันเป็นเรื่องนิสัยส่วนตัว 1.คือผมใช้ชีวิตอยู่คนเดียวเยอะ ขอแม่แยกห้องนอนตั้งแต่เด็ก เป็นคนที่ต้องมีเวลาส่วนตัวระยะนึงในหนึ่งวัน”
สุ่ย : “บอกเขาไปสิว่านอนกรนหนักมาก”
จัง : “แล้วผมเป็นคนนอนดึก กลางคืนผมเดินทำนู่น ทำนี่ เขาก็จะไม่สะดวก ก็ต้องเปิดไฟหัวเตียงทิ้งไว้ ผมก็บอกเขาว่าเอางี้ไหม ช่วงแรกๆ ลูกก็นอนกับพี่เลี้ยง เขาบอกว่าอยากอยู่กับลูก ก็เลยทำห้องเพื่อเขาสามารถนอนกับลูกได้”
แล้วเวลาจู่จี่กันละ เห็นว่าคู่พี่สวีทกันตลอดเวลา?
จัง : “ไม่ขนาดนั้น พอโต เข้ามหาวิทยาลัยก็การบ้านน้อย”
สุ่ย : “เอางี้ดีกว่าพอได้แยกห้องปุ๊บดิฉันก็มีเวลาส่วนตัว การบ้านมันก็ลืมทำบ้างอะไรบ้าง ความที่เรามีลูกเราก็อยากอยู่กับลูก แล้วความที่ผู้หญิงทำงานข้างนอก ความที่จะปรนเปรอสามีมันก็จะหายไปบ้าง ก็จะนัดกัน แต่ก็ถือว่าน้อยมาก แต่ทุกคนจะบอกเลยว่าห้ามนะ ไม่ได้นะ ต้องมีนะอาทิตย์ละครั้งนะ”
จัง : “แต่ของพวกนี้มันนัดล่วงหน้าไม่ได้ไง”
สุ่ย : “คือคุยกับพี่จังไว้แล้วว่าเราสองคนหยุดแล้ว เพราะฉะนั้นถ้ามีอะไรแบบนี้มา ถ้าเธอทำฉันพร้อมไปนะ เพราะพี่ถือว่าเป็นคนมั่นคงมากในเรื่องของความรัก คือว่าพ่อ แม่ ไม่เคยเลิกกัน รักกันจนวันตาย ทีนี้พอเรามีลูกเราก็หยุด แต่ถ้าคุณไม่หยุดเราก็พร้อมไป เพราะเราดูแลตัวเองได้อยู่แล้ว ปรากฏว่ากลับดี พอเรายื่นคำขาดแบบนี้ปุ๊บ ก็ไม่มีอีกเลย”
ได้ยินมาว่าผู้หญิงชอบเยอะมาก?
จัง : “ของแบบนี้ไม่ใช่ว่าใครบอกให้หยุดหรือไม่หยุด ถึงจุดนึงมันหยุดเอง มันพอเอง ทุกอย่างชีวิตมันมีแพตเทิล มันไม่ต้องการความตื่นเต้นเท่าไหร่แล้ว อยู่กับลูกเยอะ แต่ลูกมีผลเยอะนะ พี่เลิกเที่ยว แต่ก่อนพี่เที่ยวบ่อยมาก เอาเป็นว่าอาทิตย์นึงไปเจอเพื่อน 5 วัน อยู่บ้าน 2 วัน เดี๋ยวนี้ไม่ไปไหนเลย คือเกรงใจลูก อย่างเหล้าผมก็ไม่ดื่มแล้ว น้อยมาก ออกไปงานอย่างเดียว เพราะเหตุผลมาจากลูกคนแรก ลูกคนโตเหม็นก็เลิก ผมว่าเป็นทุกคนนะ พ่อกลัวลูก ยิ่งมีลูกสาวผมว่ายิ่งกลัว”
อยากจะบอกความในใจกับพี่จังไหม?
สุ่ย : “ตอนแรกเราคิดว่าจะฝากชีวิตด้วยไม่ได้ แต่พออยู่ไปอยู่มาเขาดึงเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดออกมา ก็คือดึงในสิ่งที่เราไม่คิดว่าเรามีตรงนี้ ดึงในแง่ดี เขาทำให้เรามีความรู้สึก มีความนึกคิด คิดเป็นขั้นเป็นตอน เพราะนางเป็นนักคิดอยู่แล้ว แล้วทุกคนบอกว่าดีมากเลย ได้เขาแบบดี ถามว่ารักขนาดไหน ก็รักนะ แต่รักของแต่ละคนไม่เหมือนกัน รักของพี่ดูเหมือนไม่สนใจ แต่พึ่งพาได้ เขาก็พึ่งพาได้ เราจะรู้กันอยู่แล้ว”
จัง : “สำหรับผมคงไม่ได้ตอบในเชิงวัยรุ่น อยากจะขอบคุณเขาที่เขาเอ็นดูลูกๆ ผมทุกคน ตั้งแต่ผมเจอสุ่ยผมบอกเขาเลยว่าเขาต้องอยู่กับลูกผมให้ได้ แล้วเป็นเพื่อนที่ดีของผม เป็นคู่รักที่ดีของผม แล้วหวังว่าช่วงบั้นปลายเขาจะดูแลผมได้”
ติดตามชมรายการคุยแซ่บ Show ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.05-14.05 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama