หญิงหน่อย จับมือภาคประชาชน ล่า 5 หมื่นรายชื่อ แก้รัฐธรรมนูญ ตัดวงจรรัฐประหาร ปลุกหยิบปากกาปฏิวัติ ยึดอำนาจคืน วอน ทุกพรรคการเมืองร่วมผลักดัน

เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2565 ที่โรงแรมเวสติน กทม. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย นายโภคิน พลกุล ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ พรรคไทยสร้างไทย นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิพลเมือง ร่วมกันแถลงข่าวในหัวข้อ “50,000 ชื่อ ร่วมเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อให้เป็นประชาธิปไตยเต็มใบโดย สสร.”

นายโภคิน กล่าวว่า 90 ปีมานี้เราอยู่ในวงจรอุบาทว์มาตลอด คือ การเลือกตั้ง รัฐประหาร สืบทอดอำนาจ แล้วก็เลือกตั้ง รัฐธรรมนูญเป็นกติกาสูงสุด แต่วันนี้ไม่ได้เขียนโดยประชาชน ถึงจะบอกว่าเห็นชอบแล้ว แต่เห็นชอบแบบถูกบังคับ วันนี้จึงถึงเวลาที่ต้องมาเขียนกติกาด้วยตัวเอง ผ่านสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เพื่อร่างรัฐธรรมนูญให้มีกลไกตัดวงจรอุบาทว์ ทำให้การรัฐประหารล้มล้างรัฐธรรมนูญผิดกฎหมายต้องรับโทษ

นายโภคิน กล่าวต่อว่า นี่คือการปฏิวัติครั้งสำคัญด้วยสันติวิธี โดยการเปลี่ยนแปลงกติกาสูงสุดใหม่ ตนไม่ได้หวังแค่ 5 หมื่นรายชื่อ แต่หวัง 5-10 ล้านคน เพื่อกำหนดชะตากรรมของตัวเองด้วยการเขียนกติกาเอง โดยหวังว่าจะได้ครบ 5 หมื่นชื่อภายในปีนี้ หรืออย่างช้าสุดภายในเดือนม.ค.2566 ประชาชนจะได้รัฐบาลใหม่และรัฐธรรมนูญใหม่ที่มาจากประชาชน

ด้านนายเมธา กล่าวว่า ขอเรียกร้องประชาชนร่วมกันลงชื่อ 5 หมื่นรายชื่อ และจากนี้เราจะรณรงค์ต่อไปในหลายเวที เพื่อให้โอกาสการประชุมรัฐสภาครั้งสุดท้ายในรัฐบาลนี้ ได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน เพื่อผลักดันให้เกิดรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย

“รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 เลอะเทอะที่สุดในประวัติศาสตร์ เพราะให้อำนาจ ส.ว. ที่มาจากการแต่งตั้งเลือกนายกรัฐมนตรี ผิดหลักการเจตนารมณ์ของประชาธิปไตย จึงต้องแก้ไม่ให้ ส.ว. มีอำนาจในการเลือกนายกฯ นอกจากนี้ รัฐบาลเลอะเทอะที่สุด ละเมิดแม้แต่รัฐธรรมนูญที่ตัวเองร่างเอง ตั้งแต่การถวายสัตย์ และปัจจุบันก็ยังละเมิดหลายมาตรา” นายเมธา กล่าว

นายเมธา กล่าวว่า ขอเรียกร้องทุกพรรคการเมืองให้ผลักดันร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน พรรคไหนไม่สนับสนุนประชาชนก็อย่าเลือก โดยเฉพาะพรรคที่เห็นว่าจะไปต่ออีก 2 ปี ทั้งนี้ วันที่ 18 ธ.ค. ภาคประชาชนจะจัดเวทีใหญ่ ผลักดันให้แก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างจริงจัง และจะออกแนวทางข้อเสนอต่างๆ ว่าประเทศไทยควรมีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยในเรื่องใดบ้าง โดยนำเสนอต่อทุกพรรคการเมือง และส.ส.ร.ต่อไปในอนาคต

ขณะที่ น.ส.ณัฏฐา กล่าวว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ถือว่ามีความสมบูรณ์ที่สุด เพราะปิดจุดอ่อน โดยร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีความชัดเจนว่าไม่ได้มีการร่างใหม่ทั้งฉบับ ไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 ดังนั้น จึงตัดข้อกังวลว่าจะต้องทำประชาพิจารณ์ออกไป อย่างไรก็ตาม ไม่ได้ละทิ้งการทำประชาพิจารณ์ เพราะหลังจาก ส.ส.ร. ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว ก็จะต้องทำประชาพิจารณ์อยู่ดี ดังนั้น จึงตอบโจทย์ประชาชน ทั้งส่วนที่อยากให้แก้ไขก็เดินต่อได้ ส่วนที่ยังกังวลว่าจะแก้อะไรก็จะไม่ต้องกังวล จึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่มาลงชื่อ

ด้าน คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า กติกาสูงสุดของประเทศ คือรัฐธรรมนูญ ไม่ควรมาจากคนที่ยึดอำนาจ และมีเจตนารมณ์ในการสืบทอดอำนาจอย่างเด็ดขาด วันนี้เห็นแล้วว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้เลวร้ายยิ่งกว่าครั้งใดในประวัติศาสตร์ มีทั้งคนที่มาเลือกนายกฯ แทนเรา และสิ่งที่ตนคิดว่าเป็นอุปสรรคขัดขวางการพัฒนาประเทศ คือ แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่ไม่ว่ารัฐบาลไหนมาก็ยังจะคุมรัฐบาลที่ประชาชนเลือกมาให้ทำหรือไม่ให้ทำอะไรได้ โดยการเขียนอย่างละเอียดบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับนี้

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวต่อว่า ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่ตนจะเป็นส่วนหนึ่งร่วมกับภาคประชาชน เชิญชวนประชาชนลุกขึ้นมาปฏิวัติ จากคนปฏิวัติด้วยกระบอกปืน ครั้งนี้ประชาชนต้องลุกขึ้นมาปฏิวัติด้วยตัวประชาชน ด้วยปากกาของประชาชน เริ่มต้นตั้งแต่การลงชื่อเพื่อสนับสนุนการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ที่ภาคประชาชนและพรรคไทยสร้างไทยร่วมกันเสนอสู่ประธานรัฐสภาเรียบร้อยแล้ว

“เราต้องการ 5 หมื่นชื่อตามกฎหมาย แต่ก็หวังว่าจะได้เป็นล้านรายชื่อ และขั้นที่ 2 ในวันเลือกตั้ง เราต้องปฏิวัติด้วยประชาชน เพื่อให้ได้ประชาธิปไตยที่เต็มขั้น ได้รัฐบาลที่ประชาชนต้องการ ได้รัฐธรรมนูญที่ประชาชนเขียนเอง และได้ชีวิตที่มีความสุข สิทธิเสรีภาพ และอนาคตของเรากลับคืนมา” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว