เมียหลวง ร้องสามีตำรวจแอบคบชู้แม่ค้าดาวติ๊กต็อก ใส่เครื่องแบบตำรวจเต็มยศไลฟ์สดขายของ ลงคลิปสนิทสนมกันถึงเนื้อถึงตัว ลูบขา โอบเอว พอเมียหลวงจับได้อ้างว่าเป็นคอนแทนต์ เพิ่มยอดขาย แถมยังขู่จะฟ้องเมียหลวงที่ทำให้เสียชื่อเสียง

วันนี้ 8 ต.ค. 67 ทางทีมงานได้สัมภาษณ์ผู้เป็นเมียหลวงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอเล่าว่า ตกลงวันที่เดินทางไปยื่นข้อเสนอเราจะขอค่าเลี้ยงดูบุตรเดือนละ 8 พัน และในเรื่องของการหย่าคือ 5 แสน และจบกัน โดยทางสารวัตรได้ำลน์มาบอกว่า “ข้อเสนอที่เิามายื่นนั้นำม่ตดลงให้ไปห้องเอา” เราก็เลยถามไปว่าคุณเป็ยอะไรดันกับคนในคลิป สรุปเป็นอะไรกัน เขาบอกว่า”เพื่อน เพื่อน เพื่อน” คือเราเป็นภรรยาหลวงการที่คุณเอาคนอื่นออกไปงานชูหน้าชูตาแทนภรรยา เราบอกว่าเราจะเอาเรื่องนะ คือเรารู้เรื่องแล้วก็ของจบกัน

เมื่อถามว่าจริงไหมที่เราต้องไปเอาเงินเขามาช่วยเหลือเรา เธอตอบว่า สมัยก่อนสามีได้ช่วยเหลือให้เงินจริงประมาณ 1 แสนต้น เพื่อที่เขาจะขอให้เราเคลียด์เรื่องเสร็จเพื่อที่จะย้ายมาใข้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ส่วนเรื่องของการพนันยอมรับว่าจริง สมัยตั้งแต่ 2-3 ปีที่แล้ว ก่อนที่จะมาอยู่ที่นี่ ปัจจุบันนี้เลิกหมดทุกอย่างแล้ว ใช้ชีวิตทำงานคนเดียว เลี้ยงลูกคนเดียว หาเงินให้ลูก

ผู้เป็นเมียหลวง กล่าวอีกว่าตนเองเป็นแม่หม้ายลูก 1 สามีเก่าเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวจนลูกอายุได้ประมาณ 9 ขวบ ยอมรับว่าตอนนั้นมีหนุ่ม ๆ เข้ามาจีบเยอะ แต่ตนไม่เคยสนใจ กระทั่งมีตำรวจหนุ่มนายหนึ่ง เข้ามาจีบทางเฟสบุ๊ก ปี 2562 ซึ่งตำรวจหนุ่มรายนี้บอกว่า ตัวเองเป็นพ่อหม้ายลูก 2 และชีวิตครอบครัวไม่ประสบความสำเร็จ ต้องการลงหลักปักฐานสร้างครอบครัวใหม่ ตำรวจหนุ่มตามจีบ อยู่เดือนกว่า ๆ ก่อนตัดสินใจคบหากัน เพราะรู้สึกคลิ๊ก เข้าอก เข้าใจกันดี

• เกษตรกรเกาหลีใต้ โกนหัวประท้วง หลังบังคับใช้กฎหมาย ห้ามกิน-ขายหมา
• โคอาล่าซน! หลุดโผล่สถานีรถไฟซิดนีย์ สร้างความฮือฮาให้ผู้โดยสาร
• หึงโหด! ผัวฉุนเมียมีชู้ ใช้มีดแทง ดับคารถ ก่อนยิงตัวเอง จนบาดเจ็บสาหัส

หลังคบกันได้ 2 ปี ตนจับได้ว่า ตำรวจหนุ่มไปยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงทางภาคใต้เป็น เจ้าแม่ปล่อยเงินกู้ และขายหวยใต้ดิน ซึ่งตำรวจหนุ่ม ยอมรับกับตนว่า แอบไปคบหากับผู้หญิงคนนี้จริง แต่คบเพื่อผลประโยชน์ เพราะไปเอาเงินเขามา 7-8 แสนบาท ทำให้เลิกไม่ได้ ขอคบไว้อีกคน ตนจึงตัดสินใจให้ตำรวจหนุ่มจดทะเบียนสมรสกับตน โดยทำข้อตกลงว่า ยินยอมให้มีผู้หญิงอีกคน แต่ห้ามมีลูกหรือมีพันธะผูกพันใด ๆ หลังจากนั้น ตนและสามีก็ใช้ชีวิตร่วมกันปกติเป็นคู่ผัวตัวเมีย ฝ่ายสามีก็ยังไปมาหาสู่กับเจ้าแม่เงินกู้รายนี้เหมือนเดิม”

จนกระทั่งมีอยู่คืนหนึ่ง เจ้าแม่เงินกู้โทรฯเข้ามาหาสามีกลางดึก แต่สามีนอนหลับแล้ว ตนจึงรับสาย และเจ้าแม่เงินกู้พูดด้วยเสียงตกใจถามว่า นี่พี่บีมเหรอ ไหนสารวัตรบอกว่าเลิกกันแล้ว ตนจึงบอกไปว่า ยังไม่ได้เลิกกัน และตอนนี้ตั้งท้องอยู่ 7 เดือนด้วย จากนั้นฝ่ายหญิงก็วางสายไป เช้ารุ่งขึ้นตนรีบออกไปทำงานก่อนที่สามีจะตื่นเพราะกลัวว่าถ้าสามีรู้ว่าไปยุ่งกับโทรศัพท์มือถือ และไปคุยกับผู้หญิงของเขาตนจะถูกทำร้ายเหมือนครั้งก่อนที่ผ่านมา

แต่สุดท้ายก็ไม่รอด ช่วงดึกหลังสามีออกเวร สามีรู้ว่าตนคุยกับเจ้าแม่เงินกู้ สามีจึงปรี่เข้ามารัวแข้ง เตะแบบไม่ยั้ง จนตนเองต้องร้องขอชีวิต และบอกว่ามีลูกอยู่ในท้องนะ สามีจึงยอมหยุด แต่ไม่ยอมพาตนไปหาหมอ ตนต้องหอบสังขารไปขอความช่วยเหลือจากข้างห้องให้พาไปโรงพยาบาล ซึ่งหมอบอกว่ามีภาวะเสี่ยงแท้งให้ดูแลตัวเองดี ๆ ตนจึงไปแจ้งความและฟ้องศาลเยาวชน

โดยศาลสั่งว่า ห้ามฝ่ายชายทำร้ายร่างกายอีก และให้กลับมาดูแลภรรยาจนกว่าจะคลอด สามีก็ทำตามคำสั่งศาล จนถึงวันคลอด แต่หลังออกจากโรงพยาบาล สามีเริ่มเปลี่ยนไปอีกไม่ค่อยกลับบ้านอ้างว่าไปราชการต่างจังหวัด และไม่เคยมาดูแลตนกับลูกเลย จนตนต้องให้พี่สาวมาช่วยเลี้ยงลูก

ต่อมา ตนจับได้อีกว่า สามีไปยุ่งเกี่ยวกับสาวอีกราย ที่จับได้เพราะตนเข้าไปเล่น Tiktok และไปเจอช่อง 1 ชื่อว่า สารวัตรหนุ่ม บิ้วตี้ กำลังไลฟ์สดขายสบู่และลงคลิปขายสบู่ ขายของออนไลน์ ตนตกใจมาก เพราะสารวัตรหนุ่มที่ว่า สามีตนเองใส่เครื่องแบบเต็มยศ present ตัวเองต่าง ๆ นา ๆ ว่า เป็นตำรวจ ยศพันตำรวจตรี สินค้าของเรามีทั้งสบู่อาหารเสริมมั่นใจเลยว่าเป็นของดีการันตีด้วยตัวเอง

พอตนเห็นแบบนั้นก็ยิ่งเข้าไปส่องให้ลึกลงไปอีก และดูคลิปต่าง ๆ ที่สามีมีการลงไว้ปรากฏว่ามีผู้หญิงคนนึงที่จะอยู่ในคลิปด้วยแต่ไม่เห็นหน้าเต็ม ๆ มาแค่เสียงบ้างมาแค่มือบ้างมีการลูบไล้ขาของสามีตน และเสียงพูดคุยหยอกล้อกันอย่างกระหนุงกระหนิงตนมั่นใจเลยว่าเป็นเสียงของสามี และขาของสามีตนเองแน่นอน ตนดูทุกคลิปขุดจนเจอว่าผู้หญิงคนดังกล่าวคือเจ้าของสบู่แบรนด์ดังใน Tiktok นั่นเอง

หลังจากตนเห็นคลิป เก็บหลักฐาน และสืบจนมั่นใจแล้วว่า ทั้งคู่น่าจะมีสัมพันธ์กันเกินเลย ตนจึงถามสามี แต่สามีอ้างว่าเป็นคอนแทนต์ เพื่อเพิ่มยอดขายและตัวเองในฐานะที่เป็นหุ้นส่วนกับแบรนด์ดังกล่าวก็ต้องไลฟ์สดช่วยกันขายของ ตนไม่เชื่อจึงพยายามติดต่อไปที่ฝ่ายหญิงเจ้าของแบรนด์

ปรากฏว่า ฝ่ายหญิงอ้างแบบเดียวกันว่า เป็นแค่คอนแทนต์ ไม่มีอะไรเกินเลย แถมขู่ฟ้องตนกลับด้วย โดยอ้างว่าสามีตนเอาเงินไป 300,000 บาทเพื่อมาใช้หนี้ให้กับตน เพราะฉะนั้นจะต้องฟ้องเพื่อให้ตนรับผิดชอบด้วย ซึ่งคุณบีมยืนยันว่าตนเองไม่เคยได้เงินแสนจากสามีเลยมีแต่หลักร้อยหลักพันที่สามีให้ค่าเลี้ยงดูให้ค่านมลูกเท่านั้น

และตั้งแต่จับได้สามีก็ไม่ค่อยกลับบ้านไม่เคยมาอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ เลย หายไปเป็นอาทิตย์ ซึ่งตนเคยไปร้องเรียนและทวงถามความเป็นธรรมที่หน่วยงานต้นสังกัดของสามี ผู้บังคับบัญชาเคยเรียกมาพูดคุย และให้สามีหยุดพฤติกรรมดังกล่าว แต่สุดท้ายเรื่องก็เงียบ และสามีก็ยังไปยุ่งเกี่ยวพัวพันกับเจ้าของแบรนด์อย่างสนิทสนมเกินเลยเหมือนเดิม

วันนี้ตนจึงต้องการร้องเรียนผ่านสื่อเพื่อให้สังคมเห็นว่ามันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับตน หน้าฉากทั้งสามี และเจ้าของแบรนด์ทำตัวเป็นแม่พระนักบุญพากันไปทำบุญถึงอินเดีย แต่ฉากหลังกลับทิ้งลูกทิ้งเมียแล้วไปมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดจนเกินขอบเขตซึ่งตนในฐานะเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายไม่อนุญาต

หลังจากนี้ตนจะเดินหน้า ฟ้องชู้ และฟ้องหย่า รวมถึงฟ้องเรียกค่าเลี้ยงดู จากสามี ด้วยส่วนวินัยอยากให้มีการตรวจสอบว่าการใส่เครื่องแบบตำรวจไร้สดขายของออนไลน์ในลักษณะนี้สามารถทำได้หรือไม่ซึ่งตนมองว่าไม่เหมาะสม ส่วนกรณีที่สามีอ้างว่าตนเองติดการพนันนั้น ตนเองยอมรับว่าเคยติดการพนันจริง แต่ตอนนี้เลิกหมดแล้ว