นครราชสีมา สุวัจน์ ย้ำจุดยืน ทุกฝ่ายต้องยอมรับกติกาประชาธิปไตย พรรคที่ได้เสียง ส.ส.มากที่สุด จัดตั้งรัฐบาล ชี้รบ.เสียงข้างน้อยไปไม่รอด ซ้ำเติมวิกฤต ประเทศ

6 พ.ค. 66 – นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า ได้เดินหาเสียงช่วย นายเทวัญ ลิปตพัลลภ เลขาธิการพรรคฯ และเป็นผู้สมัคร ส.ส.เขตเลือกตั้งที่ 1 หมายเลข 5 ในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา ท่ามกลางการต้อนรับจากประชาชน พ่อค้าแม่ค้าสองฝั่งถนนสุรนารีและถนนโพธิ์กลาง

นายสุวัจน์ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้าได้นำเสนอนโยบายแก้ปัญหาต่างๆ ทุกด้านให้กับประชาชนได้ตัดสินใจ และมีความมั่นใจว่า ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคฯ จะได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ให้เข้าไปทำงานตามที่ได้สัญญาเอาไว้ ซึ่งจะได้กี่ที่นั่งมีอยู่ในใจแล้ว แต่ต้องรอดูวันเลือกตั้ง 14 พฤษภาคมนี้อีกที

ส่วนช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง พรรคก็มีกำหนดการปราศรัยอีกรอบ วันจันทร์ที่ 8 พ.ค. 66 ในเขตเลือกตั้งที่ 3 ซึ่งเป็นเขตที่เรามีความคาดหวังสูง ส่วนเขต 1 ในตัวเมือง ก็จะวิธีเดินหาเสียง

นอกจากนี้ช่วงโค้งสุดท้ายก็จะขึ้นรถแห่ สลับกับเดินหาเสียง และจัดปราศรัยย่อยจนถึงสิ้นสุดเวลาหาเสียงตามที่กฎหมายกำหนด

สำหรับการจัดเลือกตั้งล่วงหน้า วันอาทิตย์ที่ 7 พ.ค. นี้ ซึ่งมีประชาชนจำนวนมากลงทะเบียนไปใช้สิทธิ ตนมองว่า เป็นความสะดวกของประชาชนแต่ละคน เพราะวันเลือกตั้งใหญ่ 14 พ.ค. 66 อาจจะติดภารกิจ จึงเลือกที่จะไปใช้สิทธิกันล่วงหน้า คงจะไม่มีนัย ในเรื่องอื่น

ส่วนกรณีที่มีกรแสข่าวว่า พรรคก้าวไกลได้วางตัวรัฐมนตรีเอาไว้แล้ว ตนมองว่า แต่ละพรรคก็ต้องเตรียมพร้อมเอาไว้ ถ้าได้เป็นรัฐบาลใครจะมาทำหน้าที่ด้านไหน อย่างไร เพราะทุกคนทุกพรรคก็เตรียมผลักดันนโยบายตามที่ได้หาเสียงกับพี่น้องประชาชนเอาไว้ แต่ทั้งนี้ ต้องรอดูผลวันที่ 14 พ.ค.นี้ จึงจะชัดเจน

ทั้งนี้ พรรคชาติพัฒนากล้า ขอยืนยันชัดเจนว่า เมื่อผลการเลือกตั้งตามกติกาในระบอบประชาธิปไตย พรรคการเมืองใดได้ ส.ส. มาเป็นอันดับที่ 1 ก็ต้องให้พรรคการเมืองนั้นจัดตั้งรัฐบาล เพราะถือเป็นจุดยืนชัดเจนตามระบอบประชาธิปไตย ทางพรรคไม่ได้คิดที่จะเปลี่ยนจุดยืนนี้เลย เราก็ต้องฟังเสียงประชาชน

ข้อสำคัญคือ พรรคชาติพัฒนากล้า ต้องการจะสร้างบรรยากาศทางการเมือง ให้เป็นการเมืองที่พี่น้องประชาชนสบายใจ ให้เป็นไปตามกติกา การเมืองไม่ขัดแย้ง เพราะการที่เราเคารพเสียงข้างมาก ให้เกียรติพรรคที่มีเสียงมาเป็นอันดับ 1 ตนคิดว่า จะช่วยเสริมสร้างบรรยากาศทางการเมืองที่ดีให้กับประเทศไทย เมื่อได้เสียงเลือกตั้งจากประชาชนมาเป็นอันดับ 1 ก็ควรได้จัดตั้งรัฐบาล พรรคชาติพัฒนากล้า จะยึดถือจุดยืนนี้

ส่วนกรณีการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ตนมองว่า ถ้าได้รัฐบาลเสียงข้างน้อย แล้วใครจะมาลงทุน พอเริ่มต้นด้วยรัฐบาลเสียงข้างน้อย ก็จะเหมือนกับประเทศชาติมีวิกฤตอีกรอบ ซึ่งการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในครั้งนี้ เป็นการแก้ไขวิกฤต โดยเฉพาะวิกฤตเศรษฐกิจ

ฉะนั้น จะต้องเสริมสร้างความเชื่อมั่นที่มีต่อรัฐบาลใหม่และต่อนโยบายของรัฐบาลใหม่ ซึ่งหากเราเริ่มต้นด้วยรัฐบาลเสียงข้างน้อย จะทำให้ความเชื่อมั่นในนโยบายของรัฐบาลใหม่แทบจะไม่มีเลย เพราะคนจำนวนไม่น้อยก็จะมองว่า รัฐบาลเสียงข้างน้อยจะอยู่ได้เพียงไม่กี่เดือน ถ้าไปเริ่มต้นที่รัฐบาลเสียงข้างน้อย ก็เหมือนการเริ่มต้นด้วยการเมืองที่ไม่มีเสถียรภาพ เริ่มต้นที่ความไม่มั่นใจของนักลงทุน ก็จะเหมือนการเริ่มต้นที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาอะไรไม่ได้เลย

ดังนั้น การเลือกตั้งที่จะถึงนี้ ประชาชนมีความคาดหวังสูง มีเดิมพันของประเทศชาติสูง เพราะมีวิกตฤเศรษฐกิจเกิดขึ้น จึงอยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามทำนองคลองธรรม เป็นไปตามวิถีที่ถูกต้องตามประเพณีทางการเมือง ที่ว่า “ประชาธิปไตยเสียงข้างมาก รัฐบาลมีเสถียรภาพ” มันจึงสามารถแก้ไขปัญหาของประเทศได้ ไม่ใช่เลือกมาเพื่อทำให้ประเทศเกิดปัญหาเพิ่มขึ้นมาอีก

ฉะนั้น การจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย จึงไม่ควรเกิดขึ้น เพราะไม่เป็นประโยชน์ จะเป็นการซ้ำเติมวิกฤตของประเทศชาติ ในวันนี้จะต้องเร่งเสริมสร้างศักยภาพของประเทศ ทั้งเรื่องนโยบายเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลใหม่

ถ้าเริ่มด้วยรัฐบาลเสียงข้างน้อย ก็เสมือนเปลี่ยนรองเท้า แต่ดันมีก้อนกรวดอยู่ด้านใน ดังนั้น ในวันนี้เราจึงต้องยึดถือตามแนวทางที่ถูกต้อง ประเทศจึงจะไปต่อได้