สุดยอดการค้นพบทางโบราณคดีแห่งปี 2021 “ปีทองของมัมมี่”

Home » สุดยอดการค้นพบทางโบราณคดีแห่งปี 2021 “ปีทองของมัมมี่”



ผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงทำให้วงการโบราณคดีทั่วโลกในปี 2021 อยู่ในภาวะเงียบเหงาซบเซาต่อเป็นปีที่สอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงทางการศึกษาโบราณคดีหลายแห่งในอังกฤษ ต้องเผชิญกับปัญหาขาดแคลนงบประมาณและผู้สมัครเข้าเรียน จนจำต้องยุบเลิกคณะหรือสาขาวิชาในด้านนี้ไปอย่างน่าเสียดาย

อย่างไรก็ตาม ความพยายามที่จะฟื้นฟูการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของอียิปต์ ได้ทำให้ปีนี้กลายเป็นปีทองของการค้นพบมัมมี่ที่น่าสนใจหลายร่าง รวมทั้งมีการเฉลิมฉลองมัมมี่ฟาโรห์และราชินีในอดีตอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการจัด “ขบวนเสด็จทองคำ” อันตระการตา เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาอีกด้วย

มัมมี่สุดแปลกกับการค้นพบใหม่จากทั่วโลก

นอกจากมัมมี่นักบวชและขุนนางอียิปต์จำนวนมากที่ขุดพบในสุสานซักคารา (Saqqara) ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับหุบเขากษัตริย์อันโด่งดังแล้ว ในปีนี้ยังมีผลการศึกษาใหม่ ๆ ของมัมมี่คนดังเจ้าเก่าจากทั่วโลก ทำให้เรารู้ถึงความเป็นมาและรายละเอียดของยุคสมัยที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ได้กระจ่างและลึกซึ้งยิ่งขึ้น

EGYPTIAN MINISTRY OF ANTIQUITIES

เริ่มจากการขุดพบมัมมี่อายุ 2,000 ปี จากสมัยราชวงศ์ทอเลมี ซึ่งมีความพิเศษไม่เหมือนใครเพราะมีเครื่องรางเป็นแผ่นทองคำใส่เอาไว้ในปาก คาดว่าเครื่องรางนี้เป็นสิ่งแทนอวัยวะจริงซึ่งก็คือลิ้นนั่นเอง ทำให้ได้ชื่อว่าเป็นมัมมี่ “ลิ้นทอง” ซึ่งมีการค้นพบเป็นครั้งแรกในวงการอียิปต์วิทยาเลยทีเดียว

นักโบราณคดียังไม่ทราบแน่ชัดว่า การประดิษฐ์เครื่องรางลิ้นทองคำให้กับมัมมี่นั้น ชาวอียิปต์โบราณทำไปด้วยสาเหตุใดกันแน่ แต่สันนิษฐานว่าผู้ตายอาจมีความพิการหรือความผิดปกติด้านการพูด จึงจำเป็นต้องมีลิ้นใหม่เพื่อใช้เจรจากับเทพโอไซริส ผู้พิพากษาตัดสินวิญญาณของคนตายในปรโลก

WARSAW MUMMY PROJECT

  • ขุดพบมัมมี่ “ลิ้นทอง” ในวิหารต้องสงสัยเป็นสุสานคลีโอพัตรา

มัมมี่อียิปต์ที่น่าสนใจอีกร่างหนึ่งในปีนี้ เคยถูกเข้าใจผิดว่าเป็นนักบวชชายที่เสียชีวิตลงเมื่อ 2,100 ปีที่แล้ว แต่เมื่อนักโบราณคดีนำมาตรวจสอบใหม่อีกครั้งด้วยเครื่องเอกซ์เรย์คอมพิวเตอร์หรือซีทีสแกน (CT scan) กลับพบว่าร่างที่อยู่ในห่อผ้านั้นเป็นหญิง ทั้งกำลังมีครรภ์แก่ได้ราว 7 เดือนแล้วอีกด้วย สร้างความตื่นเต้นให้กับบรรดานักวิจัยอย่างมาก เพราะเป็นการค้นพบมัมมี่ที่มีทารกในครรภ์ครั้งแรกของโลก

ยังคงเป็นปริศนาอยู่ว่า เหตุใดผู้ทำมัมมี่ไม่นำทารกออกจากมดลูก เพื่ออาบน้ำยาและห่อเช่นเดียวกับอวัยวะอื่น ๆ ของผู้ตายตามกระบวนการทำมัมมี่ตามปกติ ซึ่งอาจเป็นได้ว่าการผ่าตัดเอาเด็กออกทำได้ยากเกินไป หรืออาจเป็นความเชื่อทางจิตวิญญาณอย่างหนึ่ง ซึ่งถือว่าแม่และลูกในท้องนั้นมีความเป็นหนึ่งเดียวโดยไม่อาจแยกจากกัน

MINISTRY OF ANTIQUITIES / REUTERS

  • พบมัมมี่หญิงท้องแก่มีซากทารกค้างในมดลูก ครั้งแรกของโลก

เทคโนโลยีล้ำสมัยยังทำให้เราได้ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวาระสุดท้ายของ “นักรบผู้กล้า” ฟาโรห์เซเคเนนเร ทาว ที่สอง (Seqenenre Taa II) ซึ่งสิ้นพระชนม์ระหว่างทำสงครามต่อต้านผู้รุกรานเมื่อ 3,600 ปีก่อน โดยผลสแกนล่าสุดเผยว่า บาดแผลร้ายแรงหลายแห่งบนพระวรกาย ซึ่งผู้ทำมัมมี่ได้พยายามปกปิดซุกซ่อนไว้นั้น แสดงถึงการสำเร็จโทษในพิธีประหารชีวิตกลางสนามรบ

ร่องรอยบาดแผลจากอาวุธหลายชนิดที่โจมตีเข้ามาจากด้านบนเหนือศีรษะผู้ตาย รวมทั้งการงอตัวของแขนและขามัมมี่ที่ผิดปกติ บ่งชี้ว่าฟาโรห์นักรบผู้นี้อยู่ในท่านั่งคุกเข่าและถูกมัดมือไพล่หลังก่อนตาย ซึ่งเป็นไปได้อย่างมากว่า ศัตรูได้ประหารพระองค์หลังจากพ่ายแพ้และถูกจับเป็นเชลย

  • ผลสแกนมัมมี่ฟาโรห์ “นักรบผู้กล้า” พบสิ้นชีพในพิธีประหารหลังพ่ายแพ้ศัตรู

มาดูมัมมี่ของภูมิภาคยุโรปตะวันตกกันบ้าง หลายคนอาจเคยได้ยินว่ามีการค้นพบศพคนโบราณใน “พรุ” หรือที่ลุ่มดินโคลนชุ่มน้ำเป็นจำนวนมาก ตัวอย่างเช่น “ทอลลุนด์แมน” (Tollund Man) ชายวัยกลางคนจากยุคเหล็ก ซึ่งมีชีวิตอยู่เมื่อกว่า 2,400 ปีก่อนในประเทศเดนมาร์ก มัมมี่ร่างนี้มีชื่อเสียงมานานเพราะอยู่ในสภาพสมบูรณ์อย่างเหลือเชื่อ

NIELSEN ET AL./ANTIQUITY 2021
ใบหน้าที่ดูสงบเยือกเย็นของทอลลุนด์แมน ยังคงสภาพเดิมไว้ได้เป็นอย่างดี แม้กาลเวลาจะผ่านไปกว่า 2,400 ปีแล้ว

ล่าสุดผลการผ่าชันสูตรอวัยวะภายในยังพบว่า เศษอาหารในลำไส้ที่ทอลลุนด์แมนกินเข้าไปราว 12 – 24 ชั่วโมงก่อนตาย มีพืชและวัสดุต่าง ๆ ที่กินไม่ได้ปะปนอยู่ในปริมาณมาก ซึ่งคนยุคเหล็กเชื่อว่าของเหล่านี้เป็นสิ่งมงคลและมีความเชื่อมโยงกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หลักฐานที่ค้นพบใหม่ดังกล่าวจึงแสดงถึงการเตรียมประกอบพิธีบูชายัญมนุษย์ เพื่อเซ่นสรวงแด่เทพแห่งความอุดมสมบูรณ์

  • อาหารมื้อสุดท้ายชี้มัมมี่ “ทอลลุนด์แมน” เป็นเหยื่อพิธีบูชายัญ

ส่วนปริศนาของมัมมี่ชาวคอเคเซียนจากยุคสัมฤทธิ์ ที่ไม่มีใครรู้ว่าพลัดหลงเข้าไปอยู่ในทะเลทรายทากลามากันทางตะวันตกของจีนได้อย่างไรนั้น ล่าสุดนักโบราณคดีได้รับความกระจ่างในเรื่องนี้ไปบางส่วนแล้ว โดยเทคนิคการวิเคราะห์ดีเอ็นเอช่วยชี้ว่า “ฝรั่ง” เหล่านี้ไม่ใช่ผู้อพยพที่เพิ่งเดินทางมาถึงเอเชียเมื่อ 4,000 ปีก่อน แต่เป็นลูกหลานสายตรงของชาวยูเรเชียตอนเหนือยุคโบราณ (Ancient North Eurasian – ANE) ที่ปักหลักอยู่อาศัยในโอเอซิสบริเวณแอ่งทาริม (Tarim Basin) อันแห้งแล้งของจีน มาตั้งแต่ยุคน้ำแข็งเมื่อกว่าหมื่นปีก่อน

WENYING LI / XICRA

  • มัมมี่ “ฝรั่ง” อายุ 4,000 ปี ในทะเลทรายจีน ไม่ใช่ผู้อพยพยุคโบราณ

ปิดท้ายขบวนมัมมี่ที่น่าสนใจของปีนี้ ด้วยการค้นพบล่าสุดเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ประเทศเปรู นักโบราณคดีพบร่างที่น่าจะเป็นชายหนุ่มวัย 25-30 ปี ในสุสานโบราณใต้ดินตรงด้านล่างของจัตุรัสใจกลางเมืองแห่งหนึ่งใกล้กรุงลิมา

UNMSM / เชื่อว่ามัมมี่ที่พบในเปรู มีอายุเก่าแก่ราว 800-1,200 ปี

คาดว่ามัมมี่ที่เอามือปิดหน้าและถูกมัดไว้ด้วยเชือกตามประเพณีโบราณของภาคใต้นี้ มีอายุเก่าแก่ราว 800-1,200 ปี ซึ่งเป็นยุคพรีโคลัมเบียนหรือช่วงก่อนการมาถึงทวีปอเมริกาของชาวยุโรป

ผู้เชี่ยวชาญบอกว่ามัมมี่ร่างนี้น่าจะเป็นบุคคลสถานะสูงที่ได้รับการเคารพนับถือจากชาวเมือง เพราะถูกฝังในสถานที่สำคัญและมีเครื่องบูชาจากหลายยุคหลายสมัยถูกทิ้งเอาไว้โดยรอบด้วย

The pre-Inca Mummy of Cajamarquilla, presumed to be between 800 and 1200 years old, is exhibited at the Universidad Mayor de San Marcos, in Lima, Peru December 7, 2021

Reuters

สิ่งมหัศจรรย์แห่งลุ่มน้ำไนล์

การค้นพบทางโบราณคดีครั้งยิ่งใหญ่ของอียิปต์อีกเรื่องในปีนี้ ได้แก่การขุดเจอซากปรักหักพังของเมือง “อาเตน” (Aten) หรือที่ในจารึกโบราณเรียกว่า “นครทองคำ” อายุเก่าแก่กว่า 3,000 ปี ที่เมืองลักซอร์

เมืองโบราณที่มีชื่อเหมือนกับสุริยเทพแห่งนี้ ถือว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีการค้นพบมาในอียิปต์ คาดว่าเป็นศูนย์กลางการปกครองและการค้า ในยุคของฟาโรห์อาเมนโฮเทปที่ 3 ซึ่งปกครองอียิปต์เมื่อราว 1,400 ปีก่อนคริสตกาล

DR. ZAHI HAWASS ON FACEBOOK

ก่อนหน้านี้ทีมนักโบราณคดีจากต่างชาติหลายคณะ พยายามค้นหานครทองคำมาหลายปีแต่ก็ไม่พบ จนกระทั่งทีมนักโบราณคดีของอียิปต์ได้ลงมือขุดค้นตรงบริเวณฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์ ซึ่งการค้นพบนี้จะช่วยให้เราได้มีโอกาสเห็นวิถีชีวิตของชาวอียิปต์โบราณ ในยุคที่อาณาจักรกำลังรุ่งเรืองมั่งคั่งถึงขีดสุด

  • อียิปต์ค้นพบ “นครทองคำที่สาบสูญ” เก่าแก่กว่า 3,000 ปี

ย้อนไปในยุคที่อียิปต์เพิ่งเริ่มก่อตั้งอาณาจักร หลายคนอาจจะต้องประหลาดใจเมื่อได้ทราบว่า สมัยนั้นก็มีโรงงานผลิตเบียร์ขนาดใหญ่ที่เรียกได้ว่าอยู่ในระดับอุตสาหกรรมแล้ว โดยในปีนี้มีการค้นพบซากของโรงเบียร์เก่าแก่ที่สุดในโลก อายุราว 5,000 ปี ที่เมืองโบราณอาบีดอส (Abydos) บริเวณต้นสายของแม่น้ำไนล์

EPA

นักโบราณคดีค้นพบสถานที่ซึ่งมีห้องผลิตเบียร์ที่กว้างขวางจำนวน 8 ห้อง ในแต่ละห้องมีเตาและหม้อดินเผาสำหรับต้มเบียร์ขนาดใหญ่อยู่ 40 ใบ ซึ่งชาวอียิปต์โบราณใช้ต้มธัญพืชกับน้ำก่อนจะหมักให้เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อใช้ในการประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพิธีพระศพของกษัตริย์ราชวงศ์แรก คาดว่าโรงเบียร์นี้ผลิตได้ถึงครั้งละกว่า 22,400 ลิตรเลยทีเดียว

มรดกล้ำค่าอารยธรรมจีน

การค้นพบทางโบราณคดีของภูมิภาคเอเชียตะวันออกในปีนี้ไม่น้อยหน้าใครเช่นกัน โดยจีนพบซากของโรงกษาปณ์อายุ 2,600 ปี ในมณฑลเหอหนาน ซึ่งคาดว่าเป็นโรงงานผลิตเงินตราเก่าแก่ที่สุดในโลก เท่าที่เคยมีการค้นพบมา

สิ่งใช้แทนเงินที่โรงกษาปณ์แห่งนี้ผลิตขึ้นเรียกว่า “เงินจอบ” (spade money) ซึ่งใช้โลหะสัมฤทธิ์หล่อขึ้นเป็นรูปจอบขนาดเล็ก ความยาวประมาณ 10 เซนติเมตร คาดว่ามีการนำเงินจอบนี้มาใช้แทนหอยเบี้ยในยุคชุนชิว ซึ่งเป็นช่วงที่ราชวงศ์โจวเสื่อมอำนาจลงและมีรัฐเกิดใหม่ที่เข้มแข็งกว่าปรากฏขึ้นจำนวนมาก

H.ZHAO ET AL. / AN

ส่วนที่มณฑลเสฉวน มีการค้นพบกรุสมบัติใหม่อีกแห่งหนึ่งจากสมัยปลายราชวงศ์ซาง ที่สุสานในเมืองโบราณซานซิงตุย (Sanxingdui) หลังจากที่เมื่อไม่กี่ปีก่อน มีการค้นพบสมบัติล้ำค่าที่นั่นมาแล้วหลายพันชิ้น ในหลุมที่คนโบราณใช้เผาและฝังเครื่องสังเวย

วัตถุโบราณชิ้นโดดเด่นที่มีการค้นพบล่าสุด เป็นหน้ากากทองคำอายุ 3,000 ปี ซึ่งแสดงถึงเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมยุคสัมฤทธิ์ที่เป็นรากฐานให้กับการก่อตั้งรัฐฉู่ หนึ่งในรัฐโบราณทรงอิทธิพลที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นหลายร้อยปี

SANXINGDUI MU

รุ่งอรุณทางปัญญาของมนุษยชาติ

การเล่าเรื่องด้วยภาพและการใช้สัญลักษณ์สื่อความหมาย นับเป็นหนึ่งในจุดเริ่มต้นของการก่อกำเนิดอารยธรรมมนุษย์ ซึ่งเมื่อช่วงต้นปีนี้มีการค้นพบภาพสัตว์บนผนังถ้ำที่เก่าแก่ที่สุดในโลกบนเกาะสุลาเวสีของอินโดนีเซีย โดยนักโบราณคดีใช้ไอโซโทปของยูเรเนียม ตรวจวัดอายุแร่แคลไซต์ที่เกาะตัวสะสมอยู่บนภาพสัตว์ดูแล้ว พบว่ามีอายุถึง 45,500 ปี

ภาพสัตว์ที่ว่าเป็นรูปหมูป่า ซึ่งคนโบราณใช้แปรงจุ่มสีที่ทำจากดินแดงวาดขึ้น นอกจากนี้ยังมีภาพพิมพ์มือ ภาพกลุ่มคนออกล่าสัตว์มีเขา ซึ่งแสดงถึงจินตนาการอันล้ำลึกและซับซ้อน ทั้งยังเป็นหลักฐานบ่งชี้ว่า การพัฒนาทางสติปัญญาของมนุษย์มีขึ้นในเวลาใกล้เคียงกันทั่วโลก โดยไม่ได้เริ่มต้นที่ภูมิภาคยุโรปเป็นแห่งแรก ตามที่เคยเชื่อกันมา

MAXIME AUBERT

  • สำรวจถ้ำในอินโดนีเซีย ชมภาพวาดสัตว์เก่าแก่ที่สุดในโลก

ปิดท้ายกันที่เรื่องของแผนที่แสดงอาณาเขตในรูปแบบสามมิติอายุ 4,000 ปี ซึ่งนักโบราณคดีเพิ่งยืนยันได้ว่าเป็นแผนที่แสดงลักษณะภูมิประเทศที่เก่าแก่ที่สุดของยุโรป

แผนที่สามมิตินี้คือ “แผ่นหินซองต์-เบเหล็ก” (Saint-Bélec Slab) ซึ่งพบที่ชั้นใต้ดินของปราสาทแห่งหนึ่งในฝรั่งเศสเมื่อราว 120 ปีก่อน โดยแผ่นหินความกว้าง 2 เมตร ถูกสลักพื้นผิวเป็นรูปทรงเนินเขาและแม่น้ำลำธารหลายสาย ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นการจำลองภูมิประเทศในแถบหุบเขาแม่น้ำโอเดต์ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของแคว้นบริตตานีในปัจจุบัน

DENIS GLICKS

แผ่นหินดังกล่าวแสดงรายละเอียดได้เหมือนสถานที่จริงถึง 80% แสดงถึงความรู้ความสามารถทางภูมิศาสตร์ของคนยุคสัมฤทธิ์ ซึ่งสูงกว่าที่นักโบราณคดีเคยคาดกันไว้มาก

++++++

ข่าว BBCไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ข่าวสด เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ