สุรชาติ ขึ้นรถแห่ขอบคุณชาวหลักสี่-จตุจักร พร้อมเป็นกระจกสะท้อนการทำงานของรัฐบาล ชลน่านขยี้ซ้ำ บิ๊กป้อม ถูกลงโทษ แนะ บิ๊กตู่ ยุบสภาเพื่อบ้านเมือง

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 31 ม.ค.2565 ที่หน้าวัดหลักสี่ นายสุรชาติ เทียนทอง ว่าที่ ส.ส.เขต 9 กทม. พรรคเพื่อไทย (พท.) เดินทางมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก่อนขึ้นรถแห่ขอบคุณประชาชนเขตหลักสี่-จตุจักร ภายหลังชนะเลือกตั้งซ่อม ส.ส. โดยมีนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นายสรวงศ์ เทียนทอง รองหัวหน้าพรรค น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม.และโฆษกพรรค พร้อมด้วยส.ส.ของพรรค ร่วมกิจกรรมดังกล่าว

นายสุรชาติ กล่าวว่า สิ่งที่ประชาชนให้ตนมา มันมากกว่าชัยชนะ ซึ่งชัยชนะมาพร้อมกับความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ จากนี้จะตั้งใจทำงานรับใช้ประชาชนให้ถึงที่สุดเหมือนที่ทำมาตลอด 17 ปี แม้จะเข้าไปเป็น ส.ส.ฝ่ายค้านแต่จะทำหน้าที่อย่างสร้างสรรค์ ยืนยันว่าจะทำหน้าที่ผู้แทนราษฎรของทุกคน ไม่ได้คิดเข้าไปล้มล้างหรือทำลายใคร แต่จะให้ตัวเองเป็นกระจกสะท้อนความคิดของประชาชนไปสู่รัฐบาล ในช่วงสภาที่เหลืออีก 1 ปีกว่า หวังว่ารัฐบาลจะได้ฟังเสียงสะท้อนของประชาชนเพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น

ส่วนเรื่องร้องเรียนทุจริตการเลือกตั้งนั้น ขอใช้เวลาศึกษาในรายละเอียด ดูข้อมูลต่างๆ ก่อนว่าจะยื่นร้อง กกต.หรือไม่ เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งนี้บริสุทธิ์ ยุติธรรม

ด้านนพ.ชลน่าน กล่าวว่า ยอมรับว่าตัวเลขผู้มาใช้สิทธิ์น้อยอยู่ที่ 52.68% โดยนายสุรชาติ ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนที่ 29,416 คน โดยเขตหลักสี่มี 2 แขวงที่มีผู้มาใช้สิทธิ์ชนะขาด มากกว่า 50% ส่วนเขตจตุจักร ฐานเสียงเดิมของพรรคอยู่ที่ 10-20 % ก็ปรับเพิ่มขึ้นมาเช่นกัน แพ้เพียงหลักร้อยคะแนนเท่านั้น ถือว่าประสบความสำเร็จ ประชาชนต้องการแสดงออกว่ารัฐบาลล้มเหลว ต้องการมีชีวิตที่มีความหวัง มีอนาคตที่ดีให้กับลูกหลาน

ส่วนที่พรรคก้าวไกลมีคะแนนอันดับ 2 นั้น ในทางการเมืองทุกพรรคถือเป็นคู่แข่ง แต่ไม่ใช่ศัตรูกัน เราต้องทำประโยชน์ต่อประชาชน สร้างสรรค์สิ่งที่ดีในระบบรัฐสภา จะทำให้ประชาธิปไตยที่แท้จริงเกิดขึ้นได้จริง

นพ.ชลน่าน กล่าวกรณีร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย โพสต์เฟซบุ๊กหลังทราบผลเลือกตั้ง ระบุ ศัตรูของศัตรูคือเพื่อนว่า ไม่ขอแสดงความคิดเห็น หากทุกพรรคมีอุดมคติ อุดมการณ์แนวทางเดียวกัน ก็ทำงานร่วมกันได้ แต่ไม่ได้หมายความเพื่อไทยและร.อ.ธรรมนัส จะร่วมงานกัน ขอบคุณที่มองว่าเพื่อไทยเป็นที่พึ่งที่หวังให้ประชาชน

ยืนยันว่าพรรคยึดมั่นในอุดมการณ์ของพรรค ต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ หากใครมาร่วมงานกับพรรค ต้องไม่ร่วมมือกับเผด็จการ พรรคจะดูวิธีการทำงานของแต่ละคนด้วยว่าเป็นประโยชน์ต่อประชาชนหรือไม่ กระทบกับพรรคอย่างไร ทั้งหมดเป็นการพิจารณาว่าพรรคจะร่วมงานกับใคร

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า ขอฝากไปถึงพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ด้วยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้นอกจากจะไม่ประสบความสำเร็จแล้ว ยังเป็นการลงโทษจากประชาชน สะท้อนความคิดเห็นของประชาชนไม่สนับสนุนพรรคที่ไม่มีแนวทางประชาธิปไตย ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นเพียงจุดเล็ก หากพรรคพลังประชารัฐปรับตัวไม่ถูกต้อง ยังคงดื้อดึงต่อไป อาจจะกลายเป็นพรรคที่มี ส.ส.ต่ำกว่า 50 คนในอนาคตได้

ขอฝากถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯว่า การเลือกตั้งครั้งนี้สะท้อนว่าพล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถนำพาพี่น้องออกจากวิกฤตได้ ซ้ำยังจะนำพาวิกฤตมาเพิ่ม ทางที่ดีที่สุดคือคืนอำนาจให้ประชาชน ฝากพล.อ.ประยุทธ์ พิจารณา การยุบสภาไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่คือการคืนอำนาจประชาชน

“หากพล.อ.ประยุทธ์ยุบสภา ผมจะไปกราบขอบคุณท่านเป็นคนแรก อย่างน้อยท่านก็รักประชาชน รักลูกหลาน หากไม่ยุบสภา แต่ท่านบอกว่าจะไม่อยู่เกิน 8 ปี ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 23 ส.ค.นี้ ก็ไม่ใช่การเสียหน้า ท่านควรได้หน้าด้วยซ้ำไป ควรคิดเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง อย่าเห็นแก่ตัว อย่าเห็นแก่อำนาจ อย่าเห็นแก่ประโยชน์ของพวกพ้อง ไม่ต้องอาย ถ้าเป็นฟากฝั่งของประชาธิปไตยจะพูดว่า นี่คืออาณัติสัญญาณของฝั่งประชาธิปไตย วิถีของประชาธิปไตยพูดอย่างนี้ แต่คงเอาบรรทัดฐานนี้ไปใช้กับฝ่ายยึดอำนาจได้ยาก ฝากท่านคิดเพื่อบ้านเมือง 7 ปีท่านน่าจะได้เรียนรู้ ยุบสภาจะเป็นการลงจากอำนาจสวยที่สุด ฝากท่านด้วย” นพ.ชลน่าน กล่าว