สิงคโปร์ จำคุก 24 ปี เฆี่ยน 24 ไม้ พ่อย่ำยีลูกสาววัย 14 ตอนแม่เด็กไปรักษามะเร็ง

Home » สิงคโปร์ จำคุก 24 ปี เฆี่ยน 24 ไม้ พ่อย่ำยีลูกสาววัย 14 ตอนแม่เด็กไปรักษามะเร็ง


สิงคโปร์ จำคุก 24 ปี เฆี่ยน 24 ไม้ พ่อย่ำยีลูกสาววัย 14 ตอนแม่เด็กไปรักษามะเร็ง

สิงคโปร์ จำคุก 24 ปี เฆี่ยน 24 ไม้ พ่อย่ำยีลูกสาววัย 14 ตอนแม่เด็กไปรักษามะเร็ง

วันที่ 8 ส.ค. แชนแนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า ศาล สิงคโปร์ พิพากษาให้ชายวัย 44 ปี ได้รับโทษจำคุก 24 ปี และถูกเฆี่ยน 24 ไม้ ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดตามกฎหมาย ฐานข่มขืนลูกสาวตัวเอง 14 ปี และกระทำต่อเนื่องหลังภรรยาของผู้ก่อเหตุต้องเข้ารับการรักษามะเร็ง

รายงานระบุว่า ตัวตนของผู้เสียหายได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายปิดปาก ส่วนผู้ก่อเหตุไม่สามารถระบุชื่อได้เนื่องจากเป็นพ่อบังเกิดเกล้าของเหยื่อ

ผู้ก่อเหตุสารภาพความผิดข่มขืน 3 กระทง แต่ศาลพิจารณาพิพากษาจากความผิดข่มขืน ลวนลาม และล่วงละเมิดทางเพศด้วยการสอดใส่ รวมเป็นอีก 8 กระทง

ศาลพิพากษาว่า ผู้ก่อเหตุล่วงละเมิดทางเพศลูกสาวตัวเองเป็นครั้งแรกในเดือนพ.ค. 2560 และกระทำต่อเนื่องเป็นเวลาหลายเดือน

 

เหยื่อแสร้งหลับ

ย้อนกลับไปในเดือนต.ค. 2562 พ่อเข้าห้องนอนของลูกสาววัย 14 ปี และล่วงละเมิดทางเพศก่อนข่มขืน ขณะที่คนที่เหลือในครอบครัวกำลังนอนหลับ ส่วนเหยื่อแสร้งหลับตลอดช่วงเวลาถูกข่มขืน และน้องสาวของเหยื่อนอนหลับบนฟูกข้างๆ

พ่อข่มขืนเหยื่ออีกค่ำคืนในเดือนพ.ย. 2562 และอีกครั้งในช่วงก่อนรุ่งสางของวันที่ 2 ธ.ค. 2562 แต่ละครั้ง เหยื่อแสร้งหลับเช่นกัน

ในครั้งสุดท้ายนั้น แม่ของเหยื่อเข้าห้องนอนลูกสาววัย 14 ปี เป็นครั้งคราวหลังเกิดเรื่อง แม่ของเหยื่อเห็นสามีของเธอคุกเข่าข้างๆ เตียงนอนของเหยื่อ โดยแก้ผ้าตั้งแต่เอวลงมา จึงฟาดสามี โดยถามว่าทำแบบนี้ได้อย่างไร

จากนั้น เหยื่อเริ่มร้องไห้และน้องสาวของเหยื่อที่ตื่นขึ้นมาจากความวุ่นวายเริ่มร้องไห้เช่นกัน ส่วนพ่อขอโทษภรรยาและออกไปจากห้องนอน

รายงานระบุว่า เหยื่อไม่ได้แจ้งความกับตำรวจตอนแรกว่าถูกพ่อข่มขืน เนื่องจากเห็นว่าครอบครัวของเหยื่อต้องพึ่งพาทางการเงินจากพ่อ หลังแม่ของเด็กเริ่มเข้ารับการรักษามะเร็ง

นายเชิน วันชิน และ นายเบนจามิน สมีนาธาน รองอัยการ กล่าวว่า ลูกสาววัย 14 ปี ไม่ต้องการทำให้แม่ไม่สบายใจหรือกังวลในช่วงการรักษา ทั้งหวาดกลัวพ่อ และคิดว่าพ่อแข็งแรงกว่าหากเหยื่อพยายามขัดขืน

หลังเหตุการณ์นั้น แม่ของเด็กเปลี่ยนที่นอนลูกๆ โดยนำลูกสาววัย 14 ปี และน้องสาวของเด็ก ไปห้องนอนเดียวกับพี่น้องคนอื่นๆ ของเด็กๆ

เหตุการณ์ที่พ่อข่มขืนลูกสาววัย 14 ปีจึงยุติลง

 

ภรรยาอยู่ในโรงพยาบาล

ในปี 2563 แม่ของลูกสาววัย 14 ปี เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และคืนเดียวกันนั้นเอง พ่อเข้าไปในห้องนอนของลูกๆ และนั่งบนฟูกของเหยื่อ ทว่าพ่อออกไปจากห้องไม่นานหลังตกใจที่ได้ยินเสียงลูกชายจามดังสนั่น

วันถัดมา ลูกสาววัย 14 ปี ส่งข้อความบอกแม่กับเรื่องที่เกิดขึ้น และเมื่อแม่กลับมาบ้านไม่กี่วันหลังจากนั้น จึงเผชิญหน้ากับสามีกับเรื่องดังกล่าว โดยถามว่าทำไมเข้าไปในห้องนอนลูกๆ แต่สามีปิดปากเงียบและไม่ตอบอะไร

ไม่กี่วันหลังจากนั้น แม่ตัดสินใจยื่นคำร้องเพื่อการคุ้มครองส่วนบุคคลสำหรับลูกกๆ จากพ่อของเด็ก เนื่องจากแม่ต้องการปกป้องลูกๆ จากพ่อในกรณีที่แม่ไม่อยู่ และแม่พาลูกสาววัย 14 ปี ไปสถานีตำรวจ และลูกสาววัย 14 ปี บอกเจ้าหน้าที่ว่า ถูกพ่อข่มขืนเมื่อปีที่แล้ว

จากการประเมินโดยจิตแพทย์ของสถาบันสุขภาพจิต ผู้ก่อเหตุไม่มีอาการป่วยทางจิต ไม่มีจิตใจที่ไม่ปกติระหว่างการกระทำความผิด และไม่ได้พิการทางสติปัญญา

ส่วนแม่ของเหยื่อเสียชีวิตจากอาการป่วยของเธอตั้งแต่นั้นมา

 

“ประเภทของการข่มขืนที่เลวร้ายที่สุด”

ฝ่ายโจทก์ขอให้ศาลพิพากษาโทษดังกล่าว โดยอ้างว่าผู้กระทำความผิดหลอกใช้ความไว้วางใจและความเปราะบางของเหยื่อวัยเยาว์เป็นการซ้ำเติม “ไม่มีเด็กคนใดควรถูกเอาเปรียบในลักษณะนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโดยคนที่พวกเขาโดยคนที่พวกเขาไว้วางใจและมองหาความรักและการปกป้อง”

อัยการสมีนาธานย้ำว่า ความผิดบางอย่างเกิดขึ้นหลังแม่ของเด็กเริ่มเข้ารับการรักษามะเร็ง ซึ่งเป็นช่วงเวลาเคร่งเครียดสำหรับเหยื่อ และยังชี้ว่าต่อให้ผู้ก่อเหตุถูกภรรยาจับได้ แต่ยังเข้าห้องนอนลูกสาววัย 14 ปี อีกเมื่ออยู่กับลูกๆ ตามลำพัง

 

ขณะที่ นายวิกเนศ ไนนาร์ ทนายความฝ่ายจำเลย ขอให้ศาลพิพากษาลดโทษจำคุกจาก 24 ปี เหลือ 22 ปี โดยย้ำว่า จำเลยเกิดความละอายและสำนึกผิดต่อการกระทำ

ทนายความกล่าวว่า จำเลยเข้าใจว่าลูกๆ ไม่ต้องการติดต่อกับพ่ออีกต่อไปและ “เกลียดชัง” พ่อ และการสูญเสียในตัวเองเช่นนี้เป็นลงโทษสำหรับจำเลยแล้ว

 

ด้าน ผู้พิพากษาเดดาร์ สิงห์ กิลล์ กล่าวว่า การที่พ่อข่มขืนลูกสาววัยใสและอ่อนแอเป็น “ประเภทของการข่มขืนที่เลวร้ายที่สุด” และ “สร้างความระส่ำระส่ายในครอบครัว” และว่า การพิพากษาที่ผิดพลาดอาจหมายความว่า เหยื่อต้องแบกรับความเจ็บปวดต่อไป และผู้กระทำความผิดไม่ได้รับการลงโทษ

“ไม่มีหญิงสาวคนใดควรพบว่าตัวเองอยู่ในสภาพเช่นนี้” ผู้พิพากษากล่าวโดยชี้ว่าเหยื่อไม่ได้แจ้งความว่าถูกพ่อข่มขืนก่อนหน้านี้ เนื่องจากครอบครัวต้องพึ่งพาทางการเงินกับพ่อ และยังระบุว่าแม่ของเหยื่อแค่เปลี่ยนที่นอนลูกๆ แต่ไม่ได้แจ้งความหลังรู้เรื่องตั้งแต่แรก

 

ทั้งนี้ โทษสำหรับความผิดข่มขืนในสิงคโปร์คือจำคุก 20 ปี และปรับ หรือเฆี่ยน

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ