สีจิ้นผิง ประกาศบริจาควัคซีน 2 พันล้านโดสให้ทั่วโลกในปีนี้ บริจาค 3,330 ล้านผ่าน COVAX

Home » สีจิ้นผิง ประกาศบริจาควัคซีน 2 พันล้านโดสให้ทั่วโลกในปีนี้ บริจาค 3,330 ล้านผ่าน COVAX
สีจิ้นผิง ประกาศบริจาควัคซีน 2 พันล้านโดสให้ทั่วโลกในปีนี้ บริจาค 3,330 ล้านผ่าน COVAX

“สี จิ้นผิง” ประกาศชัดจะบริจาควัคซีนต้านโควิดให้ทั่วโลก 2 พันล้านโดสภายในปี 2564 และจะบริจาคเงินจำนวนราว 3,330 ล้านบาทให้กับโครงการจัดสรรวัคซีนเพื่อประเทศกำลังพัฒนา COVAX

สำนักข่าว SCMP ของจีนรายงานอ้างอิงกระทรวงการต่างประเทศของจีน ระบุว่า สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนประกาศอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านฟอรัมการประชุมว่าด้วยประเด็นความร่วมมือระดับนานาชาติด้านวัคซีนต้านโควิด-19 ระบุว่า จีนจะทำการบริจาควัคซีนจำนวน 2,000 ล้านโดส ให้กับนานาประเทศเพื่อต่อสู้กับการระบาดที่ไม่จบสิ้น และยังจะบริจาคเงินให้กับโครงการจัดสรรวัคซีนเพื่อประเทศกำลังพัฒนาอย่าง COVAX เป็นจำนวน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 3,330 ล้านบาทอีกด้วย

“จีนจะทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดต่อไปในการช่วยเหลือกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในการรับมือกับการระบาดใหญ่ของโควิด-19” สี จิ้นผิง กล่าว

ในงานประชุมสุดยอดด้านสุขภาพ Global Health Summit เมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา สี จิ้นผิง เปิดเผยว่า ขณะนั้นจีนได้ทำการส่งวัคซีนต้านโควิด-19 จำนวน 300 ล้านโดสไปให้ 80 ประเทศทั่วโลกแล้ว พร้อมกับส่งความช่วยเหลือเพื่อฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจและการควบคุมโรคระบาดเป็นมูลค่ามากกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 66,749 ล้านบาท ขณะที่ในระยะเวลา 3 ปีต่อจากนี้ สี จิ้นผิง ย้ำว่าจะส่งความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาวิกฤตโรคระบาดไปยังประเทศกำลังพัฒนาเป็นมูลค่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 100,000 ล้านบาท

ปัจจุบันช่องว่างความเหลื่อมล้ำของอัตราการฉีดวัคซีนในกลุ่มประเทศยากจนและประเทศร่ำรวยที่กว้างขึ้นเรื่อยๆ ได้กลายมาเป็นหนึ่งในความกังวลอย่างมากขององค์การอนามัยโลก หรือ WHO โดยพบว่าในเดือน พ.ค. ในทุกๆ 100 คนของประชากรของกลุ่มประเทศรายได้สูงได้รับการฉีดวัคซีนไม่น้อยกว่า 50 โดส ซึ่งปัจจุบันตัวเลขนั้นเพิ่มสูงขึ้นกว่าเท่าตัว

ขณะที่ในกลุ่มประเทศรายได้ต่ำ อัตราส่วนการฉีดวัคซีนให้ประชากรอยู่ที่ราว 1.5 โดสต่อประชากร 100 คนเท่านั้น เพราะเหตุผลหลักอย่างการขาดแคลนวัคซีน จึงทำให้ขณะนี้กลุ่มประเทศร่ำรวยได้เริ่มตัดสินใจแจกจ่ายวัคซีนให้กับประเทศยากจน เพื่อร่วมมือกันรับมือกับการระบาดโดยเฉพาะสายพันธุ์ใหม่อย่าง “เดลตา”‘ เพราะโลกไม่สามารถก้าวผ่านวิกฤตนี้ได้โดยการ “รอด” เพียงลำพังเท่านั้น

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ