สุวัจน์ ห่วงเรื่อง คณะกรรมการกิจการพลังงาน พิจารณาเรื่องค่า เอฟที ไฟฟ้า ที่เก็บพี่น้องประชาชน อยากให้ทบทวน ผ่อนปรน หาพลังงานทดแทน ลดภาระแบ่งปันคลายความเดือนร้อนพี่น้องประชาชน
15 ก.ค. 65 – ที่สำนักงานพรรคชาติพัฒนาและศูนย์ตนโคราชรักจริงไม่ทิ้งกัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา อดีตรองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับวิกฤตเศรษฐกิจ วิกฤตพลังงาน ส่งผลให้สินค้าราคาแพงประชาชนเดือดร้อนในขณะนี้ว่า
เรื่องไฟฟ้าเป็นเรื่องใหญ่ เป็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก ซึ่งขณะนี้วิกฤตเศรษฐกิจ ยังไม่ฟื้นตัว มีปัญหาหลายๆ ด้าน ทั้งเงินเฟ้อแนวโน้มจะสูงมาก และแนวโน้มของโลกขณะนี้ ทั้งยุโรปและสหรัฐอเมริกา มีแนวโน้มจะถดถอย และอาจมีผลกระทบไปยังประเทศทั่วโลก
เราต้องระมัดระวังเตรียมมาตรการป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจถดถอยและไม่ให้มีอะไรกระทบแรงๆ จนทำให้พี่น้องประชาชนรับไม่ไหว ฐานะเศรษฐกิจของเราตอนนี้มีความอ่อนไหวมาก ซึ่งพื้นฐานของปัญหามาจากโควิด และน้ำมันแพงก็เป็นต้นเหตุที่สำคัญ
ทำให้ของแพงเป็นภาระและปัญหาสำคัญเร่งด่วน ที่รัฐบาลต้องเข้ามาดูแลและแก้ไข มีมาตรการและความร่วมมือจากทุกฝ่าย เพื่อจะช่วยลดระดับเงินเฟ้อ และค่าครองชีพต่างๆ ของแพงต่างๆ โดยเฉพาะน้ำมัน และ ค่าไฟ และเรื่องต่างๆ
“พูดถึงเรื่องค่าไฟ ขณะนี้คณะกรรมการกิจการพลังงาน กำลังพิจารณาเรื่องค่า Ft ที่จะเก็บพี่น้องประชาชน ซึ่งมีความเป็นห่วงเพราะค่า Ft ก็คือ การปรับค่าไฟ ค่าไฟบ้าน ค่าไฟพื้นฐาน เท่าไร ค่าปรับราคาเท่าไหร ต้นทุน เช่น แก๊ส แพงขึ้นซึ่งทำให้ค่า Ft สูง ในรอบ 4 เดือน
ก่อนเดือนสิงหาคมที่จะถึงค่า Ft ประมาณ 24 สตางค์ ค่าไฟพื้นฐานก็ 4 บาทกว่า ซึ่งได้มีข่าวไม่เป็นทางการว่าจะปรับค่า Ft ประมาณอีก 1 บาท ซึ่งเหมือนกับขึ้นประมาณ 4 เท่า ในช่วงเวลา 4 เดือน เกรงว่าจะเป็นภาระพี่น้องประชาชนมากๆ” นายสุวัจน์ และย้ำว่า
หากคณะกรรมการหน่วยงานที่รับผิดชอบ จะได้พิจารณาค่า Ft ให้รอบครอบ ซึ่งค่า Ft จะขึ้นมาตามสูตรที่คำนวณเอาไว้ เช่น ออกมา 1 บาท ซึ่งถ้าในกรอบและกฎหมายหรือหลักเกณฑ์ก็อยากให้พิจารณาและทบทวน หรือจะสามารถผ่อนชำระ แบ่งในการชำระ แต่ละงวด แบบขั้นบันได แล้วค่อยๆ ปรับขึ้นไป เพื่อแบ่งเบาภาระพี่น้องประชาชน
ค่าครองชีพขึ้นทุกอย่าง ถ้าเราสามารถลดผลกระทบ ลดค่า Ft หรือมีการขึ้นเป็นขั้นบนะได เป็นงวด เพื่อจะไม่ให้โหลดที่เดียว 1 บาท ซึ่งถ้าเทียบกับของเก่า 24 สตางค์ กลัวว่าพี่น้องจะมีผลกระทบมาก ก็อยากจะฝากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดูแล และลดภาระแบ่งปันให้พี่น้องประชาชน
ซึ่งนอกจากมีมาตรการชั่วคราวแล้ว เราควรดูโครงสร้างหลักของราคาค่าไฟไปด้วย ซึ่งต้องมีการปรับแผนเพราะวันนี้ต้นทุนค่าไฟที่ผลิตจากการไฟฟ้าการผลิตส่วนใหญ่ปัจจุบันน้ำหนักมาจากไฟ จากผลิตจากแก๊ส ซึ่งแก๊สตอนนี้แพงทำให้ค่าไฟสูง ซึ่งตอนนี้มีการใช้พลังงานทดแทน พลังงานลม พลังแสงแดดภายในประเทศ ซึ่งเป็นพลังงานหลักของไทยต้นทุนต่ำ ไม่ต้องซื้อ
นายสุวัจน์ กล่าวว่า การลงทุนเรื่องพลังงานทดแทน แสงอาทิตย์ ตอนนี้คนที่ลงทุน 5-6 ปีก็ได้คืนทุนแล้ว ถ้าเราสามารถที่จะปรับสัดส่วนโครงสร้างการผลิตไฟฟ้าของประเทศ ซึ่งขณะนี้ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศส่วนใหญ่มาจากแก๊สธรรมชาติมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ แต่ไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังทดแทน เช่น ลม แสงแดด มีเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น
การที่เราจะเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนก็จะลดค่า Ft และค่าไฟ จะไม่เป็นภาระพี่น้องประชาชน ซึ่งตอนนี้การไฟฟ้ามีโครงการผลิตจากพลังงานแสงอาทิตย์บนพื้นที่ ผิวน้ำบนเขื่อน เช่นที่เขื่อนสิรินธร ถือว่าดีมาก จะได้ไฟราคาถูก ถ้าเรามาปรับแผนการพัฒนากำลังไฟฟ้าของประเทศ ในการใช้พลังงานทดแทนให้มีสัดส่วนที่สูงขึ้น จะทำให้ต้นทุนกระแสไฟฟ้าโดยภาพรวมค่า Ft ก็จะลดลงด้วย
ดังนั้นนั้น โครงการต่างๆ เหล่านี้มันต้องทำเสริมกัน ในการดูแลเรื่องค่า Ft อย่าไปขึ้นที่เดี่ยวด้วยภาระที่หนักอึ้ง ขณะเดี่ยวกันก็ปรับโครงสร้างการผลิตไฟฟ้าภายในประเทศด้วยการกระจายไปยังพื้นฐานของพลังงานต่างๆ เพื่อลดต้นทุนการผลิตให้ถูกที่สุด
เราเคยพูดว่าบ้านเราอาจไม่มีน้ำมันดิบแต่เรามีน้ำมันสีเขียว คือ พวกเอทานอล ที่ผลิตจากอ้อย ผลิตจากมันสำปะหลัง จริงๆเราเคยมีโครงการอยู่แล้วในการที่จะเอาเอทานอลมาแทนน้ำมันเบนซิน เคยใช้แต่เมื่อราคาน้ำมันถูกลงก็อาจไม่ได้ให้ความสำคัญ
แต่วันนี้เมื่อราคาน้ำมันมีราคาสูงขึ้นมาก ผมว่าเราต้องคิดทุกวิถีทาง น้ำมันสีเขียว น้ำมันจากภาคเกษตรมาใช้ หรือการจะใช้พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลมให้มากขึ้น การดูแลเรื่องค่า Ft ต่างๆผมว่าต้องเก็บเล็กผสมน้อยใช้ทุกมาตรการ หรือแม้กระทั่งการประหยัดพลังงาน
วันนี้ผมคิดว่าน่าจะเริ่มมีแคมเปญกันได้แล้วในการประหยัดพลังงาน การปรับอุณหภูมิต่างๆ ของแอร์ หรือการใช้จักรยาน การรณรงค์ในเรื่องการประหยัดพลังงานทุกมาตรการเพื่อให้เกิดพลังในการที่จะมีพลังในการลดค่าไฟ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของค่าครองชีพโดยภาพรวม นายสุวัจน์ฯกล่าว