สุดสะเทือนใจ แม่เหยื่อสายมรณะเกี่ยวคอดับ ทำใจไม่ได้ เดินเท้าเปล่าไกล50กิโล จนต้องเข้ารพ. ขณะที่ชาวบ้านร่ำลือความเฮี้ยน คาดผู้เสียชีวิตมีห่วง เพราะเป็นเสาหลักครอบครัว
วันที่ 9 พ.ค.2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีนายบุญเกิด พรมวัฒน์ อายุ 40 ปี โดนสายสื่อสารเกี่ยวคอทำให้รถจยย.ล้มกะโหลกร้าวอาการสาหัสที่หน้าโรงพยาบาลลำดวน อ.ลำดวน จ.สุรินทร์ เหตุเกิดคืนวันที่ 29 เม.ย. 2565 บนถนนทางหลวงหมายเลข 2077 แล้วเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่รพ.สุรินทร์
จากนั้นมีพิธีฌาปนกิจไปเมื่อวันที่ 4 พ.ค. 2565 ที่ผ่านมา ขณะที่ชาวบ้านหลายคน พากันร่ำลือถึงความเฮี้ยน มีคนเห็นวิญญาณนายบุญเกิดขี่รถจยยใคู่ใจเข้าไปที่บ้านหลายครั้ง คาดว่าน่าจะยังมีห่วงเพราะผู้เสียชีวิตเป็นเสาหลักของครอบครัว และยังมีลูกที่ต้องดูแล 3 คน ภรรยาและแม่ยาย รวม 5 ชีวิต โดยวานนี้ 8 พ.ค. 2565 พบว่านางอ่อน พรหมวัฒน์ อายุ 63 ปี แม่ของนายบุญเกิดผู้เสียชีวิต แต่งตัวด้วยชุดสีขาว
ได้เดินออกจากบ้าน และอยู่นอกบ้านบริเวณทุ่งนา ตลอดทั้งคืนวันที่ 8 พ.ค.65 ที่ผ่านมา โดยไม่ทานข้าวทานน้ำ ขณะที่ลูกสะใภ้และญาติพี่น้องต้องมานั่งเฝ้านอนเฝ้าตลอดทั้งคืน ก่อนที่ในช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้เดินเท้าไปจากบ้าน กว่า 50 กิโลเมตร จนถึงตัวจังหวัดสุรินทร์ ในช่วงเวลา 08.00 น.ของวันที่ 9 พ.ค. 2565 แล้วมาร่ายรำเหมือนลักษณะรำไหว้ครู อยู่ข้างทางหน้าค่ายทหาร มณฑลทหารบกที่ 25 จังหวัดสุรินทร์
โดยญาติๆระบุว่าน่าจะเสียใจมากและกระทบกระเทือนจิตใจมาก เลยยังทำใจไม่ได้ที่เสียลูกชายไปอย่างกะทันหันและเป็นลูกคนเดียว ก็เลยทำให้สติแตก ทำให้คนที่ผ่านไปผ่านมาพบเห็นต่างก็สงสารและรู้สึกเวทนาเป็นอย่างมาก และในช่วงสายเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพ ได้พาตัวนางอ่อนแม่ของผู้ที่เสียชีวิตไปที่โรงพยาบาลจังหวัดสุรินทร์ด้วยอาการที่อ่อนเพลีย ทำการรักษาต่อไป
นางพรธิรา พรมวัฒน์ อายุ 42 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า แต่ก่อนแม่แกก็สุขภาพดีไม่มีโรคภัยไข้เจ็บอะไรเลย ตั้งแต่ลูกชายแกเสีย แกก็มีอาการซึมเศร้าไม่ค่อยกินข้าวมีอารมณ์ดุร้ายชอบอาละวาดแล้วแม่แกก็แต่งชุดขาวเดินออกจากบ้านจากอำเภอลำดวนจนถึงในตัวจังหวัดประมาณ 50 กิโลเมตรแล้วก็ไปรำอยู่หน้าค่าย ทหารจึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่กู้ชีพเพื่อนำตัวไปรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลจังหวัดสุรินทร์
ทั้งนี้ นางอ่อน พรมวัฒน์ แม่ของลูกชายที่เสียชีวิตทางโรงพยาบาลระบุว่าให้แอดมิดอยู่ที่โรงพยาบาล เพราะว่าร่างกายอ่อนเพลียแล้วมีอาการซึมเศร้าอย่างมาก และ นางพรธิรา พรมวัฒน์ อายุ 42 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต ต้องเป็นเสาหลักของครอบครัวและต้องดูแลทั้งแม่สามีและดูแลลูกอีก 3 คน โดยจากการที่นางพริรา พรมวัฒน์ ภรรยาผู้ตายเจรจา กับตัวแทนบริษัทสายสื่อสารต้นเหตุเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ที่บ้านของผู้ตาย ยังไม่ได้ข้อสรุปในเรื่องการชดเชยค่าเสียหายแต่อย่างใด
เพราะภรรยาผู้ตายได้เรียกค่าชดเชยค่าเสียหายต่างๆ อาทิ ค่าเลี้ยงดูลูกๆค่าเทอมค่าเล่าเรียนในอนาคต ค่าขาดประโยชน์ต่างๆทั้งจากธุรกิจรถตู้เหมา และรายได้อื่นๆที่ผู้ตายหาได้ในช่วงมีชีวิต และแม่ของสามีที่ต้องมาเสียสติ เป็นเงินจำนวนหนึ่ง ซึ่งทางบริษัทจะนำเข้าที่ประชุมอีกครั้ง