วันที่ 1 ม.ค.เอเอฟพีรายงานว่า นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนกล่าวในโอกาสวันปีใหม่ว่า แสงแห่งความหวังอยู่เบื้องหน้าประชาชนจีน ช่วงที่จีนเผชิญกับยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นสูงอย่างมากหลังยกเลิกมาตรการสกัดโควิด-19 ฉับพลัน นับเป็นเวลา 3 ปีหลังโควิด-19 ระบาดครั้งแรกในนครอู่ฮั่น
ในเดือนม.ค. 2566 จีนเริ่มขจัดนโยบายสกัดโควิด-19 อย่างเข้มงวดหรือซีโร่โควิด ทำให้นับตั้งแต่นั้นโรงพยาบาลในจีนเต็มไปด้วยผู้ป่วย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยสูงวัย อีกทั้งสถานที่เผาศพเผชิญภาวะเกินรองรับและร้านขายจำนวนมากขาดแคลนยารักษาไข้หวัด
“การป้องกันและการควบคุมโรคระบาดกำลังเข้าสู่ระยะใหม่ ทุกคนกำลังทำงานอย่างกล้าหาญและแสงแห่งความหวังอยู่ตรงหน้าพวกเรา”นายสีกล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์ นับเป็นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ครั้งที่ 2 ในสัปดาห์นี้ของประธานาธิบดีจีน โดยเมื่อวันจันทร์ที่ 26 ธ.ค. 2565 นายสีเรียกร้องให้มีมาตรการเพื่อคุ้มครองชีวิตประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อวันเสาร์ที่ 31 ธ.ค.2565 จีนรายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่กว่า 7,000 คนและมีผู้เสียชีวิต 1 รายจากประชากรจีนทั้งหมด 1.4 พันล้านคน ซึ่งดูเเหมือนไม่ตรงกับสถานการณ์จริง
ด้านน.ส.ไช่ อิงเหวิน ประธานาธิบดีไต้หวันกล่าวในโอกาสปีใหม่ว่า ไต้หวันเสนอความช่วยเหลือแก่จีนหากจีนต้องการในสถานการณ์ยอดโควิด-19 ในจีนเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และแสดงความหวังว่าความช่วยเหลือจากไต้หวันสามารถช่วยประชาชนพ้นจากโรคระบาดได้มากยิ่งขึ้นและมีสุขภาพที่ดี ปลอดภัยในปีใหม่นี้
ทางการจีนประกาศว่าจะยุติมาตรการกักตัวแก่ผู้เดินทางเข้าประเทศจีนตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.และอนุญาตให้ประชาชนจีนเดินทางไปต่างประเทศ ส่งผลให้ชาติยุโรปหลายประเทศรวมถึงฝรั่งเศสและอิตาลีตลอดจนสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นประกาศว่า ผู้โดยสารที่เดินทางมาจากประเทศจีนต้องมีผลตรวจโควิด-19 เป็นลบ เนื่องจากส่วนใหญ่หวาดกลัวสายพันธุ์ใหม่
ด้านนายทีโดรส อัดฮานอม กีเบรเยซุส ผอ.องค์การอนามัยโลกกล่าวว่า มาตรการป้องกันไว้ก่อนที่หลายประเทศดำเนินการเพื่อคุ้มครองประชาชนของตนนั้นสามารถเข้าใจได้ในยามที่ขาดข้อมูลข่าวสารการระบาดของโควิด-19 อย่างรอบด้านจากจีน
ขณะที่สหภาพยุโรปหรืออียูจะประชุมหารือในสัปดาห์หน้าเพื่อที่จะหามาตรการตอบสนองร่วมกันต่อปัญหาดังกล่าว ด้านสภาสนามบินนานาชาติ ซึ่งเป็นผู้แทนสนามบินกว่า 500 แห่งในชาติยุโรป 55 ประเทศประณามมาตรการตรวจโควิด-19 ว่า ไม่สมเหตุสมผลทางวิทยาศาสตร์หรือดำเนินการบนฐานความเสี่ยง
……………