มีรายงานว่า หญิงสาววัย 50 ปี ทำแพทย์ถึงกับมึน หลังเธอมาห้องฉุกเฉินถึง 7 ครั้งใน 2 ปีที่ผ่านมา ด้วยอาการมึนเมาจากแอลกอฮอล์ แต่ที่น่าแปลกคือเธอไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์เลย
โดยเธอมาด้วยอาการเวียนหัว มึนงง และร่างกายอ่อนแอ จนเป็นลมในขณะที่กำลังทำอาหารให้แก่ลูก ๆ ของเธอ นอกจากนี้ลมหายใจของเธอยังมีกลิ่นแอลกอฮอลล์ออกมาด้วย เมื่อวัดระดับแอลกอฮอล์ พบว่ามีอยู่ในระดับที่สูง
แต่น่าแปลกที่แพทย์รายงานว่า ทุกครั้งที่เธอไปเข้ารับการรักษาอาการนี้ เธอและสามียืนยันว่าไม่ได้ดื่มแอลกอฮอลล์เข้าไป เนื่องจากศาสนาของเธอเคร่งเรื่องนี้อย่างมาก อีกทั้งเมื่อส่งตัวเธอไปยังโรงพยาบาลจิตเวช ก็พบว่าเธอไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ติดสุราอีกด้วย
เธอเข้ารับการรักษาด้วยอาการนี้หลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่ได้รับคำตอบว่าเธอเป็นอะไร จนล่าสุดแพทย์พบว่าผู้หญิงคนดังกล่าวป่วยเป็นโรคหายาก อย่างโรค “Auto-Brewery Syndrome” หรือ เอบีเอส ซึ่งเป็นสภาวะที่ร่างกายสามารถผลิตแอลกอฮอล์ออกมาได้เอง
สำหรับ “Auto-Brewery Syndrome” เป็นโรคที่หายาก โดยเกิดจากการที่ยีสต์หรือแบคทีเรียในระบบย่อยอาหาร เปลี่ยนอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตให้กลายเป็นแอลกอฮอล์
โดยโรคดังกล่าวมักเกิดกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคตับ ความผิดปกติในลำไส้ หรือ กลุ่มผู้ป่วยโรคที่มีการอักเสบของระบบทางเดินอาหาร
อย่างไรก็ตามในกรณีของหญิงสาวคนนี้ แพทย์ระบุว่า สาเหตุการเกิดเอบีเอสของเธอ นั้นมาจากตอนที่เธออายุ 40 กว่า ๆ เธอเคยติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ จึงมีการใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษา ซึ่งทำให้แบคทีเรียที่อยู่ในระบบทางเดินอาหารค่อย ๆ ตายลง ส่งผลให้ยีนส์มาแทน ซึ่งเมื่อนานเข้าทำให้ร่างกายของเธอเปลี่ยนปูที่เธอกินเข้าไปเป็นแอลกอฮอล์ ยิ่งเธอกินปูและตามด้วยขนมปัง หรืออาหารที่มีคาร์โบรไฮเดรตสูง ยิ่งทำให้ร่างกายของเธอเปลี่ยนสารเหล่านั้นเป็นแอลกอฮอล์
ปัจจุบันผู้หญิงคนนี้ได้หายจากโรคเอบีเอสแล้ว ด้วยการรับยา Antifungal และลดปริมาณการกินปูลง อย่างไรก็ตามในผู้ป่วยแต่ละคนอาจมีปัจจัยของอาหารที่ทำให้เกิดอาการดังกล่าวไม่เหมือนกัน ดังนั้นหากพบอาการผิดปกติควรเลือกไปพบแพทย์
โรคเอบีเอสพบครั้งแรกราว ๆ ค.ศ. 1940 ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในประเทศยูกันดา โดยมีผู้ป่วยเป็นเด็กวัย 5 ขวบ เสียชีวิตจากกระเพาะอาหารแตก ซึ่งระหว่างการผ่าตัดแพทย์พบว่า “ระบบย่อยอาหารของเด็กมีกลิ่นแรง ชัดเจนว่าเป็นกลิ่นแอลกอฮอล์”